บทที่ 9
คำพูดของบิดาคืออีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เสวียนหนิงอันต้องพิจารณาทุกอย่างเสียใหม่ คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าตนมีข้อเสียอันใดที่ต้องแก้ไขบ้าง นางไม่ชอบพูดจาร้ายกาจ ติดออดอ้อนหว่านเสน่ห์เกินควร ทั้งน้ำใจก็มีมากไม่ต่างจากมารดา เพิ่งจะมาทำตัวไม่น่ารักก็เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
แต่เพราะเหตุใดนางจึงทำตัวเช่นนั้นเล่า?
หลังจากทบทวนอยู่ไม่นานเสวียนหนิงอันก็ตระหนักได้ว่าตนทำตัว ร้ายกาจเพราะถูกขัดใจอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก หากจะมีเรื่องใดที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นก็คงเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดใจนางนี่เอง
วันที่บิดาเอ่ยว่าถึงเวลาต้องออกเรือน เสวียนหนิงอันที่ไม่เคยมีผู้ใดขัดใจมาก่อนก็ถึงกับนิ่งเงียบไปชั่วขณะ นางบอกกับท่านแม่ว่าไม่ต้องการแต่งงาน แต่กลับถูกแย้งอย่างนุ่มนวลว่าสมควรแก่เวลาแล้ว หรืออย่างน้อยก็ต้องมีการหมั้นหมาย ส่วนท่านพ่อนั้นเสวียนหนิงอันไม่กล้าเถียง ทำได้เพียงใช้ความเงียบเข้าสู้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ผล สุดท้ายนางจึงวางแผนจนทุกอย่างออกมาตามต้องการ
เสวียนหนิงอันให้สาวใช้แจ้งต่อบิดาว่าเคาะเรียกอย่างไรคุณหนูก็มิตอบ ทั้งประตูห้องยังลงกลอนไว้แน่นหนา แต่ความจริงแล้วนางกำลังปลดเสื้อตัวนอกของเขาอย่างทุลักทุเล ตามด้วยเสื้อคลุมของตนเอง
เพื่อความสมจริงนางยอมคลายคอเสื้อให้หลวมจนเห็นเนินอกอวบอิ่มเกินวัย…
“เสวียนหนิงอัน เจ้ามันร้ายจริง ๆ นั่นแหละ” นางพึมพำอีกครั้งเมื่อถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง
หลายวันผ่านไป
เสียงกรีดร้องที่แว่วมาตามสายลมทำให้เสวียนหนิงอันหัวเราะอย่างขบขัน ความจริงนางมิได้ยิ้มกว้างเต็มใบหน้าหรือร่าเริงเช่นนี้หลายวันแล้ว หากจะชี้ให้ชัดก็น่าจะเริ่มจากวันที่นางล่อลวงหลี่จินหมิงให้มารับผิดชอบ บังคับท่านอามาเป็นสามี แต่ในวันนี้ภาพสาวใช้เจียอีที่ทำหน้าบิดเบี้ยวเพราะถูกหนอนตัวไม่เล็กนักเกาะบริเวณหัวไหล่ ทำให้นางกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ลืมความทุกข์ใจไปชั่วคราว
“เสียงดังไร้มารยาท!”
ซุนหยา ยามนี้อายุย่างเข้าห้าสิบปีแล้ว นางมีรูปร่างอวบอ้วนตามวัย บนใบหน้ายังมีเค้าโครงความงามหลงเหลืออยู่บ้าง แต่เจียอีมักพูดเสมอว่าทุกครั้งที่หญิงสูงวัยอารมณ์ไม่ดี ส่วนที่น่าชมบนใบหน้าก็จะเลือนหายไป เจียอีจึงบอกกับฮูหยินน้อยเสมอว่าต้องอารมณ์ดีให้มาก
“ท่านป้า ช่วยข้าด้วย!” เจียอีกระโดดไปตรงหน้าสตรีสูงวัยเพื่อขอความช่วยเหลือ นางไม่ชอบหนอนตัวนุ่มเอาเสียเลย ทว่าฮูหยินน้อยกลับบอกว่าพวกมันดูน่ารักดี
“อย่ามาใกล้ข้า!”
ซุนหยาตวาดเพราะตนเองก็มิได้ชอบสัตว์ประเภทนี้เช่นกัน แต่ก่อนที่จะได้ทำอันใด นายหญิงคนใหม่ก็ปราดเข้ามาใกล้ ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนบางคลุมลงบนตัวหนอนและนำมันออกจากร่างของเจียอีทันที
“ฮูหยินน้อยฆ่ามันเลยเจ้าค่ะ น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก!” เจียอีกรีดน้ำตา แสบจมูกเล็กน้อยเพราะเมื่อครู่ตกใจจนเกือบร้องไห้ แต่พอตัวหนอนไม่อยู่บนร่างนางแล้วก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นขุ่นเคืองแทน
“อย่าทำบาปเลย มันเป็นหนอนผีเสื้อเท่านั้น ทำอันใดเจ้าไม่ได้หรอก”
“แต่มันน่ากลัวนะเจ้าคะ” เจียอียืนยันตามเดิม
“ยามนี้อาจไม่น่ามอง แต่พอถึงเวลาที่เหมาะสมก็งดงามน่าชมมิใช่หรือ” เสวียนหนิงอันก้าวให้ห่างจากเจียอีและซุนหยา สองมือยังคงถือเจ้าตัวปัญหาอย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวว่ามันจะถูกสาวใช้ทุบให้ตายต่อหน้านาง
“เจ้าอย่าโกรธมันเลยนะเจียอี เป็นข้าไม่ดีเองที่ไม่ได้ช่วยเอามันออกจากตัวเจ้าเร็วมากพอ หากจะโกรธ… เจียอีโกรธข้าแทนได้หรือไม่”
“เรื่องแค่นี้เหตุใดจึงต้องพูดจาใหญ่โต ฮูหยินน้อยก็เช่นกัน เหตุใดจึงต้องกลัวว่านางจะโกรธ ที่นี่หากสาวใช้ทำเรื่องอันใดไม่ถูกใจก็โบยสักสิบไม้ เรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ที่บ้านฮูหยินน้อยมิได้สอนหรือเจ้าคะ” ซุนหยาตัดบท นางไม่ชอบนายหญิงคนใหม่จึงไม่ต้องการฟังน้ำเสียงออดอ้อนอันตรายนานเกินความจำเป็น
“ทำเช่นนั้นหาได้ไม่ ท่านแม่ข้าสอนว่ามีเรื่องอันใดก็จงใจเย็นให้มาก ค่อย ๆ พูดจา ไม่ผลีผลามโวยวาย เจียอีแม้เป็นสาวใช้แต่ก็มีหัวใจ อีกทั้งนางยังเด็ก ควบคุมความตกใจหรือความโกรธยังไม่ชำนาญ ให้เวลานางสักหน่อยก็คงดีขึ้น ท่านป้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่”
วาจาของเสวียนหนิงอันไม่อ่อนน้อม ไม่แข็งกระด้าง ทว่าดวงตาที่ทอดมองไปยังซุนหยานั้นเย็นชาดุจน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย กดดันหญิงสูงวัยให้รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ท่าทางราวกับพวกคุณหนูสกุลใหญ่ไม่ผิดเพี้ยน
นางเป็นบุตรสาวพ่อค้ามิใช่หรือ?
“เจียอียังเด็กอย่างที่ฮูหยินน้อยว่าจริง ๆ” ซุนหยายอมรับอย่างเสียมิได้ ก่อนเอ่ยเรื่องที่ทำให้ต้องเดินมายังเรือนเล็ก
“นายท่านต้องการพบฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”
สามีของนางกลับมาแล้วหรือนี่!
