5
Chapter 5
“คุณพ่อของหนูนายังไม่แก่เสียหน่อย จะเป็นเฒ่าหัวงูได้ยังไง” คุณครูสาวหยุดหัวเราะแล้วพูดเสียงใส
“จริงด้วยค่า คุณครูคิดเหมือนหนูนาเลย คุณพ่อยังหนุ่มฟ่อหล่อเฟี้ยวอยู่เลยค่ะ เหมาะกับคุณครูนีที่สุด” ได้ทีก็สวมรอยยิ้มแก้มปริอย่างเนียนๆ
“แน่ะ! แก่แดดน่ะเรา อย่าพูดอย่างนี้ให้ใครได้ยินนะคะ มันจะไม่ดี” คุณครูปรามลูกศิษย์ตัวน้อย เพราะเธอเองมีอาชีพที่มีผู้คนนับหน้าถือตา เรื่องชู้สาวจึงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แถมยังเป็นผู้ปกครองของนักเรียนยิ่งไม่เหมาะสม เธอเองก็เป็นแม่หม้ายแม่ร้าง ดูไม่งามและจะมีคนนินทาเอาได้
“ไม่ดียังไงคะ” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย
“มันเสียหายค่ะ ครูกับคุณพ่อของหนูนายังไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่ควรพูดให้คนอื่นเข้าใจผิด” คุณครูผู้ใจดีค่อยๆ สอนลูกศิษย์ถึงความไม่เหมาะไม่ควรเรื่องการพูดการจา
“แล้วถ้าคุณครูนีกับคุณพ่อเป็นแฟนกันแล้วล่ะคะ” เด็กน้อยทำท่าคิดก่อนจะโพล่งถามออกไปถึงอนาคตอันใกล้
“ก็ต้องดูอีกทีค่ะ” คุณครูสาวแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะถ้าปฏิเสธไป อาจจะต้องคุยกันยาว
“งั้นเย็นนี้หนูจะรีบบอกคุณพ่อให้รุดหน้าจีบคุณครู ดีไหมคะ” เมื่อเห็นว่าที่คุณแม่ในอนาคตพูดเช่นนั้น เด็กน้อยก็เข้าใจว่าคุณครูเปิดทางให้บิดา
“ไม่เอาค่ะ อายตายเลย เราเป็นผู้หญิงไปเร่งเร้าผู้ชายแบบนั้นได้ยังไงกัน ต้องให้ผู้ชายจีบเองค่ะ ถ้าจะมีแฟนต้องกล้าๆ หน่อย” ภคินีพูดแล้วอมยิ้ม เธอเองก็ไม่ได้รังเกียจนนท์ แต่ถ้าเขาจีบเธอเพราะบุตรสาวบังคับ เธอขอคงสถานะเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาจะดีกว่า
“งั้นหนูนาขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไปเล่นกับเพื่อนๆ ตรงโน้น” เด็กน้อยเข้าใจว่าคุณครูเปิดทางให้ คุณพ่อสามารถจีบได้เต็มที่จึงรีบตัดบทเพราะกลัวจะโดนปฏิเสธเอาได้
“อ้าว... จะไปแล้วเหรอคะ ได้จ้า ระวังด้วยนะคะ อย่าซนเกินเดี๋ยวหกล้มเป็นแผลที่เข่าอีก” ภคินีคิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะพูดอะไรอีก เห็นทำท่าเหมือนคิด เด็กน้อยตัดบทเสีย แล้ววิ่งจากไป เธอกอดอกมองตามอย่างเอ็นดู ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะคิดว่าเป็นความคิดของเด็กๆ ถึงแม้จะขี้อายยังไง เธอคิดว่า... ถ้าผู้ชายชอบผู้หญิงจริงๆ ต้องกล้าแสดงออก หรือกล้าจีบล่ะ ถึงไม่แสดงออกมากมายอะไร แต่อย่างน้อยต้องทำให้ฝ่ายหญิงรู้ตัวบ้าง
