ความลับที่ต้องการปกปิด(3)
สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกคนบนโต๊ะเริ่มลงมือกินอาหารกันอีกครั้ง กับข้าวบนโต๊ะล้วนมีรสชาติที่ดีเทียบกับร้านระดับภัตตาคาร แต่ไอลดาที่ยังมีอาการแพ้ท้องอยู่เลยไม่ค่อยอภิรมย์สักเท่าไร
“อุก ! ” เสียงอึกอักในลำคอดังขึ้นเบา ๆ เป็นระยะ ใจจริงเธออยากจะอ้วกอีกสักรอบ แต่ไม่อยากถูกมองว่าเสียมารยาทจึงฝืนกลืนก้อนที่จะขย้อนลงคอไป
“ไหวไหมหนูดา แม่ว่าเราไปหาหมอดีไหม”
“หนูไม่เป็นไร...ช่วงนี้งานเยอะอาจจะเครียดลงกระเพาะก็ได้ค่ะ”
“ตายจริง งั้นก็ต้องพักแล้วนะหนูดา จริง ๆ งานนี้ก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเราด้วย น่าโมโหนะถ้าพนักงาน คนนั้นไม่คิดลาออกกลางคัน งานที่เธอรับผิดชอบก็คงไม่ต้องมาตกที่คนอื่นแบบนี้”
“เกวลินไม่ได้ไร้ความรับผิดชอบ เธอมีเหตุจำเป็นต่างหากถึงได้ขอลาออกไปแบบนั้น”
“ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใครสักหน่อยและถึงจะถูกคนแต่เธอก็ไร้ความรับผิดชอบอยู่ดี”
“เอาจริงยังไงไอลดาก็ว่างงานอยู่แล้ว แค่รับงานต่อจะซีเรียสอะไรหนักหนาละครับ” คนเป็นลูกยังคงไม่หยุดเถียง
“แกเอาแต่บ่นว่าแม่เอาแต่เข้าข้างหนูดา แกเองก็ไม่ต่างกันนั่นแหละ”
“แต่เกวต่างจากเธอ เธอมันก็แค่ที่คิดอยากจะเกาะพวกเราที่รวยเป็นได้แค่ยายปลิงดูดเลือด ! ”
“อังกูร !! ” เสียงตะโกนดังลั่นอย่างโกรธเคืองสร้างบรรยากาศให้ตึงเครียดและอึดอัดในพริบตา
“ขอโทษนะคะ ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ”
ไอลดาทนไม่ไหวอีกแล้ว เธอตัดสินใจที่จะวิ่งหนีขึ้นห้องไปอย่างขมขื่น
“แกดู ! สิ่งแย่ ๆ ที่แกทำ แกดูสิว่าแกทำให้น้องสาวแกต้องร้องไห้ แกทำลงไปได้ยังไงกันตอบแม่มาสิอังกูร”
“น้องสาว...หึ ! นั่นอะนะน้องสาว ฮ่า ๆ คุณแม่อย่ามาพูดให้ผมขำเลย เธอคิดกับผมเป็นพี่ชายจริง ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอ ๆ คิดวางแผนจะอ่อยผมเพื่อให้ได้ตำแหน่งสะใภ้ของบ้านมาครองละสิไม่ว่า”
“เออดี ! ในเมื่ออยากจะคิดแบบนั้นก็เชิญคิดไปเลย และจำไว้หนูดาน่ะเธอไม่ใช่ปลิงดูดเลือด แต่แกต่างหากที่เลี้ยงปลิงดูดเลือดไว้กับตัวมาตลอด จำคำพูดของแม่ในวันนี้เอาไว้ให้ดีละอังกูร”
คำพูดพร้อมสีหน้าที่เสียใจและผิดหวังในตัวของอังกูร มันทำให้ตัวเขาแอบรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“แกมันโง่ ถ้าผู้หญิงคนนั้นรักแกจริงทำไมวันนี้เธอถึงได้ทิ้งไปละ อังกูรของแม่เป็นคนฉลาดเพราะงั้นเอาเรื่องนี้ไปคิดทบทวนดูเองก็แล้วกัน”
คุณนายพิจิกตราเดินออกจากห้องอาหารไปทันที
เธอนึกผิดหวังในใจที่ลูกชายซึ่งเลี้ยงมากับมือจะมีความคิดอันน่ากลัวและโง่เขล่าได้มากถึงเพียงนี้ ในเมื่อเตือนกันดี ๆ แล้วไม่ฟังก็เชิญไปเจอความจริงด้วยตัวเองเถอะ
คนเป็นแม่ลุกออกไปพร้อมคำพูดเจ็บแสบ อังกูรทรุดตัวนั่งลงแล้วทุบโต๊ะอย่างระบายอารมณ์ด้วยความโมโห สิ่งแม่เขาพูดมันทำให้คิดว่าจริงตรงที่เกวลินทิ้งเขาไปเพราะเธอมีคนอื่น ทุกคนรู้ดีคงมีแค่ตัวเขาเองที่ยังไม่ยอมรับ
“โธ่เว้ย ! แต่ถึงยังไง ลูกที่แม่รักนักรักหนาก็ไม่ใช่คนดี เธอก็แค่อยากเกาะเงินของพวกเรา ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจด้วยวะ ! ” อังกูรอยากกวาดทุกอย่างบนโต๊ะให้พังไปต่อหน้า แต่เขาทำไม่ได้อีกเช่นกัน
“คุณอังครับ ผมว่าคุณควรพักสักหน่อยนะครับ”
รามผู้ช่วยคนสนิทควบเลขาส่วนตัวเอ่ยขึ้นขัด
ความเงียบที่แสนอึดอัด
“ไม่ละ วันนี้พวกเรามีประชุมกับผู้ถือหุ้นรายใหม่อยู่”
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมจัดการเหมือนเดิมก่อนไหมครับ”
“อื้มและอย่าให้แม่ฉันรู้เด็ดขาด”
“รับทราบครับ”
รามยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วคุยอะไรบางอย่างกับ ปลายสายนิดหน่อยพร้อมพยักหน้าให้คนขับไปเตรียมรถได้เลย
อังกูรเห็นว่าคนสนิทจัดการอะไรให้เรียบร้อยแล้ว
ตัวของเขาก็ลุกขึ้นหยิบสูทที่พาดบนเก้าอี้ขึ้นมาสวมใส่
ขายาวทั้งสองข้างก้าวพาร่างสูงสง่าไปที่หน้าประตู เขาก็ขึ้นรถออกไปทำงานด้วยความรู้สึกกรุ่นโกรธและสับสนปะปนกันไป
“คุณอังครับ คุณลิเลียแจ้งว่าวันนี้เดี๋ยวเธอจะมาให้บริการคุณเองครับ”
“งั้นช่วยจัดห้องสวีทเตรียมเอาไว้ที”
“รับทราบครับ”
หลังรถยนต์ยี่ห้อหรูขับออกจากอาณาเขตของคฤหาสน์ สิ่งที่รบกวนเขาก็วนกลับมา ใบหน้านวลสวยในตอนนั้นที่มีน้ำตาคลออยู่ภายใน มันทำเอาจิตใจของเขาเหมือนโดนมือที่ล่องหนบีบเค้น
ไอลดาเป็นคนที่เขาเคยแอบชอบเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกวลินแฟนสาวได้ให้เขาเห็น มันพิสูจน์ได้ว่าไอลดา เธอก็แค่อยากจะเกาะเขาและแม่รวยหาใช่มี ความจริงใจอยู่ไม่ สิ่งที่โดนกรอกหูทำให้อังกูรมองไอลดาด้วยความอคติมากขึ้นทุก ๆ วัน ยิ่งแม่เข้าข้างเธอมากเท่าไร อังกูรก็เกลียดเธอมากเท่านั้น
‘ต่อให้เธอจะล้างสมองแม่ฉันได้ แต่เธอไม่มีวันจะกล่อมฉันให้คล้อยตามเธอได้หรอกนะไอลดา’
‘นั่นสินะ ฉันไม่ใช่เกวลินคนรักของคุณสักหน่อย’ แววตาและน้ำเสียงบวกกับภาพเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของไอลดาเด้งขึ้นมา
คำพูดที่เสียดสีที่เขาไม่ค่อยได้เจอและรับฟังมาก่อน แต่ภาพอันเลือนลางซ้อนทับเข้ามาราวกับเธอส่งกระแสจิตมาต่อว่าอังกูรอย่างน้อยใจได้อย่างนั้น
‘ออกไปจากความคิดฉันซะไอลดา’
‘ทำไม ทำไมคนที่อยู่ข้างคุณถึงเป็นฉันไม่ได้’
“ต่อให้จะอยากเป็นแค่ไหนก็เป็นไม่ได้หรอกเพราะฉันไม่ได้รักเธอ ออกไปจากหัวฉันซะ ! ”
“คุณอังเป็นอะไรครับ จู่ ๆ ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง” อังกูรตื่นจากภวังค์ กระแอมไออย่างตั้งสติ
“ไม่มีอะไร”
อังกูรหันไปสนใจสิ่งรอบข้างภายนอกทันทีแล้วหลับตาลง เอามือนวดขมับตนอย่างไม่เข้าใจ
‘ทำไมไอลดาในรูปลักษณ์แบบนั้นถึงได้เข้ามาในโสตประสาทของเรากัน’ อังกูรนั่งคิดไปมาอย่างสับสนกับตัวเอง