4
Chapter 4
ไอ้เขามันไม่กล้า จะให้ทำยังไงดี คุณครูสาวดูน่ารัก อ่อนโยน ตรงตามสเป๊กเขาเสียด้วย แบบนี้ยิ่งดูหนักใจเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนั้นบิดามารดาจัดการหาคู่ให้ แต่คราวนี้เขาต้องจีบจริงสินะ แล้วตัวเองก็เป็นพ่อหม้ายลูกติด ไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะอยากมาเลี้ยงดูลูกเขาหรือไม่ รึแค่เอ็นดูตามประสาครูบาอาจารย์ที่รักเด็กเท่านั้น
“คุณพ่อขา... ขนมอยู่ไหนคะ เอามาให้คุณครูสิคะ”
“อ้อ... พ่อลืมครับหนูนา คุณครูรอแป๊บนึงนะครับ พอดีผมซื้อขนมมาฝากน่ะครับ” ภคินียังไม่ทันจะได้พูดอะไร อีกฝ่ายเดินไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่หน้าโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังมาจนเต็มมือทั้งสองข้าง
“ขนมและของฝากครับคุณครูนี พอดีผมไปต่างจังหวัดมา เลยซื้อมาฝาก”
“คุณนนท์ไม่น่าลำบากเลยนะคะ เกรงใจแย่เลย” ภคินีเกรงใจ เพราะของที่เขาซื้อมาเกินจำเป็นจริงๆ และมันมากมายจนชวนอึดอัดที่จะรับ อีกทั้งเขากับเธอก็เพิ่งจะคุยกันอย่างจริงจังเมื่อครู่นี้เอง ไม่ได้รู้จักกันหรือรู้จักมักจี๋กันก่อนหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่เขาทำเหมือนรู้จักคุ้นเคยกับเธอมานาน ถึงได้ซื้อข้าวของมาให้เยอะแยะแบบนี้
“ไม่ลำบากหรอกครับ ถ้าผมไม่เอามาฝากน่ะสิ ยายหนูเอาตายแน่เลยครับ” นนท์พูดยิ้มๆ
“หนูนาคะ วันหลังไม่รบกวนคุณพ่อนะคะ” ภคินีพูดกับลูกศิษย์ตัวน้อยที่จับมือเธอเอาไว้แน่นมองอย่างรักใคร่ ของฝากส่วนใหญ่เป็นขนมและของจากทะเลที่แปรรูปเรียบร้อยแล้ว ถ้าเดาไม่ผิดเขาคงไปปักษ์ใต้มาหรือไม่ก็คงภาคตะวันออก
“ไม่รบกวนเลยค่ะ คุณพ่อมีเงินเยอะค่ะ และหนูก็อยากให้คุณครูได้กินขนมอร่อยๆ ของหนูด้วย” เด็กน้อยพูดอย่างไร้เดียงสา ทำมือกางออกข้างตัวบ่งบอกให้รู้ว่าบิดามีเงินเยอะ
“งั้นถ้าเยอะแบบนี้ นีขอเอาไปแจกให้ครูท่านอื่นๆ กับเด็กนักเรียนได้ไหมคะ เยอะมากเลยค่ะ นีกินคนเดียวเดือนนึงก็ไม่หมด” เพราะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เธอจึงกินง่ายอยู่ง่าย จึงไม่ต้องตุนของกินอะไรเอาไว้มากมาย
“ได้เลยครับครูนี นอกจากสวยแล้วก็ยังมีน้ำใจอีกนะครับนี่”
“ค่ะ” ภคินีเขินอายเป็นครั้งแรกเมื่อได้รับคำชมและสายตามีไมตรีของอีกฝ่าย
นรีรัตน์ยกนิ้วโป้งให้บิดา ก่อนจะหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ มันต้องอย่างนี้สิคุณพ่อของหนูนา อย่ามัวทำเป็นอาย เดี๋ยวจีบไม่ติดเพราะคุณครูนีมีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบเยอะแยะมากมาย จนหนูนาต้องคอยสกัดเอาไว้ไม่หวาดไม่ไหว คุณพ่อก็อย่าช้านะคะ เด็กน้อยแอบกระซิบกระซาบให้คุณพ่อหูผึ่ง จะได้เป็นการเร่งปฏิกิริยาเคมีให้ฟรุ้งฟริ้งกันเร็วๆ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คือต้องไปทำงานแล้วน่ะครับ เดี๋ยวตอนเย็นพ่อมารับนะครับหนูนา” นนท์บอกบุตรสาวก่อนจะก้มลงหอมแก้มซ้ายขวา เขารีบเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อนเพื่อเอ่ยลา เนื่องจากมองหน้าคุณครูสาวแล้วใจสั่นแปลกๆ ถ้ารู้ว่าน่ารักขนาดนี้ เขามาตั้งแต่ที่บุตรสาวยุแล้ว เขาคงต้องถือคติตามที่ยายตัวเล็กบอกแล้วสินะ ‘ว่าด้านได้อายอด’
“บ๊ายบายค่ะคุณพ่อ ขับรถดีๆ นะคะ” นรีรัตน์โบกมือให้บิดา อีกมือก็จับมือของคุณครูประจำชั้นเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทำเนียนเหมือนอีกฝ่ายเป็นคุณแม่ยังสาวมาคอยยืนส่งคุณพ่อของลูกขับรถไปทำงาน
“หนูนาคะ ทีหลังไม่รบกวนคุณพ่อนะคะ คุณครูเกรงใจ” เมื่อเห็นบิดาของหนูน้อยขับรถไปไกลแล้ว คุณครูสาวจึงนั่งลงให้ใบหน้าเสมอกับเด็กน้อย ก่อนจะบอกอย่างเกรงใจจริงๆ
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ หนูนารักคุณครูนะคะ เลยอยากให้คุณครูกินขนมของหนูนา” นรีรัตน์ออดอ้อนกอดคอว่าที่คุณแม่ในอนาคตที่ไม่มีวันรอดมือเธอไปได้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ก่อนจะซบหน้าอ้อนๆ จนคุณครูสาวใจลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
“ได้จ้ะ ครูจะกินขนมของหนูนา เดี๋ยววันนี้เอาไปแจกคนอื่นๆ ด้วยนะคะ”
“ดีค่ะ คุณพ่อบอกว่าการแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ” เด็กน้อยแสนฉลาดตอบจนคุณครูสาวถึงกับยิ้มกว้าง
“ใช่แล้วค่ะ” คุณครูสาวสวยลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกศิษย์ตัวน้อยด้วยความรักและเอ็นดู
“คุณครูขา...” เด็กน้อยยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นไม่ยอมไปไหน ส่วนเพื่อนรักอย่างรวิอรกำลังหันไปสนใจกับการเล่นชิงช้าตัวโปรด
“ว่ายังไงคะหนูนา” ภคินีก้มมองลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังเงยหน้ามองเธอเหมือนมีเรื่องอะไรอยากจะถาม
“คุณครูมีแฟนหรือยังคะ” กามเทพตัวน้อยถามออกไปแล้วรอลุ้นฟังคำตอบ ถ้าคำตอบเป็นที่น่าพอใจ เย็นนี้บิดามารับเธอจะได้รีบรายงาน แต่จะแอบสืบๆ มาบ้างตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น แต่บิดาเคยบอกว่าจะเชื่อหรือจะฟังอะไรใคร ต้องถามเจ้าตัวเองดีกว่า จะได้ข้อมูลแม่นยำกว่า
“ทำไมถามอย่างนี้คะ” ภคินีเลิกคิ้วขึ้นมอง แววตายังเอื้อเอ็นดูไม่คลาย
“หนูนาถามเป็นข้อมูลค่ะ” เธอตอบอย่างที่บิดาสอนมาเป็นอย่างดี
“ใครให้ถามคะ” ภคินีนั่งยองๆ ลงอีกครั้ง มองหน้าจิ้มลิ้มอย่างเอ็นดูปนมันเขี้ยว
“หนูนาอยากรู้น่ะค่ะ” ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างแนบเนียนตามประสาเด็กฉลาดและเจ้าเล่ห์ ภคินีแอบค้อนลูกศิษย์ตัวน้อยไม่ได้ ดูคุณพ่อก็ไม่เห็นเจ้าเล่ห์ แล้วไปได้ความเจ้าเล่ห์มาจากไหน อย่าบอกว่ามาจากคุณแม่ล่ะ เธอคิดเองขำเองคนเดียว
“แล้วอยากรู้ไปทำไมคะ” ยังไม่ยอมตอบ อยากแกล้งเด็กอยากรู้อยากเห็นนักว่าจะถามต่อว่าไง
“หนูนาจะได้เอาไว้พิจารณาค่ะ” คราวนี้ตอบตามใจคิด
“เอ... ชักจะยังไงๆ แล้วนะคะนี่ พิจารณาอะไรเอ่ย ไหนบอกคุณครูมาสิ” คาดคั้นเอาความจริง เพราะสีหน้าเจ้าเล่ห์แบบเด็กๆ ทำให้เธออยากรู้มากขึ้นไปอีก
“ถ้าบอกแล้วคุณครูสัญญานะคะว่าจะไม่โกรธ” เด็กน้อยรีบขอคำมั่นสัญญาเพราะกลัวอีกฝ่ายหนึ่งจะโกรธ
“ไม่โกรธค่ะ ไหนบอกมาสิคะ” คุณครูสาวแสนใจดีบอกด้วยน้ำเสียงปรานี เธอมีอาชีพและจิตวิญญาณเป็นครู ไม่เคยแสดงความโกรธต่อหน้านักเรียนเลยสักครั้ง และรู้จักสงบจิตสงบใจ เนื่องจากนั่งสมาธิบ่อยๆ
“คือคุณพ่อของหนูนาน่ะค่ะเป็นคนขี้อาย จีบผู้หญิงไม่เป็น จีบไม่เก่งเลยค่ะคุณครู” เด็กน้อยเริ่มเข้าเรื่อง จะรอให้บิดาจัดการเองคงไม่คืบหน้า
“แล้วยังไงคะ” ใจของคุณครูสาวเต้นถี่แปลกๆ
“หนูนาก็เลยมาถามให้แน่ใจ จะได้บอกให้คุณพ่อทำใจ ถ้าคุณครูมีแฟนแล้ว” บอกไปตามตรง ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม เด็กน้อยมองคุณครูสาวตาปริบๆ
“คุณครูยังไม่มีแฟนค่ะ” ตอบไปแล้วหน้าแดง นึกถึงหน้าบิดาของนรีรัตน์แล้วเผลอยิ้ม ผู้ชายคนนั้นดูอบอุ่นอ่อนโยนและที่สำคัญรักครอบครัว
“เย้ๆๆ” เด็กน้อยไชโยเสียเสียงดังเชียว
“ดีใจจนออกนอกหน้าเลยนะคะ แล้วไม่มีแฟนก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยากมีนี่คะ” ภคนีดักคอลูกศิษย์ตัวน้อยแล้วอมยิ้ม
“ถ้ายังไม่มีแฟนก็แสดงว่าคุณพ่อหนูนายังมีสิทธิ์สิคะ” เด็กน้อยตบมือชอบใจ อมยิ้มแก้มตุ่ย
“รู้ได้ยังไงว่าคุณพ่อของหนูนาชอบครู หนูนาคิดไปเองหรือเปล่า” คุณครูสาวเอียงคอมองเด็กน้อยอย่างสงสัย
“คุณพ่อบอกหนูนาเอง แต่ไม่กล้าจีบคุณครู กลัวคุณครูจะว่าให้ ว่าเป็นเฒ่าหัวงู” จริงๆ มีความจริงแค่บางส่วน บิดาบอกว่าไปจีบคุณครูกลัวจะโดนว่าเป็นเฒ่าหัวงูน่ะจริง แต่ไม่กล้าจีบคุณครูบิดายังไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แค่แบ่งรับแบ่งสู้
“ราวนี้คนที่หัวเราะคือภคินี เธอหัวเราะจนท้องแข็ง เพิ่งหลุดมาดคุณครูแสนเรียบร้อยก็คราวนี้เอง
“คุณครูหัวเราะอะไรเหรอคะ” เด็กกะพริบตาปริบๆ ถามอย่างงุนงง