“คุณพ่อได้ยินแล้วใช่ไหมคะ” เด็กน้อยเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพูดเสียงใส
“ได้ยินแล้วครับ หนูนาไปพูดกับคุณครูแบบนั้น คุณครูไม่โกรธเอาเหรอลูก” คุณพ่อสุดหล่อตอบกลับไปทางโทรศัพท์ยิ้มๆ
“ไม่เลยค่าคุณพ่อ คุณครูนียิ้มอย่างเดียวเลยค่ะ คุณพ่อก็กล้าๆ หน่อยสิคะ หนูนาจะได้มีแม่กับเขาสักที” เด็กน้อยทำเสียงออดอ้อนคุณพ่อไปทางโทรศัพท์
“ถ้ายังไม่มีแฟนจริงๆ พ่อจะลองจีบดูนะ แต่ถ้าไม่สำเร็จหนูนาอย่าว่าพ่อล่ะ” เขาแบ่งรับแบ่งสู้ไม่อยากให้ความหวังบุตรสาวมาก กลัวจะผิดหวังเสียใจ เขาเองไม่รู้อนาคตแน่นอนว่าจะจีบติดหรือไม่ติด
“เดี๋ยวหนูนาช่วยเอง ระดับหนูนาซะอย่าง รับรองไม่ผิดหวัง เย็นนี้คุณพ่อไม่ต้องรีบมานะคะ ฮิฮิ” เด็กน้อยทำท่าครุ่นคิดอย่างแสนเจ้าเล่ห์
“ทำไมครับ” นนท์ถามอย่างสงสัย แต่ฟังน้ำเสียงเจ้าเล่ห์นั้นก็คิดว่ายายตัวแสบต้องมีแผนการอะไรอย่างแน่นอน
“คุณพ่อจะจีบคุณครูนีไม่ใช่เหรอ” เด็กน้อยถามกลับไปแล้วหัวเราะคิกๆ มาตามสาย
“เรามีแผนอะไรยายหนู” คนเป็นพ่อเริ่มรู้ทันถามดักคอเสียก่อน
“เอาเถอะค่ะคุณพ่อ ทำตามหนูนาบอกแล้วจะดีเอง ต้องให้หนูนาออกโรงเรื่อยเลย คุณพ่อมารับหนูนาช้าๆ ก็แล้วกันที่เหลือหนูนาจัดการเอง แค่นี้ก่อนนะคะ คุณพ่อตั้งใจทำงานนะคะ หนูนาจะไปเล่นกับเพื่อนๆ คิกๆ จุ๊บๆ” วางสายแล้วหัวเราะคิกๆ ตามมาด้วยเสียงจุ๊บๆ ที่ทำเอาคุณพ่อหัวใจเอิบอิ่ม เอาสักตั้งเพื่อลูกที่รัก นรีรัตน์จะได้มีแม่กับเค้าสักที
“ครับหนูนา” นนท์รับคำเหมือนอยู่ในโอวาทบุตรสาว วันทั้งวันวันนั้นเขานิ่งยิ้มคนเดียว อย่างน้อยคุณครูคนสวยที่หมายตาเอาไว้ก็ยังไม่มีใคร เขาก็ยังมีสิทธิ์ล่ะ ได้แรงสนับสนุนของบุตรสาวอีกแรง คิดว่าเขาคงจีบแม่ของลูกได้สำเร็จก็งานนี้ล่ะ
“หนูนาคะ คุณพ่อยังไม่มาอีกเหรอคะ” ภคินีเอ่ยถามลูกศิษย์ตัวน้อยที่นั่งหงอยรอบิดาอยู่คนเดียวที่ม้านั่งใกล้สนามเด็กเล่น
“ยังเลยค่ะ คุณพ่อติดงานยุ่งมากๆ เลยค่ะ” เด็กน้อยตอบเสียงเหงา ถอนใจเฮือกๆ อย่างสมบทบาท ก่อนจะเท้าคางจ้องหน้าประตูโรงเรียนอย่างใจจดจ่อ
“คุณพ่องานยุ่งแบบนี้บ่อยๆ เหรอคะ” คุณครูสาวนั่งลงบนม้านั่งใกล้ๆ กับเด็กน้อย วันนี้เป็นเวรประจำวันของเธอ เธอจึงต้องคอยดูแลเด็กนักเรียนจนทุกคนกลับบ้านกันไปจนหมด
“บ่อยค่ะ คุณพ่องานยุ่งค่ะ หนูนาสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ เอาแต่ทำงานหนัก ดูแลหนูนา นี่ถ้าคุณพ่อมีภรรยามาช่วยดูแลก็ดีสิคะ” เด็กน้อยเข้าเรื่องสำคัญอย่างแนบเนียน
“งั้นคุณครูนั่งรอเป็นเพื่อนนะคะ” ภคินีลูบศีรษะเล็กๆ อย่างเอ็นดู
