3
Chapter 3
“คุณป้านกกับอาภามจะกลับแล้วนะลูก” คุณยายจำต้องเรียกภามว่าอาตามหลานสาว เพราะให้เรียกพี่ อีกฝ่ายไม่ยอมเรียก จะเรียกอาท่าเดียว ภามยังดูหนุ่มแน่นและไม่แก่ ถ้าไม่บอกว่าอายุสามสิบห้าท่านก็ไม่เชื่อ
คุณยายคิดในใจว่าเรียกคนเป็นแม่ว่าป้า เรียกคนเป็นลูกว่าอา ฟังแล้วทะแม่งหูชะมัด
ช่อเพชรรีบยกมือไหว้คนทั้งสองทันที แล้วก็ยืนส่งแขกของคุณยายขึ้นรถ
“ไปทำอะไรมา บอกยายมาซะดีๆ”
“ไม่มี้ไม่มีเลยค่ะคุณยาย ไม่ได้ทำอะไรเลย” คนทำผิดโบกไม้โบกมืออย่างมีพิรุธ
“ปฏิเสธเสียงสูงแบบนี้ต้องมีแน่ๆ”
“ไม่มีจริงๆ นะคะ คุณยายไม่เชื่อหนูเหรอ” เด็กสาวก้มหน้าทำท่าจะบีบน้ำตา
“ไม่มีก็ไม่มี ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะพาไปร้อยมาลัย”
“ค่ะคุณยาย จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ” ช่อเพชรรีบรับคำทันที ไปร้อยมาลัยดีกว่าโดนคุณยายดุ เธอรีบวิ่งปรู๊ดไปในห้องครัว เก็บข้าวของให้เรียบร้อย ยัง
ได้ยินคุณยายบ่นตามหลังมาว่าอย่าวิ่ง เดี๋ยวหกล้ม
ป้าแมวยังอยู่ในห้องครัว รอซักถามความเป็นมาเป็นไป เธอจำต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้ท่านฟัง
“ตายแล้วคุณช่อ ไปแกล้งคุณภามแบบนั้นได้ยังไงกันคะ”
“ป้าแมวอย่าไปบอกคุณยายนะคะ ไม่งั้นช่อโดนหยิกเนื้อเขียวแน่ๆ”
“ทีหลังอย่าไปแกล้งคุณภามแบบนั้นอีกนะคะ แกล้งคนอื่นมันไม่ดี
เห็นไหมละคะ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
“รู้แล้วค่ะ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” เด็กสาวเอานิ้วไปไขว้ไว้ด้านหลัง ก่อนจะยิ้มแป้น รีบเก็บของเสร็จก็ไปอาบน้ำเพื่อไปร้อยมาลัยถวายพระพรุ่งนี้
“เรานี่ร้อยมาลัยสวยจริงๆ ไม่เสียแรงที่ยายสอนแต่เด็ก” คำชมของคุณยายทำให้ช่อเพชรยิ้มกว้างทันที
“พรุ่งนี้วันพระไปทำบุญกันนะ ป้านกเขาก็จะไปทำบุญกับเราด้วย
“ค่ะคุณยาย”
“ปีนี้เราก็อายุสิบแปดแล้วนะ หน้าตาหมดจดผุดผ่องอย่างที่แม่นกเขาว่าจริงๆ สมัยยายอายุเท่านั้น แต่งงานแล้วล่ะ มีผู้ชายพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ”
“คนสมัยก่อนแต่งงานกันเร็วจังเลยนะคะคุณยาย”
“จริง คนเดี๋ยวนี้แต่งงานช้า ดูอย่างพ่อภามสิ สามสิบห้าปีแล้วยังไม่มีเมีย”
“สงสัยไม่มีใครเอา”
“เราว่าอะไรนะ” คุณยายช่อลดาเอ่ยถามเพราะได้ยินไม่ชัด
“เปล่าค่ะ หนูแค่คิดว่าคนเดี๋ยวนี้แต่งงานช้าเพราะมีปัจจัยหลายอย่าง
น่ะค่ะ”
“ต่อไปอายุสามสิบสี่สิบถึงค่อยแต่งหรือไง มันแก่ไปนะยายว่า”
“แต่ถ้ารีบแต่ง ประชากรก็ล้นโลกสิคะคุณยาย เดี๋ยวนี้การแพทย์ทันสมัยมาก ยิ่งอนาคตคนยิ่งตายน้อยลง หรือตายช้าลง เดี๋ยวนี้อายุสี่สิบห้าสิบยัง
เต่งตึงอยู่เลย”
“พวกศัลยกรรมอะไรแบบนั้นรึ เราอย่าไปทำเด็ดขาดเลยนะ สวยธรรมชาติน่ะดีแล้ว” คนหัวโบราณส่ายหน้าไปมา ไม่ค่อยชอบอะไรที่ผิดที่
ผิดทางนัก
“หนูไม่กล้าหรอกค่ะคุณยาย แค่เห็นเข็มฉีดยา ไม่ต้องเห็นมีดผ่าตัดหรอก หนูก็เป็นลมแล้ว ฮัดเช้ย!” คนพูดจามติดๆ กันหลายครั้ง ก่อนจะขยี้จมูกไปมา
“เป็นหวัดหรือไงล่ะเรา”
“สงสัยตอนหัวคะมำลงในโอ่งน่ะค่ะ น้ำเลยเข้าจมูก”
“ซุ่มซ่ามเสียจริง ไปหายากินเถอะ ยายก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน มาลัยน่ะเอาไปแช่ตู้เย็นไว้ก่อน จะได้สดๆ”
“ค่ะคุณยาย” ช่อเพชรรับคำ รีบทำตามคำสั่งก่อนจะประคองคุณยายเข้านอน
“ไปนอนเถอะ ยายก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” ท่านสวดมนต์แผ่เมตตา
นั่งสมาธิก่อนนอนเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว
“หนูยังไม่ง่วงเลยค่ะ ให้หนูบีบนวดให้คุณยายก่อนนอนไหมคะ จะได้สบายตัว”
“ประจบยายจะเอาอะไรอีกล่ะ”
“ไม่ได้เอาอะไรค่ะ แค่อยากดูแลคุณยายให้ดีที่สุด หนูรักคุณยายนะคะ”
“ปากหวาน ยายก็รักเรานะ แล้วเรื่องเรียนต่อเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“หนูสอบได้มหาวิทยาลัยในตัวเมืองค่ะ สาขาเกษตรศาสตร์” เธอบอกชื่อมหาวิทยาลัยให้คุณยายรู้ ตอนนี้ผลสอบออกมาแล้ว แต่ยังไม่ได้บอก
คุณยายเพราะกังวลเรื่องที่พัก เธออาจจะต้องย้ายไปพักอยู่ในเมือง และกลับบ้านสวนในวันเสาร์และอาทิตย์ เพราะถ้าเดินทางไปกลับคงจะไม่ทัน และเหนื่อยมากๆ ด้วย
“มหาวิทยาลัยที่พ่อภามสอนอยู่นี่นา พ่อภามก็สอนวิชาพฤกษศาสตร์
ให้คณะเกษตรศาสตร์ด้วย”
“ค่ะ” เธอรับคำ นึกถึงคนที่โดนเธอแกล้งเมื่อตอนกลางวันแล้วอมยิ้ม มารดาของภามนั้นสนิทกับคุณยาย ส่วนภามนั้นไปเรียนในเมืองตั้งแต่เด็ก ก่อนที่เขาจะได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศด้วย อายุยังไม่เยอะก็จบปริญญาเอกแล้ว ก่อนจะกลับมาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด
เธอกับเขารู้จักกันมานานแล้ว แต่ไม่ได้สนิทกันนัก เพิ่งมาช่วงหลังๆ
ที่เขากลับมาเยี่ยมคุณกนกกานต์แล้วท่านก็ชวนกันมาเป็นแขกของคุณยาย
ทุกวันหยุด เลยได้เจอกันบ่อยๆ และคุณยายของเธอก็นิยมชมชอบเขาอยู่มาก
“เราไปเรียนที่นั่นก็ดีเหมือนกันนะ ยายจะได้ฝากฝังเรากับพ่อภามเขา
ให้ช่วยดูแล”
“เกรงใจเขาน่ะค่ะคุณยาย หนูโตแล้ว ดูแลตัวเองได้”
“โตที่ไหนกัน อายุแค่สิบแปด พ่อภามเขาเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนดี ถ้าฝาก
ให้เขาช่วยดูแล ยายก็หายห่วง”
“จะน่าห่วงกว่าน่ะสิ ลามกออกปานนั้น” เธอบ่นอุบ คุณยายขมวดคิ้วก่อนเอ่ยถาม
“อะไรของเรา พูดเบาเสียจนยายไม่ได้ยิน”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่จะบอกคุณยายว่า รบกวนคนอื่นเขามากๆ
ไม่ดีนะคะ” คนขี้อ้อนบีบนวดเอาใจ
“คนอื่นที่ไหน พ่อภามน่ะลูกของแม่นก เราสนิทกับบ้านเขา”
“นั่นล่ะค่ะ สนิทกัน แต่เราก็ต้องเกรงใจเขานะคะ คุณยายเคยได้ยินเพลงนี้ไหมคะ ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี”
“พอๆๆ เลย พ่อภามเขาเป็นคนดี ยายดูแล้วดูอีก เขายินดีและเต็มใจ
จะดูแลเราแน่นอน ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะ ใครได้ไปเป็นสามีโชคดีมากๆ เชียวนะ”
“แน่ะ! คุณยาย พูดแบบนี้มีเลศนัยนะคะ” เธอพูดอย่างรู้ทัน
“เอาเถอะ เชื่อยาย ยายมองคนไม่ผิด”
“หนูไม่พูดด้วยแล้วค่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” เธอรีบหาวหวอดๆ ทันที
“ไปเถอะ พอยายพูดเรื่องนี้ทำมาเป็นหาวหวอดๆ อย่านึกว่าไม่รู้นะ”
คุณยายพูดอย่างรู้ทัน
“ไปแล้วค่ะคุณยาย ฝันดีนะคะ” ช่อเพชรรีบหอมแก้มคุณยายทันที
“แน่ะ! มาแอบหอมแก้มยายอีก”
“ไม่แอบค่ะ หอมจริงๆ” เธอหอมอีกด้านก่อนจะยิ้มหวานให้คุณยาย
ห่มผ้าให้ท่าน ปิดไฟ และเดินไปงับประตูปิดเบาๆ
คุณยายยิ้มกว้างมองตามหลานสาวไปติดๆ ก่อนที่สีหน้าของท่านจะหมองเศร้า
คนที่กำลังป่วยพยายามไม่คิดมาก ตายก็ไม่เสียดายชีวิตเพราะรู้ตัวเองดีว่าเกิดมาได้ประกอบคุณงามความดีเอาไว้มากมาย ไม่เคยทำอะไรชั่วช้า
เลวทรามหรือเบียดเบียนใคร แม้จะเคยทำผิดมาบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร
คนที่ทำให้เป็นห่วงกังวลคือช่อเพชร หลานสาวเพียงคนเดียวที่น่าสงสาร บิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังแบเบาะ หากไม่มีคนดูแล ท่านคงนอนตาย
ตาไม่หลับเป็นแน่
ช่อเพชรกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่
เธอไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในตัวจังหวัด แถมยังเป็นมหาวิทยาลัย
ที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาคใต้ แต่การเดินทางนั้นก็ไกลอยู่มากโข หากไม่พัก
ในตัวเมืองใกล้มหาวิทยาลัย ก็ต้องเดินทางไปกลับหลายชั่วโมง ไหนจะพาหนะที่จะเดินทางอีก ถ้าให้ลุงมิ่งไปคอยรับคอยส่งก็คงกลับดึกและตื่นตั้งแต่หัวรุ่ง เหนื่อยมากแน่ๆ ถ้าหากต้องไปกลับรถประจำทาง ต้องไปเรียนไม่ทันแหงๆ
ความกังวลใจของเด็กสาวทำให้เธอนอนไม่ค่อยหลับเอาเสียเลย แต่
เช่นไรก็ต้องบอกคุณยาย ท่านคงเข้าใจว่าเธอมีความจำเป็นต้องไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวจนกว่าจะเรียนจบ ช่อเพชรบอกตัวเองก่อนจะหลับไป