4 ผมเลือกคุณแล้ว 2
สีหน้าของคนขับสปอร์ตคาร์คันสีขาวขณะเข้าไปนั่งประจำเก้าอี้ต่างกับตอนขามาลิบลับ เขาเอื้อมมือไปวางกระเป๋าสัมภาระของภรรยาไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะหันไปมองเธอที่ตามเข้ามานั่งภายในรถข้างกัน
“ขวัญฝากลาพ่อกับแม่ด้วยนะพี่ภัส”
“อืม...”
ภัสสรารับคำในลำคอ ขณะที่เจ้าของใบหน้าคมสันที่ปกคลุมด้วยหนวดเคราเกลื่อนด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก และนั่นทำให้คนที่มาส่งน้องสาวขึ้นรถต้องมองอย่างหมั่นไส้ หากเธอไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ชี้นิ้วปรามเสียก่อน
“ไว้เจอกันนะพี่เมีย”
ติณณ์บอกด้วยสีหน้ากระหยิ่ม มองอีกฝ่ายที่ยกมือขึ้นเท้าสะเอวฉับอย่างชอบใจ จากนั้นจึงเคลื่อนรถออกจากบ้านไปทางป้อมยามหน้าหมู่บ้านแล้วตรงสู่ถนนสายหลัก หากรถแล่นไปได้แค่ระยะเดียว เขาก็เปลี่ยนทิศทางไปจากที่ขวัญรดาคิดว่าควรจะเป็น
“คุณจะไปไหนหรือคะ”
“พาเมียไปช็อปปิ้ง”
“ฉันไม่ได้อยากซื้อของ ฉันมีของใช้ครบแล้ว”
“ผมอยากซื้อให้”
“ฉันไม่ต้องการ”
ขวัญรดาเน้นเสียงชัดเจน แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย เพราะติณณ์ยังคงทำตามใจตัวเอง
การถูกเอาใจในขณะที่ต้องย้ำบอกตัวเองว่าอย่าหวั่นไหว มันเป็นเรื่องแสนทรมานจิตใจ โดยเฉพาะเมื่อใครคนนั้นเป็นคนที่เธอรักอย่างไม่อาจถอนใจ จนตัดสินใจเลือกที่จะกระโจนลงไปทั้งตัว
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้น รถคันหรูก็แล่นไปบนชั้นจอดรถของโรงแรมที่กันพื้นที่ไว้สำหรับผู้บริหาร ก่อนเขาจะพาเธอเดินไปตามสกายวอร์กที่เชื่อมกับห้างสรรพสินค้า...มันเป็นห้างฯ ของครอบครัวของเขาและเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเองก็เคยทำงานที่นี่ด้วย
บนชั้นสองของห้างฯ ทางฝั่งซ้ายมือเป็นโซนเสื้อผ้า ติณณ์จับจูงมือภรรยาสาวเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งที่เธอเคยมาในฐานะคนติดตามพี่สาว
“สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ดีใจจังที่คุณติณณ์มาร้านของเรา มีอะไรให้แหวนรับใช้ก็บอกได้นะคะ”
ผู้จัดการร้านตรงปรี่มาต้อนรับเมื่อเห็นลูกชายเจ้าของห้างฯ เข้ามาพร้อมหญิงสาว แม้จำฝ่ายหญิงไม่ได้ แต่คาดเดาจากท่าทางของทั้งสองคนก็รู้ได้ไม่ยากว่าเธอคงเป็นภรรยาของเขาที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเงียบๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน
“สวัสดีครับคุณแหวน ผมอยากได้เสื้อผ้าให้คุณผู้หญิง”
“เสื้อผ้าแนวไหนคะ ชุดออกงาน ชุดลำลอง หรือชุดแบบทางการ”
“ทุกแบบครับ ช่วยเลือกให้ผมอย่างละสามชุดก็แล้วกัน”
“ยินดีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้ค่ะ คุณติณณ์จะนั่งรอก่อนไหมคะ หรือเข้าไปดูด้วยกัน”
ตอนท้ายผู้จัดการร้านหันไปถามชายหนุ่ม เธอมองเขาอย่างชื่นชม รูปลักษณ์ของติณณ์ในวันนี้สะดุดตาอยู่มาก จากปกติที่เธอคุ้นเคยกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา แต่วันนี้เขากลายเป็นผู้ชายมาดเข้ม หนวดเคราที่ปกคลุมอยู่เกือบครึ่งใบหน้าทำให้เขาดูหล่อแปลกตา เมื่อสักครู่เธอยังแทบจำเขาไม่ได้
“ผมไปด้วย”
ติณณ์ตอบผู้จัดการร้าน หากเสียงหวานของอีกคนก็สวนกลับแทบทันที
“ไม่ต้องค่ะ”
“ผมจะช่วยคุณเลือก”
ติณณ์ยืนยัน ดวงตาคมทอประกายวิบวับจนขวัญรดาต้องเมินหนี ผู้จัดการร้านจึงรีบตัดบทเอาใจชายหนุ่ม
“งั้นเชิญคุณติณณ์กับคุณผู้หญิงทางนี้เลยค่ะ”
เสื้อผ้าสำเร็จรูปแขวนเรียงรายอยู่บนราว บางส่วนอยู่ในตู้โชว์ ขวัญรดาชอบแบรนด์นี้อยู่หรอกนะ เธอเคยหยิบของพี่สาวมาใช้ในโอกาสพิเศษอยู่บ้าง แต่ไม่เคยซื้อมาเป็นเจ้าของ เพราะราคาที่แปะบนป้ายนั้นมีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น
“ตรงนี้เป็นเสื้อผ้าที่ใส่แบบทางการ รูปแบบกึ่งลำลอง ดีไซน์เก๋ดีนะคะ สีเข้มตัดผิวดีค่ะ ส่วนสีอ่อนก็จะให้ความรู้สึกลำลองสบายๆ ขึ้นมาอีกค่ะ”
ผู้จัดการร้านเลือกเสื้อผ้าให้ลูกค้าวีไอพีด้วยตัวเอง ติณณ์เคยมาเป็นลูกค้าของร้านหลายครั้งแล้ว แต่ละครั้งเรียกได้ว่าเปย์หนักและจัดเต็ม…และคราวนี้ก็เช่นกัน เธอดูแลภรรยาของผู้ชายสมบูรณ์แบบคนนี้อย่างเต็มใจ กระทั่งได้รูปแบบเสื้อผ้ามาจนครบ
“สูทลำลองมีสีเทา สีชมพู และสีขาว ส่วนเดรสสำหรับใส่ออกงานแหวนให้พนักงานเตรียมไซซ์ของคุณขวัญไว้แล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
จากทีแรกที่คิดว่าไม่สนใจ แต่เมื่อถูกรายล้อมด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ตัวเองชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขวัญรดาจึงเพลินไปกับการดูแลของพนักงานร้านอย่างไม่ยาก
ติณณ์มองตามหลังพวกเธออย่างพอใจ เขาคิดไม่ผิดหรอก ผู้หญิงกับเสื้อผ้าเครื่องประดับ น้อยคนนักที่จะมองข้ามมันไปได้
ชายหนุ่มตามไปสมทบด้านใน เดรสใส่ออกงานที่พนักงานเลือกมาให้ล้วนถูกใจเขา รูปแบบเย้ายวนนิดๆ จนนึกอยากเห็นมันอยู่บนเรือนร่างของขวัญรดาไวๆ
“มันไม่ใช่ไซซ์ของขวัญนี่คะ”
ขวัญรดาท้วงเมื่อรับชุดสวยมาถือไว้ เธอแจ้งไซซ์ของตัวเองไปแล้ว คิดว่าไม่ผิดด้วยเพราะชุดสูทสามชุดที่ได้มาก็ล้วนเป็นไซซ์ของตัวเอง แต่เสื้อผ้าชุดออกงานเซ็ตนี้มันมีขนาดเล็กกว่าไซซ์ของเธอไปหนึ่งไซซ์
ผู้จัดการร้านรีบรับเดรสทั้งหมดมาพลิกดู แล้วนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าพนักงานของเธอนำชุดมาให้ลูกค้าผิดไซส์จริงๆ
“ขออภัยค่ะ พนักงานคงหยิบมาผิด เดี๋ยวแหวนไปดูให้ใหม่นะคะ”
“ผิดทั้งห้าชุดเลยค่ะ ขวัญใส่เบอร์สิบ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเสื้อผ้าเบอร์แปด”
ใจหล่นหายไปอยู่ที่ตาตุ่ม...ผู้จัดการร้านกระวีกระวาดหอบเสื้อผ้าทั้งหมดกลับเข้าไปด้านใน ขวัญรดาหรี่ตามองตาม ก่อนจะวาดสายตาไปยังคนร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“เดี๋ยวเขาเอาไซซ์ของขวัญมาให้” ติณณ์ตีหน้าซื่อแล้วเออออตามผู้จัดการร้าน
“หุ่นนางแบบดีนะคะ”
แค่ได้ยินคำเปรย ชายหนุ่มก็แทบยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมพนักงานเอาเสื้อผ้าเบอร์แปดมาให้ขวัญรดา แต่เขาจำได้ดีว่ามันเป็นขนาดเสื้อผ้าของผู้หญิงที่เขาต้องรูดการ์ดซื้อให้เมื่อคราวล่าสุดที่เข้าร้านนี้นั่นแหละ
โดยไม่ต้องให้ลูกค้ารอนาน ผู้จัดการร้านหิ้วเสื้อผ้าสำหรับใส่ออกงานกลับออกมา สีหน้าของเธอยิ้มแย้ม ไร้รอยเจื่อนสนิทผิดจากที่เห็นเมื่อสักครู่
“มาแล้วค่ะ เดรสทั้งห้าชุดเหมาะกับคุณขวัญมากค่ะ หุ่นนาฬิกาทรายอย่างคุณขวัญสวมเดรสของเราสวยค่ะ คุณขวัญลองสวมเลยไหมคะ”
“ขวัญไม่อยากลองแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้คุณขวัญลองชุดอื่นไปแล้ว ใส่ได้พอดีทุกชุด เดรสทั้งห้าชุดนี้ก็ใส่ได้ไม่พลาดแน่นอนค่ะ คุณขวัญเลือกแบบและสีได้เลยค่ะ”
“ผมเอาทั้งหมด คุณคิดเงินเสื้อผ้าทุกชุดให้ผมเลย”
ติณณ์โพล่งออกมา เมื่อเห็นแล้วว่าบรรยากาศไม่ชวนให้ยืดเยื้ออยู่ที่นี่นาน เพียงเท่านี้ผู้จัดการร้านก็ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม เธอรีบเชื้อเชิญให้ลูกค้าวีไอพีนั่งรออย่างสบายๆ ส่วนตัวเธอเองก็รีบจัดการเสื้อผ้าและบิลให้อย่างยินดีบริการ
แค่รถจอดสนิท ขวัญรดาก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าใบย่อมเดินเข้าไปในบ้าน ไม่สนใจถุงใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งช็อปปิ้งมาเมื่อสักพักใหญ่ที่วางอยู่เต็มรถ และไม่ไยดีคนขับรถที่เร่งฝีเท้าตามเธอมาจากข้างหลัง
“คุณขวัญกลับมาแล้วหรือคะ ไหนบอกว่าจะไปค้างหลายวัน”
เสียงป้านิ่มนั่นเอง อารามดีใจที่เห็นหญิงสาวกลับมาทำให้นางโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด ติณณ์ตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้จนนางต้องรีบปิดปากเสีย
ขวัญรดายืนรีรออยู่กลางบ้านชั่วขณะ ด้วยกำลังคิดว่าจะไปสงบสติอารมณ์ที่ไหนดี สุดท้ายเธอก็จ้ำฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่ตนครอบครองตามลำพังมานานนับสิบวัน โดยไม่ลืมล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา
“ขวัญเปิดประตูสิ คุณล็อกห้องทำไม นี่มันห้องนอนของเรานะ”
ติณณ์ทุบประตูปังๆ ส่งเสียงโวยวายอยู่ตรงหน้าประตู ขวัญรดาปล่อยให้เขาตะโกนเรียกนานนับนาที และเป็นเธอเองที่หมดความอดทน กระชากบานประตูเปิดแล้วข่มกลั้นอารมณ์บอก
“ไม่มีห้องนอนของเราแล้วค่ะ ถ้าคุณจะใช้ห้องนี้ก็ไปเปิดห้องอื่นให้ฉัน หรือไม่ฉันก็กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ฉัน”
ติณณ์รีบดันตัวเข้ามาในห้องเมื่อโอกาสเปิดให้ จ้องสบตาขวัญรดาอย่างไม่ยอมกัน
“ตลกน่าขวัญ คุณเป็นอะไร คุณไม่พอใจเรื่องอะไร บอกผมมาสิ”
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือคะว่าฉันโกรธคุณเรื่องอะไร”
“ขวัญบอกมาสิ”
“ยายเบอร์แปดนั่นเป็นใคร”
ถามไปแล้ว หญิงสาวก็เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่ชอบตัวเองยามหึงหวงหรอก แต่เธอห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ
“พนักงานในร้านจัดเสื้อผ้าให้คุณผิดไซซ์ คุณโกรธเขาด้วยเหรอ”
“ฉันไม่ได้โกรธเขา แต่ฉันโกรธคุณ” ขวัญรดากระแทกเสียงใส่จอมเฉไฉอย่างเหลืออด “ทำไมคุณต้องพาฉันเข้าไปในร้านเดียวกับผู้หญิงคนก่อนๆ ของคุณด้วย”
“มันเป็นแค่เสื้อผ้านะขวัญ ไม่มีใครผูกขาดแบรนด์เสื้อผ้าได้ ใครจะซื้อร้านไหนก็ช่างเขาสิ แต่ผมรู้ว่าคุณชอบเสื้อผ้าร้านนี้ ผมก็เลยพาคุณไป”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“เสื้อผ้าที่คุณใส่มางานเลี้ยงบริษัท ไม่ว่าเลี้ยงปีใหม่หรืองานทำบุญบริษัท คุณก็ใช้ของร้านนี้ทุกตัว”
มันเป็นเรื่องที่ขวัญรดาไม่คิดว่าจะได้ยิน ติณณ์มองเห็นเธอด้วยหรือ พนักงานตำแหน่งเล็กๆ ฝ่ายบริหารกลยุทธ์ขององค์กร เธอมองหาความเป็นไปได้แทบไม่เจอที่ผู้บริหารหรือเจ้าของห้างสรรพสินค้าจะมองเห็นเธอ...
“เราแต่งงานกันแล้วนะ ผมแต่งงานกับขวัญแล้ว เราเป็นผัวเมียกัน ส่วนเรื่องในอดีตก็ช่างมันเถอะ”
“คุณก็เห็นอยู่ว่าเรื่องเก่าๆ ของคุณไม่ได้อยู่ห่างตัวฉันเลย”
“เราไม่มีทางอื่น ขวัญต้องมั่นคงและมองข้ามเรื่องไม่เป็นเรื่องไปบ้าง”
ท่าทางของขวัญรดาอ่อนลง เธอไม่มั่นใจว่าที่ตัวเองทำอยู่ในตอนนี้มันถูกต้องหรือเปล่า เธอกำลังกระพือเรื่องไม่เป็นเรื่องให้กลายเป็นเรื่องใหญ่อยู่ไหม มันสับสนไปหมดแล้ว
อารมณ์ฉุนเฉียวจากเหตุการณ์ในร้านเสื้อผ้าจางลง ขวัญรดารู้ว่ามันเป็นเรื่องในอดีตของเขา ยอมรับว่าตนไม่ควรเอาเรื่องเก่าๆ มาเป็นประเด็นในชีวิตแต่งงาน กระนั้นไม่ใช่ว่าเธอจะหายโกรธติณณ์เสียทีเดียว
หญิงสาวนำกระเป๋าใส่สัมภาระใบย่อมไปเก็บ คิดจะลงไปข้างล่าง หากเมื่อออกมาจากห้องเสื้อผ้า ดวงหน้าหวานก็เบิกโต
“คุณติณณ์!” หญิงสาวหันหนีทั้งตัว ใบหน้านวลร้อนเห่อ “คุณเป็นบ้าอะไร ทำไมมายืนแก้ผ้ากลางวันแสกๆ อุจาดตาจริงๆ”
“อ้าว! ผมแก้ผ้าได้แค่กลางคืนเหรอ ผมไม่รู้นี่นา”
เขาถามเสียงซื่อจนขวัญรดาอยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขานัก แต่ติดตรงที่ว่าเธอไม่กล้าเข้าใกล้เขาแล้ว
“ตอนไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น”
“ผมจะอาบน้ำ มันก็ต้องแก้ผ้าก่อนสิ หรือคุณจะให้ผมอาบทั้งเสื้อผ้า” คนหน้าด้านยังเถียงข้างๆ คูๆ
“เสื้อคลุมอาบน้ำก็มี ผ้าขนหนูก็ได้”
ขวัญรดายืนกรานคำเดิม ทำท่าจะก้าวออกไปจากห้องนอนเสีย พลันเท้าบางต้องชะงักกึกเมื่อท่อนแขนกำยำสวมกอดหมับจากทางด้านหลัง
“ฮือ...ปล่อย...”
ตัวแข็งไปหมดแล้ว ไม่กล้าดิ้นรน เพราะกลัวจะสัมผัสโดนอะไรต่อมิอะไรของเขาเข้า
“ผมร้อน”
“คุณก็ไปอาบน้ำสิ”
“อาบด้วยกัน...นะครับ ผมคิดถึงขวัญ คิดถึงเมียจะแย่อยู่แล้ว”
สิ้นเสียงกระเส่าที่กระซิบชิดริมหู ขวัญรดาต้องผวากอดคอเขาไว้เป็นหลักเมื่อร่างของเธอถูกตวัดอุ้มขึ้นมาทั้งตัว
หญิงสาวหลับตาปี๋ ไม่กล้าสบตาเขา หัวใจของเธอเต้นแรง...กลัวแค่ดวงหน้าร้อนผ่าวจะเห่อแดงให้อายเขา