“คุณครูไม่รีบกลับเหรอคะ” ถามอย่างเกรงใจ แอบซุกซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประสาเด็กเอาไว้อย่างแนบเนียน เธอสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้ว... ว่าต้องทำให้คุณครูมาเป็นคุณแม่ให้จงได้
“ไม่จ้ะ คุณครูจะกลับได้ก็ต่อเมื่อนักเรียนกลับกันหมดแล้วค่ะ” คุณครูสาวตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน เพราะเป็นหน้าที่ของครูเวรทุกคน
“ขอบคุณมากๆ นะคะคุณครูที่อยู่คอยคุณพ่อเป็นเพื่อนหนูนา” นรีรัตน์ออดอ้อนน่ารักตามประสา ยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อยจนภคินีต้องลูบศีรษะไปมาอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรจ้ะเด็กน้อย เดี๋ยวคุณพ่อก็มา” เธอปลอบใจลูกศิษย์ตัวเล็กอย่างเมตตาปรานี เข้าใจดีว่าเด็กทุกคนอยากมีพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตา
รอจนเย็นเสียงรถก็แล่นมาจอดที่หน้าโรงเรียน ร่างของนนท์รีบลงมาจากรถโดยเร็วด้วยท่าทีรีบร้อน นี่เขาทำงานเลยเวลาจนค่ำเชียวหรือ เพราะบุตรสาวบอกว่าไม่ต้องรีบมารับ เขาเลยหันไปสนใจทำงานต่อเมื่อถึงเวลาต้องมารับจริงๆ พอดูเวลาอีกทีก็ต้องตกใจ จึงรีบเก็บเอกสารออกจากออฟฟิศแทบไม่ทัน
“ขอโทษทีที่พ่อมาช้า” นนท์พูดอย่างร้อนใจ
“คุณพ่อมาแล้ว” นรีรัตน์ผวาเข้าหาบิดา ก่อนกระซิบที่ริมหูอย่างเจ้าเล่ห์ให้ได้ยินกันสองคน
“คุณพ่อทำดีมากค่ะ คิกๆ สมแล้วที่เป็นคุณพ่อของหนูนา” เด็กแสนซนและแสนเจ้าเล่ห์อมยิ้มอย่างน่ามันเขี้ยว
“พ่อขอโทษครับยายหนู พ่อลืมเวลาจริงๆ ทำงานจนเพลิน” นนท์ไม่ได้ตั้งใจมารับช้าจนมืดค่ำแบบนี้ เลยได้แต่ลูบท้ายทอยไปมาอย่างเก้อๆ เหลือบไปเห็นคุณครูประจำชั้นของบุตรสาวแล้วได้แต่ส่งสายตาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่ทำให้อีกฝ่ายต้องอยู่รอเป็นเพื่อนลูกน้อยจนไม่ได้กลับบ้าน
“ไม่เป็นไรค่ะ ศาลยกโทษให้จำเลย”
พอได้ยินแบบนั้นพ่อหม้ายหนุ่มถึงกับยิ้มออก ลูกสาวของเขาเป็นเด็กฉลาด ช่างคิดช่างจำ ช่างวางแผน ไม่รู้ไปเอานิสัยนี้มาจากไหน สงสัยจะเป็นปู่กับย่าที่ล่วงลับไปแล้วเป็นแน่แท้ แล้วไอ้นิสัยแม่สื่อแม่ชักนี้ก็ด้วย เขาคิดแล้วอมยิ้มเพราะภรรยาของเขาก็แสบน่าดู นรีรัตน์เหมือนแม่มาก เลยทำให้เขาอดจะคิดถึงภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วเสียไม่ได้
“ทำตัวเป็นกามเทพน้อยเชียวนะเดี๋ยวนี้” เขาขยี้ศีรษะบุตรสาวด้วยความเอ็นดู กระซิบกระซาบพอได้ยินกันสองคน
“ผมต้องขอโทษคุณครูด้วยนะครับที่มารับยายหนูช้าทำให้คุณครูต้องลำบากแบบนี้” ส่งสายตาไปขอโทษแล้วล่วงหน้า ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเกรงใจจริงๆ