บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 15 พ่อตา

หลัวเนี่ยเจินมักจะเดินออกมานั่งรับชาและขนมเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่วันนี้พิเศาสักเล็กน้อยมีท่านอ๋องน้อยมาร่วมวงด้วย เจ้าตัวแสบแสนซน ในมือมีขนมและตำรามาท่าทางคล้ายกับเด็กน้อยแก่เรียน เนี่ยเจินมารดาจำเป็นอยู่ตัวติดกันกับเจ้าตัววุ่นวาย

ท่านอ๋องหลังจากเมื่อเช้าเขากินเต้าหู้นางยังกล่าวหน้ามึน ๆ ใส่นางให้รับผิดชอบอีกด้วย เพียงแค่นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าที่เกิดขึ้น พวงแก้มทั้งสองข้างก็แดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุกเสียอย่างนั้น อาชุนถือผีผามาให้นาง คิดว่าวันนี้อากาศดี ๆ อยากจะให้ท่านหญิงดีดผีผาให้ท่านอ๋องน้อยได้รับฟังเป็นขวัญหู

ยามอาชุนกล่าวกับท่านอ๋องน้อยนั้น ช่างดูสุภาพและนอบน้อมอย่างยิ่ง “ท่านอ๋องน้อยเพคะ รอฟังท่านแม่ให้ดี ๆ นะเพคะ” อาชุนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ห่างออกไปหลายก้าว ในศาลารับลมแห่งนี้ มีนางกำนัลดูแลเพิ่มอีกสองคน เพราะด้วยความซุกซนของท่านอ๋องน้อย เกรงว่าท่านหญิงจะดูแลไม่ไหว

แต่ทว่าเขาเป็นเด็กรู้ความนัก อ่านออกเขียนคล่อง และยังพูดจาไพเราะรื่นหูอีกด้วย เขาช่างดูฉลาดมีไหวพริบดีเยี่ยม ทำให้เนี่ยเจินเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้เป็นพิเศษ หรืออาจเป็นเพราะนางกับเจ้าตัวแสบกำพร้ามารดาเหมือนกันกระมัง เลยทำให้เข้าใจจิตใจอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีเช่นนี้

ไทเฮาถูกประคองด้วยลูกชายคนที่สอง นั่นก็คือชินอ๋องแห่งแดนเหนือ พระโอรสองค์โตก็คือหวงตี้องค์ปัจจุบันแห่งแคว้นเฉิง ฮ่องเต้เฉิงจื่อเหยียน พระนางอยู่ในตำหนักก็เงียบเหงา เมื่อมีหลานสาวมาพักอยู่ด้วยก็พานทำให้คนแก่เบิกบานสดชื่นขึ้นมาบ้าง หลานชายทั้งสองก็ไม่อยากจะเอ่ยให้มากความ

“เจ้าดูสิเห็นหรือไม่ว่าเจินเอ๋อร์เข้ากับรุ่ยเอ๋อร์ได้ดีขนาดไหน” หญิงชรามีความหวัง อยากให้ทั้งสองได้แต่งงานกัน ไม่อยากบีบบังคับหลานสาว หากนางเลือกใครพระนางยินดีจะสนับสนุน ตัวเลือกนั้นมีมากมาย แต่ดูแล้วเหมาะสมกับชินอ๋องพระโอรสของพระนางมากกว่าใคร ๆ

หลัวเนี่ยเจิน แม้เก่งกาจเรื่องการแพทย์ แต่นางยังหัวอ่อนภายนอกดูแข็งกร้าว แต่แท้จริงแล้วนางอ่อนไหวและอ่อนโยนเป็นที่สุด พระนางรักและเอ็นดู แอบดูแลอยู่ห่าง ๆ ด้วยความฝากฝังจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ

เมื่อครั้งหนึ่ง ยามที่พระนางยังคงดำรงตำแหน่งฮองเฮา กลับถูกวางยาพิษเล่นงาน แทบลุกจากเตียงไม่ได้ ข่าวนี้ถูกแพร่งพรายออกไป จนทำให้คนตระกูลหลัวรับรู้ ญาติผู้น้องเป็นท่านหมอ แม้ไม่เก่งกาจแต่นางศึกษาวิชาแพทย์เกี่ยวกับพิษ จึงลองผิดลองถูก รักษาอาการต้องพิษจนหายดีในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน

ดังนั้นเองไทเฮาแห่งตระกูลหลัวจึงได้ซาบซึ้งใจในญาติผู้น้องยิ่งนัก รักและดูแลประหนึ่งพี่น้องมารดาเดียวกัน เมื่อหลัวเนี่ยซูไม่ได้รับความเป็นธรรม พระนางอยากจะพังจวนตระกูลไป๋ให้ราบคาบ แต่ถูกเนี่ยซูมารดาของเนี่ยเจินเอ่ยขอร้องเอาไว้

ครั้นพอคลอดเนี่ยเจิน ออกมาได้ไม่เท่าไหร่ เนี่ยซูได้จากไปอย่างกะทันหัน ทำให้ไทเฮาเสียใจโศกเศร้าไปหลายวัน จึงเร่งให้คนสืบหาเบาะแสแต่ไร้วี่แวว ดังนั้นเองจึงคอยดูแลเนี่ยเจินอยู่แบบนี้มาตลอด ดึกดื่นบางครั้งก็ออกไปพบหลานสาวกับองครักษ์ที่ไว้ใจได้ แอบย่องเข้าไปราวกับโจรลักขโมย

พระนางนั่งบนศาลาอีกฝั่งหนึ่งของสวน ข้างกายมีท่านอ๋องดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด เขาจึงได้กล่าวขึ้นมาทันใด ในความคิดของตน “ที่จริงแล้ว เจินเอ๋อร์นั้นงดงาม ลูกเองก็ชมชอบ แต่ไม่รู้ว่าในใจของนางนั้นลืมเรื่องร้าย ๆ ไปได้หรือไม่” ท่านอ๋องกังวลใจด้วยเพราะอายุที่ห่างกันมาก และนางชอบกลั่นแกล้งเรียกเขาท่านอา แต่หากว่าท่านอาคนนี้กำลังจะกลับกลายเป็นท่านพี่ รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่ต้องห่วงหรอก แม่เคยถามแล้ว เพื่อตอบแทนคุณของหยางจงหมิง นางจึงยินดีแต่งงานเข้าตระกูลหยาง แต่คิดไม่ถึงว่า ขนาดเข้าหอ เปิดผ้าคลุมเจ้าสาว แม้แต่ไหวฟ้าดินหยางจงหมิงก็ไม่เคยจะทำมัน ยามนี้นางตัดใจได้แล้ว แม่คิดว่าเป็นโอกาสที่ดี” เพียงแค่อยากให้หลานสาวมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมเท่านั้น

ความหวังของพระนางเพียงแค่คิดอยากตอบแทนน้ำใจของญาติผู้น้องได้ยื่นมือเข้าช่วย หาไม่แล้วนางคงจะไม่ได้เป็นไทเฮาถึงทุกวันนี้ หยางจงหมิงหากคิดจะขอนางคืนแน่นอนว่าไม่ได้ ยามนี้นั้นเด็กสาวมีคนที่คู่ควรมากมาย และตัวเลือกนั้นดีกว่าหยางจงหมิงหลายส่วนนัก

จวนตระกูลไป๋

ยามนี้คุณหนูใหญ่ไป๋เหม่ยจู กำลังลองชุดจะใส่ไปงานเลี้ยงต้อนรับท่านทูต ด้วยเพราะว่าในงานจะมีเพียงแค่เหล่าบุตรชายและบุตรสาวเหล่าขุนนางเท่านั้นที่จะร่วมงานได้ เป็นโอกาสอันดีที่นางจะได้ดูโดดเด่นท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมาย

พลางเหยียดยิ้มและกล่าวขึ้นกับมารดาว่า “ท่านแม่ในวันงานข้าจะต้องงดงามให้มากกว่านังเหม่ยเจิน ถึงตอนนี้มันจะเป็นท่านหญิงก็เถอะ” ลองชุดไปก็กล่าวต่อว่าน้องสาวต่างมารดา หมุนกายดูชุดที่สวมใส่พบว่ามันงดงามและเป็นผ้าไหมเนื้อดี

“มันจะสู้อะไรเจ้าได้ แค่มีไทเฮาเอ็นดูเพียงแค่นั้น อย่างอื่นก็สู้เจ้าได้เสียที่ไหนกัน ตอนนี้ยังเป็นหม้ายอีก ใครอยากจะได้เป็นฮูหยินกันเล่า” กวนซื่อแววตามีแต่ความเคืองแค้นลูกเลี้ยง ตอนนี้สตรีนางนั้นออกไปอยู่ภายในวังหลวง ทำให้นางต้องอับอายผู้คนเป็นให้คนอื่นหัวเราะขบขัน แต่งงานเพียงแค่สี่วัน กลับถูกขอหย่าร้างมีที่ไหนกันเล่าในแคว้นนี้

กวนซื่ออยากจะให้ลูกสาวได้ออกเรือนกับคนดี ๆ มีอย่างที่ไหนกัน ลูกเลี้ยงกลับถูกสามีหย่าจนทำให้เหล่าแม่สื่อทั้งหลายดูแคลน จะไม่ทำให้นางเดือดเนื้อร้อนใจได้เช่นไรกัน อับอายถึงตระกูลไป๋ สามีก็นิ่งดูดายพลางกล่าวเพียงว่าเดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเอง อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลย

เขาก็พูดได้นี่นาในเมื่อลูกสาวที่เขาเอาใจใส่ดูแลเป็นถึงหลานรักของไทเฮา ส่วนลูกของนางกันเล่า เป็นเพียงแค่คุณหนูในห้องหอ จะออกเรือนก็ต้องดูหน้าคนอื่นเช่นนั้นระหรือ กวนซื่อมีเรื่องพวกนี้มาทำให้นางกลัดกลุ้มใจ

“คอยดูเถอะข้าจะฉีกหน้ามันกลางงานเลี้ยง” แววนั่นช่างดูอาฆาตมาดร้ายไม่เบา “วันนั้นรับรองว่าข้าจะไม่อับอาย แต่เป็นนางต่างหากจะมีใครเห็นใจนางไม่มีอีกแล้ว” นางคิดแผนการเอาไว้ว่า จะดีไม่น้อยหากวางยาปลุกกำหนัดในน้ำชาของน้องสาว คราวนี้นางต้องได้รับความอับอายดีไม่ดีอาจถูกตัดหัวก็เป็นได้

ท้องพระโรงวังหลวง

หยางจงหมิงเดินทางมายังวังหลวง เพื่อถวายรายงานว่าตนเองนั้นพักรักษาตัวยามนี้ดวงตากลับมาเป็นปกติเหมือนเช่นเคยแล้ว หวงตี้ยังไม่คืนตำแหน่งให้ รั้งเขาเอาไว้เป็นเพียงแค่ขุนนางของกลมกลาโหมเท่านั้น ตัวเขาเองไม่คิดจะเรียกร้องอันใด ระหว่างที่เดินออกจากห้องโถงใหญ่ พลันพบกับองค์ชายรองสหายของตนเข้าให้ ด้วยความบังเอิญหรือจงใจก็ไม่อาจจะทราบได้

องค์ชายรองเห็นสหายรักรีบก้าวฉับ ๆ อย่างว่องไว เป็นสหายและก็เหมือนคู่กัด มักรับฝีปากกับ หยางจงหมิง บ่อยครั้ง “ตาเจ้าหายดีจริง ๆ นะรึ” ถึงเห็นว่าเขาเดินเองโดยไร้ผู้ติดตาม เริ่มมั่นใจยิ่งนักว่าท่านหญิงหลัวเนี่ยเจินเก่งกาจไม่เบา รักษาพิษร้ายแรงได้อีกต่างหากช่างน่าเลื่อมใสนัก

“อืมหายดีแล้ว” เขาว่า แต่ยังไม่ออกจากวังหลวง พลางเดินไปยังด้านหลังเป็นพระตำหนักของไทเฮา

“เจ้าจะไปไหน มิกลับจวนหรือไร” เมื่อเห็นสหายเปลี่ยนเส้นทางเดินพอจะเดาได้ว่าเขาจะไปไหนกันแน่ “คิดให้ดีก่อนจะรับโทสะของท่านย่า หากไม่อยากตายข้าว่าเจ้าควรกลับไปจวนของตน” เขากอดอกพลางยิ้มเยาะสหาย ด้วยเพราะท่านย่ารักและเอ็นดูท่านหญิง ยังเอ่ยปากบอกว่าหากไม่ติดที่เป็นขุนนางในราชสำนัก จะจับเจ้าสหายตัวดีสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้นให้สมกับความคับแค้นใจ

หยางจงหมิงหยุดชะงักงัน พลางครุ่นคิดจนคิ้วขมวด อากาศวันนี้ก็ดูเหมือนร้อนอบอ้าวพอ ๆ กับจิตใจว้าวุ่นและสับสนของเขาเช่นเดียวกัน “นางสบายดีหรือไม่” ด้วยเพราะอยากรู้ และอยากพบหน้านางอีกสักครั้ง หวังให้สายสัมพันธ์กลับมาเช่นดังเดิม

“สบายกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้เสียอีก อยู่กับเจ้านางมีแต่น้ำตาและความเสียใจ อยู่กับท่านย่าของข้านางมีแต่เสียงหัวเราะ เป็นคนร่าเริงและที่สำคัญ นางยังน่ารักมาก ๆ อีกด้วย” เขาตอกย้ำให้สหายได้พิจารณา ถอนตัวเสียยังจะดีกว่าดึงดันไม่เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

“ข้าเพียงแค่อยากจะขอโทษ” เขากล่าวขึ้นมา อยากพบหน้าของนางอีกสักครั้งหนึ่ง เขาอยากรู้ว่านางจะกลับมาคืนดีกับเขาอีกหรือไม่ ตอนนี้เขากลับตัวกลับใจและมองเห็นแล้วว่านางทุ่มเทกับเขามากแค่ไหนกัน

“ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่ยินดีต้อนรับท่าน” เสียงเหี้ยมนี้เป็นท่านราชครูกล่าวออกมา เขาเพียงแค่ไม่อยากได้เป็นลูกเขย กลับชิงชังไม่อยากพบหน้าเสียด้วยซ้ำไป กล้าดีอย่างไรจะทวงนางคืนมา

ชายชราตวาดเสียงใส่อย่างโกรธแค้น “ยามนางอยู่ไม่เห็นค่า ยามนี้กลับเรียกร้องให้คืนมา หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ คนชั่วช้าอย่างเจ้าอย่าฝันคิดอาจเอื้อม ลากนางให้ตกต่ำเพราะเจ้าอีกเลย” น้ำเสียงนั่นช่างดูแคลนพร้อมแววตาเหยียดหยามอีกฝ่ายอย่างจงใจ

“ท่านพ่อตาข้าผิดไปแล้ว” คนหน้าด้านยังกล่าวขึ้นด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าจะกล่าวออกมา ทำให้ชายชราหน้าแดงหน้าดำอยากจะกระโดดถีบหยางจงหมิง หรือไม่ก็กระทืบเขาให้จมดิน

“พ่อตารึ ข้าไม่มีลูกเขยอย่างเจ้า จำเอาใส่หัวไว้ ข้า! ไม่ต้อนรับเจ้า! อย่าฝันแม้แต่จะคิด! คนอย่างเจ้ามันไม่มีสิทธิ์ หากยังไม่เลิกยุ่งวุ่นวายกับลูกสาวข้า อย่าหาว่าคนแก่เช่นข้าไม่เตือน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel