บท
ตั้งค่า

บทที่ 1-1

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลุกหญิงสาวที่กำลังนอนหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เธอยังคงหลับตาเพราะลืมตาแทบจะไม่ขึ้นด้วยความง่วงงุน ก่อนจะกรอกเสียงง่วงๆ ลงไปว่า

“ขา...”

“นังหนู กลับมาได้แล้ว เรียนจบนานแล้วไม่ใช่เหรอ เอ็งจะยังอยู่ที่โน่นอีกทำไม ยายคิดถึง”

เสียงที่ดังมาจากปลายสาย เล่นเอาคนที่กำลังง่วง ถึงกับตื่นเต็มตา กานต์ธีราเหลือบมองนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงนอน แล้วทำตาโต

นี่คุณยายของเธอ ท่านเล่นโทรศัพท์หาเธอตอนตีสองครึ่งนี่นะ!

“ยาย”

“แม่เอ็งห้ามโทรมาเร่งเอ็งกลับ แต่ทำไมวะ ก็ข้าจะโทร”

อีกฝ่ายทำเสียงแหว เล่นเอาคนฟังต้องกะพริบตาปริบๆ แล้วเอามือตบหน้าผากอย่างกลุ้มๆ งานนี้มีหวัง ต้องโดนรายการร่ายยาวแน่ๆ เสียงใสจึงเอ่ยอ้อน เหมือนจะให้ปลายสายที่อยู่เมืองไทย เลิกรุกเร้าเรื่องให้เธอยอมกลับบ้านเกิด

“ยายจ๋า กานต์ขอเว..”

“ไม่มีเวลาให้แล้ว เอ็งอยู่ที่นั่นมานานมากแล้วนะ นังหนูกานต์ กลับมาเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่กลับ ข้าจะไปตามที่แอลเอเลย ไม่เชื่อก็คอยดู”

“ยายหายกลัวเครื่องบินแล้วเหรอจ๊ะ”

กานต์ธีราเอ่ยเสียงอ่อย นึกถึงหน้าของคุณยายทับทิมของเธอออกทันที ตอนนี้ท่านต้องหน้าแดงด้วยความโมโหอยู่แน่ๆ ข้อหาที่เธอไม่ยอมกลับเมืองไทยเสียที ตั้งแต่เรียนปริญญาโทจบ แถมเธอทำท่าจะเรียนต่อด็อกเตอร์อีกใบด้วย เพราะกำลังสนุกกับการเรียน หากแต่ผู้เป็นย่าเบรกไว้ คำประกาศิตที่ทำให้กานต์ธีราไม่ยอมกลับเมืองไทย ด้วยเคยได้ยินจากปากท่าน ก็คือประโยคที่ว่า

‘เป็นผู้หญิงจะเรียนไปมากมายทำไมกัน เดี๋ยวก็มีผัวออกเรือนไป เสียเงินเสียเวลาเปล่าๆ’

แถมท้ายด้วยการที่ท่าน ตั้งท่าจะหาสามีให้กับกานต์ธีราเอาเสียด้วย ธีรพรมารดาของเธอ คอยแอบส่งข่าวมาเป็นระยะ เมื่อเห็นว่าท่าทางของยายทับทิม ชักจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจ

‘ยายเราน่ะ พูดถึงพ่อไตรบ่อยๆ นะหมู่นี้ ชื่นชมกันมากๆ ยิ่งพอได้ตำแหน่งนายอำเภอมาด้วยตอนนี้ ยายเรายิ้มแป้นตลอดเลยเวลาเจอหน้าพ่อไตร’

‘ไตรไหนล่ะแม่ แม่อย่าบอกกานต์นะ ว่าพี่ไตรที่เคยวิ่งไล่กับกานต์สมัยยังเด็ก อีตาคนที่ขี้มูกย้อย ฟันหน้าหลอนั่นหรือเปล่า’

‘คนนั้นแหละ’

ฟังเกริ่นมาแค่นี้ กานต์ธีราก็อยากจะเป็นลมนัก เมื่อนึกถึงหน้าของไตรลักษณ์ ชายหนุ่มร่างท้วม ยิ้มได้อยู่ตลอดไม่ว่าจะฝนตกแดดออก พูดเป็นอยู่คำเดียวคือคำว่าได้ครับ ดูเหมือนจะยอมใครต่อใครเขาไปเสียหมด และพร้อมบริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หากมีใครเดือดร้อนมาให้ช่วยเหลือ ช่างเป็นชายหนุ่มแสนดี แต่ดีเกินไปจนจืดชืด แถมด้วยยิ่งกว่านั้น กานต์ธีรายังไม่คิดจะเกี่ยวดองกับใครทั้งสิ้น ก็ขนาดแฟนเธอยังไม่คิดจะหามาให้ปวดหัว เห็นเพื่อนๆ หรือคนรอบข้าง วุ่นวายกับความรัก แล้วเธอก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะใจเธอจดจ่อเรื่องเรียนมากกว่า มีคนรักก็เสียเวลาเรียนของเธอหมด เป็นเสียแบบนี้ กานต์ธีราเลยโสดสนิทมาตลอดเวลา 26 ปีเต็มของตนเอง ไร้ภมรใดๆ มาไต่ตอม ให้หัวใจมีมลทิน

“เอ็งจะกลับเมื่อไหร่ หรือจะให้ข้าไปตามตัว”

เสียงของยายเร่งเอาคำตอบ หญิงสาวจึงทำหน้ายุ่ง และกรอกเสียงตอบลงไปว่า

“เร็วๆ นี้ล่ะจ้ะยาย”

“เอ่อ...ให้มันจริงเถอะ กลับมาจะได้สนิทสนมกับพี่ไตรเขาไว้ อย่าพาไอ้หนุ่มฝรั่งหัวแดงที่ไหนมาด้วยนะ ข้าจะให้พ่อเอ็งไล่ยิงให้ตับแลบ รีบกลับมานะนังหนู ยายจะรอ”

แล้วอีกฝ่ายก็วางสายลงไปดื้อๆ กานต์ธีรามองโทรศัพท์ที่ถืออยู่ด้วยสายตาตัดพ้อ ราวกับว่าเป็นตัวแทนของผู้เป็นยาย

“เฮ้อ...นี่ขืนเรากลับไปล่ะก็ ยายมีหวังจับเราคู่กับพี่ไตรแหงๆ อี๋ไม่เอาหรอก”

หญิงสาวทำหน้าเบ้ คำขู่ของท่าน ที่จะมาตามหาเธอถึงที่นี่ ทำให้กานต์ธีราตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ เมื่อนึกถึงแผนการถ่วงเวลาของตนเองขึ้นมาได้

งานนี้คงจะต้องเล่นซ่อนหากับยายทับทิมจอมดุเอาแต่ใจกันเสียแล้ว ก็เธอยังไม่อยากสูญเสียอิสรภาพความโสดให้ใครนี่นา มาตามหาเธอที่นี่สิ อิอิ เธอจะได้หนีกลับเมืองไทย เกมซ่อนหาคราวนี้คงจะหนีกันได้สักระยะหนึ่งล่ะ

คิดดังนั้นมือเรียวจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางกดหมายเลขปลายทาง ของคนที่เธอกำลังตั้งใจจะไปขอความช่วยเหลือ และทันทีที่ติดต่อเสร็จ กานต์ธีราก็เริ่มลอกเบอร์โทรศัพท์คนที่ติดต่อกับเธอทั้งหมดลงสมุดบันทึก ก่อนจะหักซิมการ์ดโทรศัพท์ทิ้งอย่างไม่ไยดี หญิงสาวโบกมือลาสิ่งที่จะทำให้ติดต่อเธอได้ในถังขยะ แล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์

“ขอหนูหนีก่อนนะคะ ยายขา กานต์ยังไม่อยากถูกยายจับใส่ถุงแล้วเอาไปโยนให้พี่ไตรนี่นา เรื่องอะไรล่ะจะยอมง่ายๆ แฟนของกานต์ กานต์หาเองได้ แต่สงสัยจะยังไม่มาเกิด เพราะกานต์แสนจะมีความสุข กับการมีชีวิตแบบโสดแบบนี้”

……………………………………………………………………………………..

