เจอหน้า(2)
“ป้าจาไม่ต้องเสียใจนะคะ คุณแม่บอกว่าถ้ากลับมาเดี๋ยวจะรีบมาหาป้าจาคนแรกเลยค่ะ”
หญิงสาวเอ๋ยพร้อมรอยยิ้ม เธอเคยได้ยินเรื่องราวของคนทั้งสองมาบ้าง จึงเข้าใจความผูกพันระหว่างจารุวรรณและแม่ของตัวเอง เนตรทรายรู้สึกซาบซึ้งทุกครั้งที่แม่นั้นเล่าเรื่องราวในอดีตให้เธอฟัง รู้สึกชื่นชมในมิตรภาพของแม่และคุณจารุวรรณ
“เอาเถอะ ป้าก็ไม่ได้อะไรหรอก ป้าเข้าใจดีว่าช่วงนี้ธุรกิจกำลังเติบโต กมลาคงอยากจะต่อยอดเอาไว้เยอะๆในอนาคตหนูจะได้ไม่ลำบากไงลูก”
เพราะเคยอยู่ในจุดที่ต่ำสุดของชีวิตมาก่อน ทำให้กมลาและจารุวรรณนั้นมักจะตระหนักถึงคุณภาพชีวิตของลูกหลานที่เกิดมา จารุวรรณมีลูกสาวฝาแฝดสองคน ตอนนี้ทั้งคู่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่เพราะวันนี้เป็นวันเกิดจึงบินกลับมาตั้งแต่ 3 วันก่อนแล้ว
“แม่ฝากของขวัญมาให้ป้าจาด้วยนะคะ”
เนตรทรายส่งกล่องของขวัญให้หญิงวัยกลางคน คุณจารุวรรณน้ำตารื้นเพียงแค่เห็นกระดาษที่ห่อของขวัญ เธอนึกย้อนไปยังวัยเด็ก ตอนนั้นเป็นวันเกิดของเธอ แต่ทางบ้านเด็กกำพร้าก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไร มีเพียงแค่กมลาที่แอบเตรียมของขวัญให้เงียบๆ แม้จะเป็นเพียงที่คาดผมราคาไม่กี่บาท แต่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจและเธอก็ยังคงเก็บไว้เสมอมา กระดาษห่อของขวัญที่กมลาใช้เป็นลายเดียวกับของขวัญที่อยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้
“ฝากขอบคุณแม่ด้วยนะหนูเนตร”
“ค่ะป้าจา เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
หญิงสาวเห็นว่าเม็ดฝนนั้นเริ่มโปรยปรายลงมาแล้วจึงได้ชวนทุกคนเข้าไปด้านใน บ้านหลังใหญ่โตดูแน่นขนัดเมื่อทุกคนเข้ามารวมตัวกัน
“หนูเนตรกินอะไรมาหรือยัง ถ้ายังตรงนั้นมีอาหารนะ ป้าเตรียมไว้เยอะเลยไปเลือกดูก็ได้ว่าอยากกินอะไร”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนที่เธอนั้นจะขอตัวไปทางโซนอาหาร ตลอดทั้งวันหญิงสาวนั้นมัวแต่คุยงานจนลืมกินข้าว ทันทีที่สายตาปะทะกับความละลานตาบนโต๊ะ เธอก็ถึงกลับกลืนน้ำลาย ขณะที่ท้องก็ร้องออกมาเสียงดัง โชคดีที่เพลงนั้นดังพอจนกลบเสียงท้องเธอได้ ไม่อย่างนั้นคงจะอับอายน่าดู
“เห็นอาหารแล้วถึงกับกลืนน้ำลายเลยนะยายตะกละ”
เนตรทรายชะงักก่อนจะหันมองที่มาของเสียง ทันทีที่สายตานั้นปะทะเข้ากับใครบางคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี รอยยิ้มก็ค่อยๆเลือนหายไป
“พี่จิรัสย์”
“ไม่เจอกันตั้งหลายปีแต่ยังจำพี่ได้ แสดงว่าคิดถึงพี่ล่ะสิ”
หญิงสาวถึงกับแค่นหัวเราะ ตอนที่ได้ยินว่าเขานั้นเป็นหมอเธอก็แทบไม่อยากจะเชื่อหู คนอย่างจิรัสย์ที่ทั้งเกเรและไม่ตั้งใจเรียนกลับได้ดิบได้ดี ที่ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่เปลี่ยนนิสัยแม้แต่นิดเดียว ไม่เจอกันนานหลายปีนึกว่าจะมีความเกรงใจให้กันบ้าง แต่ที่ไหนได้พอเจอหน้าก็ยังปากไม่ดีเหมือนเดิม
“ก็คิดถึงค่ะ คิดถึงหมาในปากพี่จิรัสย์น่ะค่ะ”
หญิงสาวตอกกลับไม่ไว้หน้า ชายหนุ่มถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เขารู้อยู่แล้วว่าเนตรทรายต้องไม่เปลี่ยนไป ตราบใดที่เขานั้นยังพูดจาแย่ๆกับเธอยังไงก็ต้องถูกตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบเช่นกัน
“ขอบคุณนะครับที่คิดถึงหมาในปากพี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่หาตะกร้อครอบปากหมาไว้หน่อยก็ดีนะคะ มันจะได้ไม่เที่ยวเห่าเสียงดังแล้วก็กัดคนไปทั่วแบบนี้”หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเชือดเฉือน
“งั้นน้องเนตรคงต้องหามาครอบให้พี่แล้วล่ะครับ เพราะหมาในปากพี่มันชอบเห่าเวลาเจอหน้าน้องเนตร”
“งั้นพี่ก็ควรจะควบคุมมันให้ดีนะคะ ไม่ใช่โยนภาระให้เนตร”
หญิงสาวไม่อยากถกเถียงกับคู่ปรับสมัยมัธยม เธอเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปแต่เขาก็ยังคงเดินตามมาติดๆ
“ยังไม่เลิกกินไส้กรอกอีกเหรอครับ”
“แล้วทำไมต้องเลิกล่ะคะ”
เนตรทรายย้อนถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอจะกินหรือไม่กินอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย จิรัสย์นี่ยุ่งวุ่นวายจริงๆ น่ารำคาญ!
“อาหารแปรรูปมันไม่ดีกับสุขภาพแล้วก็ทำให้อ้วนด้วย”
หญิงสาวเลิกคิ้ว นานๆเธอกินทีก็เลยไม่ได้สนใจว่ามันจะให้โทษกับร่างกายยังไง เห็นว่าชายหนุ่มนั้นดูกังวลกับการกินอาหารของเธอ เนตรทรายจึงตั้งใจที่หยิบไส้กรอกใส่จานเยอะๆ
“ก็แล้วแต่นะ พี่ถือว่าเตือนแล้ว”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ แต่วันหลังไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจ”พูดจบเธอก็เดินไปที่บาร์น้ำ
“ขอไวน์องุ่นแก้วนึงค่ะ”
“ถ้าเมาขึ้นมาจะกลับบ้านยังไง ขับรถมาเองไม่ใช่รึ พี่ว่ามันอันตรายนะถ้าเกิดน้องเนตรเมาแล้วไปขับรถ”
“เป็นห่วงหรือคะ”
หญิงสาวเงยหน้าถามชายหนุ่ม จังหวะนั้นทั้งสองสบตากันก่อนที่เนตรทรายจะเป็นฝ่ายดึงสายตากลับมาก่อน
“ใช่ พี่เป็นห่วง แต่เป็นห่วงเพื่อนร่วมถนนของเนตร ถ้าเนตรเมาแล้วขับรถไปชนใครเข้า จะทำยังไงล่ะครับ”
หญิงสาวถอนลมหายใจ เธอดื่มแค่แก้วเดียวคงไม่ทำให้เมาหรอก อีกอย่างไวน์องุ่นที่เธอสั่งก็มีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เยอะมาก ที่สำคัญเธอไม่ใช่คนติดแอลกอฮอล์หรือดื่มจนเมามายขนาดนั้น
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เนตรดื่มแค่แก้วเดียว ไม่ออกไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครหรอกค่ะ”
หญิงสาวทั้งเหนื่อยทั้งหิว เธอไม่อยากโต้เถียงกับจิรัสย์แล้ว ขณะที่กำลังจะก้าวเดินไปหาโต๊ะนั่ง เธอก็สังเกตเห็นสองฝาแฝดเดินลงมาจากด้านบน
ทั้ง 3 ทักทายกัน ก่อนที่เนตรทรายจะเดินไปหาจรรยาและจินดา
“สบายดีไหมเนตร”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะปรายตามองไปทางจิรัสย์ที่เดินตามมา สองพี่น้องสบตากันก่อนยกยิ้ม
“ตอนแรกก็สบายดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้เริ่มจะไม่ค่อยสบายแล้ว”
จิรัสย์ขยันทำให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เปลี่ยนนิสัยเสียที เจอหน้าทีไรก็คอยพูดจาแย่ๆใส่เธออยู่เสมอ
“สงสัยจะมีใครบางคนทำให้รู้สึกไม่สบายใจแล้วแหละ”
จรรยาเอ่ยก่อนที่เธอจะหันไปเห็นกลุ่มเพื่อนของจิรัสย์กำลังเดินตรงมา ชายหนุ่มไม่อยากปลีกตัวไปจากตรงนี้ เขาหันมองเนตรทรายเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนที่เธอนั้นจะนินทาชายหนุ่มให้สองพี่น้องฟัง
“เขาไม่เปลี่ยนไปเลย นิสัยแย่เหมือนเดิม พี่ชายพวกเธอชอบทำให้ฉันอารมณ์เสียอยู่เรื่อย”
เนตรทรายเอ่ยขึ้น ก่อนที่เธอนั้นจะชวนสองพี่น้องไปนั่งร่วมโต๊ะ ทั้งสามพูดคุยย้อนเรื่องราวในสมัยมัธยม แม้ว่าเธอกับสองแฝดจะสนิทสนมกัน แต่ก็เรียนคนละชั้นเนื่องจากอายุนั้นต่างกัน เนตรทรายอายุมากกว่าจรรยาและจินดาหนึ่งปี แต่อายุน้อยกว่าจิรัสย์สองปี
สมัยที่ยังเรียนมัธยม จิรัสย์กับเธอมักจะทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เสมอ ด้วยความที่โตมาด้วยกัน เขามักจะหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอตั้งแต่เด็ก ทำให้เนตรทรายไม่ค่อยชอบหน้าชายหนุ่มเท่าไหร่นัก
แม้เธอจะหลีกเลี่ยงแล้ว แต่เขาก็ยังตามมาหาเรื่องอยู่เสมอ เนตรทรายไม่เข้าใจว่าจิรัสย์ทำแบบนั้นทำไม เขามักจะยั่วโมโหเธอ ในช่วงแรกๆหญิงสาวก็ไม่ได้สนใจ แต่ช่วงหลังเธอเริ่มที่จะตอบโต้กลับไป นับตั้งแต่วันนั้นทุกครั้งที่เจอหน้าเธอกับจิรัสย์ก็มักจะถกเถียงกันอยู่เสมอ ทั้งที่บางครั้งก็เป็นเรื่องไร้สาระ