ตอนที่ 7 วาจาเชือดเฉือน
“คือว่า…”
“คุณหนูกู้ขอรับ เดิมทีหากเจ้าบ้านต้องรับแขกคนอื่น แขกที่ดีควรจะ…กลับก่อนมิใช่หรือขอรับ”
“ต้าจื่อ!!”
ต้าจื่อหลุดปากพูดออกไปเพราะทนไม่ไหวกับความไร้มารยาทของคุณหนูกู้ผู้นี้มานาน นางทั้งมาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญในทุก ๆ วัน ตามติดคุณชายของเขาจนแทบจะไม่เป็นอันกินอันนอน แม้แต่ตอนค่ำก็ปีนกำแพงขึ้นมาถามหาแมว และในตอนนี้ก็จะไปพบแขกอีกคนกับคุณชายอีก
“แต่ข้ามิใช่แขก ข้าเป็นคนข้างบ้าน ทำไมล่ะแค่ไป๋รั่วเวยคนเดียวสำคัญมากนักหรือข้าถึงไปพบนางด้วยไม่ได้”
“คุณหนูกู้ มิใช่ว่าพบไม่ได้เพียงแต่ว่าข้าคิดว่า มันค่อนข้างที่จะไม่เหมาะสม”
“เช่นนั้นการที่ท่านพบนางเพียงลำพังในห้องสองต่อสอง เป็นเรื่องที่เหมาะสมสินะ ข้าเข้าใจแล้วเสี่ยวจูเช่นนั้นเราก็กลับกันเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะเห็นดอกบัวขาวอย่างไป๋รั่วเวยสักเท่าใดนักหรอก”
“เอ่อ…คุณหนูกู้ เจ้า…ออกไปทางประตูดีหรือไม่”
“ท่านอยากให้ไป๋รั่วเวยเห็นว่าท่านอยู่กับข้าหรืออย่างไรคุณชายเจียง อย่าดีกว่าข้าไม่อยากทำลายบรรยากาศที่แสนหวานนั่นเท่าไหร่นักหรอก เสี่ยวจูเรากลับกันเถอะ”
นางปีนขึ้นบันไดที่นำมาเองจากจวนเพราะว่าเจียงอี้หานสั่งปิดประตูจวนเนื่องจากไม่อยากต้อนรับนาง แต่คนอย่างกู้ม่านซีนั้นไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ นางถึงกับเอาบันไดมาพาดให้สองจวนเชื่อมต่อกัน และห้ามมิให้เขาเอาออกอีกด้วย
“เฮ้อ…”
“คุณชายขอรับ คุณหนูไป๋รออยู่ที่ห้องรับรอง”
“ข้ารู้แล้ว อย่าลืมที่สั่งไว้”
“ขอรับ”
ห้องรับรอง
“คุณหนูไป๋ ให้รอนานต้องขออภัย”
“คารวะคุณชายเจียง มิได้เจ้าค่ะข้ามาโดยมิได้นัดหมาย ข้าต่างหากที่เสียมารยาทหวังว่าคุณชาย…จะไม่ถือสา”
“วันนี้คุณหนูมาเยี่ยมถึงจวน มีสิ่งใดชี้แนะ”
“ข้านำภาพวาดและของขวัญของท่านพ่อมามอบให้ท่าน วันก่อนท่านพ่อรับปากท่านเอาไว้ วันนี้รั่วเวยจึงเป็นตัวแทนท่านพ่อนำมามอบให้ท่านด้วยตัวเอง”
“ของล้ำค่าเช่นนี้ ข้ามิกล้ารับไว้”
“หาได้ไม่เจ้าค่ะ นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อสั่งให้ข้านำมามอบให้ หวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจ”
“เช่นนั้นก็ขอขอบคุณคุณหนูไป๋แล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าจวนคุณชายเจียง จะอยู่ติดกับ…จวนสกุลกู้”
“คุณหนูรู้จักคุณหนูกู้หรือ”
ไป๋รั่วเวยหันไปยิ้มเยาะเล็กน้อย ซึ่งเป็นกิริยาที่ปกติเมื่อมีคนพูดถึงกู้ม่านซีที่เจียงอี้หานเริ่มคุ้นชินเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งเสนาบดีไป๋กับฮูหยินแม่ทัพหลิวเองก็ทำท่าทางเช่นนี้เช่นกัน
“มีผู้ใดจะไม่รู้จักสตรีเช่นกู้ม่านซีบ้างในจิ่งโจวนี้เจ้าคะ นางทั้งใจกล้าไม่เหมือนสตรีอีกทั้งกิริยามารยาทล้วน….”
“คุณหนูไป๋ เชิญดื่มชาก่อน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ไป๋รั่วเวยยกน้ำชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับขนมที่เขายกมาให้ แม้ว่าจะกล่าวถึงกู้ม่านซีอย่างระมัดระวัง แต่ในน้ำเสียงนั้นต่างกับที่ใช้คุยกับเขาโดยสิ้นเชิง และแม้ว่ากิริยาของไป๋รั่วเวยจะดูเรียบร้อยสมฐานะคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ทุกคำพูดของนางมักจะเอาตัวเองไปเทียบกับคนไม่เอาไหนอย่างกู้ม่านซีทุกคำ
“ข้าเองก็ไม่เห็นด้วยที่ชอบมีคนเอาข้าไปเปรียบเทียบกับนาง แม้ว่าข้าจะไม่กล้าเช่นนางก็ตาม แต่บางคนก็บอกว่าอย่างกู้ม่านซีเขาเรียกว่าไร้มารยาทมากกว่ากล้าหาญ”
“คุณชาย คุณหนูไป๋กล่าวมาก็ถูกนะขอรับ”
“ปึก!!”
ไปรั่วเวยหันมามองหน้าคุณชายเจียงที่วางจอกชาดังกว่าปกติ แต่ใบหน้านั้นยังคงยิ้มให้นางอย่างน่าหลงใหล นางคิดว่าแม้กู้ม่านซีจะได้เปรียบที่อยู่จวนติดกับเขา แต่คนอย่างนางมีหรือจะยอมให้บุรุษหนุ่มขุนนางชั้นเอกของฝ่าบาทหลุดมือไปได้เช่นนี้ ต่อให้มีอีกสิบกู้ม่านซีก็ไม่มีทางสู้นางได้
“คุณหนูไป๋ ชารสชาติเป็นเช่นไรบ้าง”
“ชานี้รสชาติดีราวกับพิถีพิถันในการผลิต ตั้งแต่คั่วใบชาจนถึงเวลาหมักที่พอดีถึงได้มีรสชาติยอดเยี่ยมเช่นนี้ ข้าช่างมีวาสนานักที่ได้ลิ้มลองชารสชาติยอดเยี่ยมเช่นนี้เจ้าค่ะ คุณชายเจียงช่างเป็นคนใส่ใจเสียจริง ๆ”
“งั้นหรือ เช่นนั้นคงต้องขอบคุณคุณหนูกู้เสียแล้วที่มอบชาชั้นดีเช่นนี้ให้กับข้า
ไป๋รั่วเวยเกือบสำลักชาที่พึ่งดื่มไป แต่ต้องยอมรับว่าชาของกู้ม่านซียอดเยี่ยมจริง ๆ และเป็นใบชาหายากเหมือนกับที่นางพูดมานั่นแหละ ไม่ผิดเลยเพราะนอกจากว่าจะราคาสูงลิ่วแล้ว ชานี้ยังจำกัดการขายอีกด้วย น้อยคนนักต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อหาได้
“ชาของ…ชานี้กู้ม่านซีเป็นผู้มอบให้ท่านงั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว ข้าไม่ค่อยได้ชงมาเท่าไหร่นัก นึกไม่ถึงว่าคุณหนูไป๋มาได้จังหวะพอดี จึงได้มีวาสนาได้ลิ้มลอง”
“แต่ว่าชานี้ต้องใช้เวลาจองถึงสามเดือน และต้องจ่ายเงินล่วงหน้าทั้งหมดก่อนที่จะรอรับของและอีกสองเดือนมิใช่หรือถึงจะได้มา แม้แต่จวนเสนาบดียังจองไม่ได้ แต่ว่ากู้ม่านซีไปหามาได้ก่อนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เอ่อ..ข้าหมายถึง นางคงไปข่มขู่ใครมาอีกกระมังเจ้าคะถึงได้….”
"ต้องขออภัยที่ข้าไม่ทันได้เตรียมต้อนรับ ก่อนหน้านี้ข้ามัวแต่จัดของ ดังนั้นจึงมีเพียงชาและขนมที่คุณหนูกู้นำมามอบให้ในทุก ๆ วันมารับแขกแทน”
“อะไรนะเจ้าคะ ขนมนี่ก็….”
“คุณหนูไป๋ เป็นอะไรไปงั้นหรือ ขนมนี่จะไม่ถูกปากเจ้างั้นหรือ”
“ข้าคิดว่าขนมนี่…มันหวานเลี่ยนไปนะเจ้าคะ คงซื้อมาจากร้านราคาถูกก็เลย…”
“งั้นหรือ แต่ว่าตราบนขนมเป็นของร้านฮั่วเจิน ร้านขนมชื่อดังในจิ่งโจวที่จะขายขนมชุดนี้ออกมาเพียงวันละห้าสิบชุดเท่านั้น มีน้อยคนที่ได้มา ต้าจื่อ หรือว่าตรานี่ไม่ใช่ของร้านฮั่วเจิน”
“เอ่อ…คุณชาย”
“แต่ข้าจำรสชาติมันได้นะ เพราะคุณหนูกู้ซื้อมาให้พวกเรากินกันทุกวัน นางเป็นลูกค้าประจำของที่ร้านนี้และได้ขนมสดใหม่ทุกวัน คุณหนูไป๋ เจ้าไม่ชอบงั้นหรือ”
“ข้า…. คือว่าข้า ไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเองสินะ ถึงว่าล่ะเจ้ากินไปแค่…. สี่ชิ้นเอง เหลือให้ข้าเพียงสองชิ้น สงสัยจะไม่ชอบจริง ๆ ด้วย”
“คุณชายเจียงข้ามานานแล้ว ธุระที่ท่านพ่อมอบหมายให้ก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วดังนั้น…ข้าคงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าจะเดินไปส่ง เชิญ”
ไป๋รั่วเวยแทบจะกัดลิ้นตายต่อหน้าเขา คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูสุขุมนิ่มนวลยิ้มง่ายและสุภาพเช่นเขา จะใช้วาจาได้เชือดเฉือนไม่แพ้สตรีไร้มารยาทอย่างกู้ม่านซี นางต้องรู้ให้ได้ว่าสองคนนี้สนิทกันมากถึงขนาดไหนถึงกับให้ขุนนางหนุ่มผู้นี้ออกรับแทนนางเช่นนี้
บนต้นไม้ในจวนสกุลกู้
“อย่าดันสิ โอ๊ย!! เจ้าเสี่ยวจู อย่าขึ้นมาบนหน้าข้าเกะกะ เจ้านั่งเฉย ๆ เดี๋ยวจะพาลงไป”
“คุณหนูลงมาเถอะเจ้าค่ะ ท่านจะขึ้นไปอีกทำไม วันก่อนตกลงมาก็ได้แผลแล้วนะเจ้าคะ”
“เงียบ ๆ พวกเขาเดินออกมาแล้ว”
กู้ม่านซีปีนต้นไม้และพาเสี่ยวจูขึ้นมาด้วยเพื่อลอบแอบฟังและแอบดูจวนข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าไป๋รั่วเวยและเจียงอี้หานเดินออกมาแล้ว นางก็ซุ่มดูพร้อมกับเสี่ยวจู ที่หมอบอยู่ข้าง ๆ นาง
“เงียบ ๆ เสี่ยวจูถ้าเจ้าให้ความร่วมมือดี ลงไปแล้วจะจัดอาหารชุดใหญ่ให้เจ้า”
เสี่ยวจูราวกับรู้ทัน มันนั่งนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ นางและมองไปทางเดียวกับนางเช่นกัน
“ออกมาแล้ว ดูท่าราวนางพญาน้อยนั่นสิ น่าหมั่นไส้ชะมัดแม้จะสวยก็เถอะ หรือว่าเจียงอี้หานจะหลงเสน่ห์นางเข้าแล้ว ไม่นะ ข้าไม่ยอม!! ว้าย!! เสี่ยวจู อยู่เฉย ๆ สิ”
แต่เสียงนั้นเจียงอี้หานได้ยินแล้ว เขาแค่เหลือบมามองและกลั้นขำเมื่อรู้ว่ากู้ม่านซีกำลังทำบางอย่างอยู่บนต้นไม้ แม้ว่าจะไม่เห็นชัด ๆ แต่ก็รู้ว่านางคงอยากรู้ว่าเขากับไป๋รั่วเวยทำอะไรกันในจวน
“คุณหนูไป๋ระวัง ตรงนั้นลื่น”
“จะ…จะ…จับมือถือแขน แล้วยังประคองกันด้วยงั้นเหรอ”