บทที่ 30
“รบกวนท่านอาแล้ว” นางนั่งตั่งไม้ตัวโปรดของเขา หัวใจยังเต้นแรงไม่หายจากการถูกอุ้ม มิแน่ใจว่าเป็นเพราะกลัวความสูงหรือว่าเหตุผลอื่นแน่
“แต่คราวหลัง…”
“อย่าพูดว่าคราวหลังไม่ต้องอุ้ม หากเจ้าเจ็บอีกข้าก็ต้องอุ้มอยู่ดี”
“มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ข้าแค่จะบอกว่าประคองก็ได้เจ้าค่ะ”
เสวียนหนิงอันจำคำสอนของซุนหยาได้อย่างแม่นยำ ว่าควรมีมารยาเล็กน้อยหรือพูดง่าย ๆ ก็คือเป็นตัวของตัวเองบ้าง มิใช่ทำแข็งกร้าวประกาศให้โลกรู้ว่าตนมิได้คิดใช้เสน่ห์ล่อลวง การออดอ้อนสำออยแต่พองามจึงจะดี
“เจ็บมากหรือไม่”
“พอทนได้เจ้าค่ะ” เสวียนหนิงอันสูดปากเมื่อเขาสัมผัสกับหน้าผากของนางเบา ๆ ไม่แสร้งเข้มแข็งหรือทำตัวประเภทเจ็บแล้วไม่ยอมพูดอีก นางถึงกับปล่อยน้ำตาร่วงออกมาสองหยดเพื่อให้ดูน่าสงสารยิ่งขึ้น
“หนิงเอ๋อร์อย่าร้องไห้ ประเดี๋ยวอาจะไปเอายามาทาให้ อีกแค่ครู่เดียวก็หายเจ็บแล้ว” หลี่จินหมิงปลอบด้วยน้ำเสียงไพเราะน่าฟังไม่ต่างจากวันวาน
“เพราะข้าไม่ดี แอบดูท่านอาจนเกิดเรื่อง…” นางกรีดนิ้วเช็ดน้ำตาอย่างมีจริต “ช่างเป็นภรรยาที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ”
“แล้วเจ้ามาแอบดูทำไมเล่า” หลี่จินหมิงถามขณะค้นหายาสำหรับลดอาการบวมช้ำในกล่องเล็ก ๆ
“ข้าแค่อยากเห็นว่าท่านอาชอบในสิ่งที่ข้าทำหรือไม่ แต่ความจริงไม่จำเป็นต้องแอบดูเลย เพราะท่านอายังคงมีนิสัยคล้ายเดิมอยู่บ้าง เรื่องที่ชอบก็เป็นตามที่ข้าคิดไว้ ส่วนเรื่องที่ไม่พอใจก็เป็นไปตามคาดเช่นกัน”
“คาดเดาเก่งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” หลี่จินหมิงได้ยาแล้วจึงหย่อนตัวนั่งข้างภรรยาลับคนงาม มือใหญ่จับคางเล็กให้หันมามองหน้ากัน
ชั่วพริบตานั้นเสวียนหนิงอันก็พลันหน้าแดงและหลุบตามองมือตนเองที่บีบเข้าหากันแน่น หลี่จินหมิงเห็นความเย้ายวนตรงหน้าก็เกิดความคิดอกุศลในใจ แต่กระนั้นก็ยังพยายามเฉไฉด้วยการชวนสนทนาเรื่องอื่น
“ว่าอย่างไร คาดเดาเรื่องใดเกี่ยวกับข้าได้บ้าง”
“ท่านอาหวงพู่กันมาก มิเคยให้ผู้ใดจับและมักทำความสะอาดเอง แต่พักหลังมานี้งานที่ร้านหนักจึงมิว่าง ข้าจึงทำความสะอาดให้เจ้าค่ะ”
เสวียนหนิงอันหลับตาพริ้มขณะถูกนิ้วเรียวของเขาป้ายยาทาลงบนหน้าผากของนาง “แต่ท่านอาไม่ต้องห่วงว่าข้าจะทำพังเหมือนแต่ก่อนแล้ว ข้าฝึกล้างพู่กันของท่านพ่อที่ตำหนักเยว่ฉี หลังจากทำพังไปหลายอัน ทั้งพู่กันด้ามงาช้าง ด้ามไม้ไผ่ และด้ามหยก ยามนี้จึงชำนาญเรื่องทำความสะอาดพู่กันแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าทำได้ดีอย่างมาก เรื่องนี้ข้าเถียงไม่ได้” หลี่จินหมิงหยุดชมและเป่าหน้าผากนางขณะนวดเบา ๆ ให้ตัวยาซึม มาถึงตอนนี้แม้แต่ใบหูของเสวียนหนิงอันก็แดงก่ำจนทนมองมิได้แล้ว
ภรรยาลับของเขาน่ารักมากจริง ๆ
“แล้วกลีบดอกเหมยกุ้ยเล่า”
“จำได้ว่าที่บ้านต่างเมืองของท่านอามีดอกเหมยกุ้ยเต็มสวน หากนำมาลอยน้ำให้พอมีกลิ่นหอม ท่านอาน่าจะชอบเจ้าค่ะ”
เสวียนหนิงอันช้อนตามองเขาอย่างมีความหวัง นางหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ตรงใจ การมองอย่างออดอ้อนเย้ายวนใจนั้นทำให้หลี่จินหมิงถึงกับตกอยู่ในภวังค์ ลุ่มหลงในความงามแสนเย้ายวนไร้เดียงสาของนางเพิ่มอีกหลายส่วน
เสวียนหนิงอันคนงามเปรียบได้ดั่งดอกเหมยกุ้ย ความงามของนางยั่วยุให้บุรุษที่คิดว่าควบคุมตนเองได้ดีเช่นหลี่จินหมิงแทบคลั่ง เบื้องล่างตื่นตัวและปวดหนึบจนอยากจะเข้าไปบรรเทาอาการอยู่หลังฉากกั้นตามลำพัง แต่ในเมื่อยังนวดยาให้นางไม่แล้วเสร็จ เขาจึงยังทำอันใดไม่ได้
“ชอบจริง ๆ ชอบดอกเหมยกุ้ยมานานแล้ว” หลี่จินหมิงเกลียดตนเองที่เผลอกล่าวความนัยออกไปเช่นนั้น จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “แล้วเรื่องที่คาดเดาว่าข้าจะไม่พอใจเล่า”
“เรื่องที่ข้าลดขนมของท่านให้เหลือชิ้นเดียว ทั้งยังมิให้ดื่มชาที่เข้มเกินไปเจ้าค่ะ” เสวียนหนิงอันเห็นเขาวางมือและเก็บตลับยาแล้วจึงลุกขึ้นยืนอย่างเรียบร้อย มองอย่างไรก็ดูมิใช่คุณหนูที่ชอบเอาแต่ใจคนเดิม
“รู้ว่าข้าไม่ชอบ แล้วเหตุใดจึงทำเล่า”
“จำได้ว่าท่านอาชอบขนมหวาน ข้าเองก็ติดนิสัยนี้มาด้วย แต่ก็ตัดใจลดปริมาณเพราะหวานมากไปนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ… ท่านอาจะโกรธก็ย่อมได้ แต่ที่ทำไปเพราะต้องการให้ท่านแข็งแรง อยู่กับข้าไปนาน ๆ เราสองคนอายุห่างกันมาก แม้ภายนอกท่านดูหล่อเหลาอายุน้อยกว่าความจริง แต่ภายในย่อมต้องบำรุงให้ดีเจ้าค่ะ”
“กลัวว่าข้าจะตายก่อนเช่นนั้นหรือ”
“ท่านอา เรื่องนี้พูดไม่ได้!” เสวียนหนิงอันปรี่เข้ามาปิดปากเขาทันที
“เช่นนั้นก็จะไม่พูด แต่ข้าต้องได้กินขนมเท่าเดิม”
หลี่จินหมิงกล่าวหลังจากจับมือนิ่มที่ปิดปากของตนออก แต่กลับต้องนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อพบว่าปลายนิ้วของเสวียนหนิงอันบวมเล็กน้อยราวกับทำงานหนักมา
“หนิงเอ๋อร์ห่วงท่านมากไป ทำเรื่องไม่เหมาะสมแล้ว” นางดึงมือออกอย่างช้า ๆ มิยอมให้เขาสำรวจอาการบวมแดงที่เกิดขึ้นจากการเข้าครัว
“ที่จริงเจ้าพูดก็ไม่ผิดนัก เอาเถิด กินชิ้นเดียวก็ได้ ข้าจะได้อยู่ปวดหัวเพราะเจ้าไปนาน ๆ” หลี่จินหมิงหันหลังและเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน มิได้สนใจขนมชิ้นนั้นอีก
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องปวดหัว ข้าจะทำให้ท่านอามีความสุขเจ้าค่ะ”
“หวังว่าจะทำได้ดีอย่างที่พูด เจ้าไปเถิด… ข้าต้องทำงานแล้ว”
หลี่จินหมิงมองตามร่างบางที่ย่อตัวอย่างงดงามก่อนหันกายออกจากห้อง ทว่านางยังมิทันปิดประตู เขาก็เอ่ยประโยคหนึ่งที่แม้แต่ตนเองก็ต้องประหลาดใจ
“ข้าออกกำลังหลังตื่นนอนทุกเช้า กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพสม่ำเสมอ แข็งแรงมากพอจะดูแลเจ้าไปอีกนาน”
เรื่องเช่นนั้นเขามิควรพูดแต่ก็ยังพูด หลี่จินหมิงมิเข้าใจตนเองเลยจริง ๆ