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ตรงบริเวณผู้โดยสารขาออก

เทียนแก้วมองดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะถอนใจเบาๆ เธอคุยกับปลายสายไปด้วย เกี่ยวกับเรื่องงานที่ยังค้างคาประชุมกันไม่เสร็จ แต่ด้วยธุระที่จำเป็นกว่าทำให้ต้องเผ่นมาที่นี่ เพื่อรอรับใครบางคน ที่เป็นคนสำคัญของเธอ

“อืม...จัดการไปเลย เอาแบบไปส่งที่โต๊ะเทียนเลยก็แล้วกันคุณเรณู ค่ะๆ”

เมื่อวางสายจากงานที่ติดพันลงได้แล้ว เทียนแก้วก็มองไปรอบๆ ก่อนจะถอนใจ

“ยังไม่มาอีกหรือไงนะ หรือว่าจะหาเราไม่เจอ ยายกานต์นะยายกานต์ ชอบทำอะไรปุ๊บปั๊ปไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ”

“จ๊ะเอ๋!”

มือที่จับแรงๆ มาที่ต้นแขนของเทียนแก้ว ทำเอาเธอกระโดดโหยงอย่างตกใจ พลางอุทานลั่น

“ตายแล้ว! ตาย แม่จ๋าช่วยด้วย”

“ใจเย็นๆ เทียน เดี๋ยวก็หัวใจวายหรอก ขวัญอ่อนไม่เปลี่ยนเลยนะ”

เสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นเมื่อเห็นอาการของเพื่อนรัก เทียนแก้วหันขวับมาค้อนทันที เสียงคุ้นเคยนั่นทำให้รู้ว่าเป็นใคร คนที่เธอกำลังรอคอยนั่นเอง

“ยายกานต์ ยายเพื่อนบ้า นี่ถ้าเกิดหัวใจฉันวายไปจะเป็นยังไงยะ”

คนชอบแกล้งหัวเราะกิ๊ก แล้วโอบเพื่อนสนิทไว้แน่น พลางหอมแก้มนวลดังฟอด แบบไม่แคร์สายตาใคร เล่นเอาใครต่อใครเริ่มพากันหันมามอง เพราะเสียงเทียนแก้วตอนอุทานตกใจดัง เรียกความสนใจได้มากพอดู

“ยายกานต์พอแล้ว”

เทียนแก้วเริ่มปัดป้อง เมื่อโดนโจมตีหอมแก้มเอาอีกรอบ จนหน้านวลแดงก่ำ พลางหยิกกานต์ธีรา ที่ยังยิ้มแป้นหน้าเป็น เหมือนจะชอบใจที่มีคนมองมากๆ

จะไม่ให้ใครต่อใครหันมามองได้อย่างไรกันเล่า ลำพังเทียนแก้วที่เป็นหญิงสาวสวยเนี้ยบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก็ดึงดูดสายตาให้คนมองอย่างชื่นชมได้ในระดับหนึ่งแล้ว ใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย น่ารัก น่ามอง เจ้าหล่อนดูดีในเสื้อเชิ้ตกระชับตัว กางเกงยีนสีดำแนบขาเพรียว เรือนผมดำมันเกล้าขึ้นเป็นมวยแบบเก๋ ปล่อยลูกผมลงมาเคลียแก้มเนียน ใบหน้าตกแต่งไว้ด้วยเมคอัพโทนสีฟ้าสว่าง ยิ่งขับเน้นใบหน้าให้สวยกระจ่างยิ่งขึ้น รองเท้าสีน้ำเงินเข้มส้นเข็ม ทำให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวทันสมัยมากขึ้น

ส่วนกานต์ธีรา แม้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าแบบสบายๆ อย่างเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนสีซีดห้าส่วน รองเท้าผ้าใบง่ายๆ ทับด้วยแจ็กเก็ตยีนสีเข้ม หากแต่ใบหน้าสวยคมนั่น ดึงดูดสายตาคนมองแบบชนิดไม่ต้องแต่งแต้มด้วยเมคอัพ เธอซ่อนเรือนผมไว้ในหมวก ใบหน้าเรียวรูปไข่ มีเครื่องหน้าเหมาะเจาะสมส่วน คิ้วโก่งเรียวสวย นัยน์ตาสีนิลเป็นประกายระยับ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากอิ่มแดงเรื่อ ยิ่งมองก็ยิ่งตรึงตา ตรึงใจจนถอนสายตาได้ยากนัก

แล้วสองสาวกลับมายืนกอดกัน หอมกันกลางแอร์พอตแบบนี้ อีกหนึ่งแต่งตัวเป็นสาวเปรี้ยว ส่วนอีกฝ่ายแต่งตัวสบายๆ เป็นสาวห้าวติดจะแมนนิดๆ ด้วยซ้ำ เล่นเอาใครต่อใครมอง คิดไปแล้วว่าอาจจะเป็น ‘เพื่อนแสนสนิท’ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าเสียดายนัก

“ก็คิดถึงนี่นา”

กานต์ธีราทำเสียงหวาน เล่นเอาเทียนแก้วถึงกับขนลุกวาบ แล้วทำตาโตมองเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจ

“นี่หล่อนน่ะ กลายเป็นแอบเลิฟ พวกเดียวกันไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย ชักจะไม่ไว้ใจแล้วแหะ ห้ามมานอนห้องเดียวกับเราแล้วนะกานต์ เรากลัว”

ปลายเสียงตวัดสูง กานต์ธีราย่นคิ้ว แล้วอมยิ้ม พลางแกลังดัดเสียงให้ห้าว มือนิ่มเชยคางมนของเพื่อน นัยน์ตาสีนิลสวยเปล่งประกายระยับวาวอย่างเจ้าชู้

“เสร็จพี่แน่คืนนี้คนสวย”

“ว้าย!”

เทียนแก้วถึงกับกระโดดโหยงอีกรอบ แล้วถอยห่างจากเธอทันที กานต์ธีราหัวเราะเสียงดังลั่นกับอาการของเพื่อนสนิท ก่อนจะกวักมือเรียกเทียนแก้ว ที่กำลังมองเธออย่างไม่ไว้วางใจ

“ล้อเล่นน่า เรายังชอบผู้ชายอยู่หรอกน่าเทียน แหมแค่นี้ทำเป็นรังเกียจ แล้วถ้าเราเกิดไม่ชอบผู้ชาย รักผู้หญิงด้วยกันขึ้นมาจริงๆ จะเลิกคบเราหรือไง”

ฟังเสียงตัดพ้อของเพื่อนรักแล้ว เทียนแก้วก็ยิ้มแหย มือเรียวเกาะแขนกานต์ธีราอย่างประจบ พลางเอ่ยเสียงอ่อน

“ไม่เลิกคบหรอกจ้า เพื่อนรัก เพียงแค่ตอนแรกอาจจะยังรับไม่ได้ เลยอยากจะขออยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ก่อน”

“แหม...รักเราดีจริงๆ แหะ”

กานต์ธีราทำหน้างอ ขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก

“รักแต่แอบระแวงไงล่ะ กานต์ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวแม่เราตีหัวเอา ถ้าเกิดเรารักกับกานต์ขึ้นมาจริงๆ ยิ่งอยากได้หลานอยู่ นี่ก็แอบแง้มๆ พาคนนั้นคนนี้มาแนะนำให้เรารู้จักวุ่นวายไปหมดเลย พวกผู้ใหญ่นี่แหละน้า ชอบมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเราจริงๆ เดี๋ยวถึงเวลาเราก็หาแฟนเองแหละน่า”

เทียนแก้วบ่นพึมพำทำหน้าเบื่อๆ เมื่อนึกถึงมารดาของเธอ ที่เจ้ากี้เจ้าการนักเรื่องการครองเรือน โชคดีที่บิดาไม่ได้บ้าจี้ตามท่านไปด้วย ถ้าไม่แบบนั้นเทียนแก้ว มีหวังต้องลี้ภัยออกมาหาที่อยู่นอกบ้านแน่ๆ

“ก็เพราะผู้ใหญ่เจ้ากี้เจ้าการนี่แหละ ที่ทำให้เราต้องลี้ภัยมาอยู่กับเทียนแหละ”

กานต์ธีราเองก็มีสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กับเพื่อนสนิท

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel