บทนำ
ณ บ้านสวน
ทุก ๆ ปีครอบครัว เกตุวิชัยแสง มักจะกลับมาที่นี่ เพื่อมาเยี่ยมคุณยายของเด็กแฝดคู่นี้ เด็กน้อยวัยใสที่หน้าตาเหมือนกันหมดจด น้อยคนนักที่จะแยกเธอทั้งสองออกได้
ลมพัดผ่านช่วงยามเย็นของวันยิ่งทำให้ที่บ้านสวนแห่งนี้บรรยากาศดีมากกว่าเดิม เด็กหญิงตัวน้อยเดินมาเล่นที่สระบัวหลังบ้าน รอยยิ้มน้อย ๆ ของภาริตา แฝดคนน้องมองดูดอกบัวกำลังบานเต็มสระ
“ตา อย่าเข้าไปใกล้นักสิ มันอันตรายรู้รึเปล่า” เสียงเด็กอีกคนที่หน้าตาเหมือนกัน บอกน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“โธ่ พี่ภา ตาก็แค่อยากดูใกล้ ๆ ไม่เป็นอะไรหรอกน่า” เด็กน้อยชะโงกหน้า ก่อนจะยื่นมือน้อย ๆ ไปหยิบดอกบัวที่ใกล้ที่สุด มือที่กำลังดึงดอกบัวดอกนั้นขึ้นมา แต่ทว่าแรงน้อยอย่างภาริตากลับไม่มีแรงดึงมันขึ้นมา เธอเป็นคนขี้โรคอยู่แล้วด้วย
ตูม!! เสียงร่างเด็กน้อยตกน้ำไป พร้อมสองมือโบกไปมาที่กำลังดิ้นร้องให้คนช่วย
“ตา ไม่นะ ใครก็ได้ช่วยด้วย” ภาริณีที่ว่ายน้ำไม่เป็นพยายามร้องให้คนช่วย หญิงสาวร้องตกใจ ก่อนจะพยายามเอื้อมมือตัวเองคว้าน้องสาว แต่ก็เอื้อมไม่ถึง ก่อนจะมีเด็กผู้ชายอีกคนกระโดดลงน้ำมาช่วยหญิงสาวไว้ นายอัครราชได้ยินเสียงก็รีบมาดู พร้อมกับคุณหญิงรุจณียายของเธอ
“พี่ภาจะฆ่าตา คุณพ่อขา พี่ภาใจร้าย ฮึกฮื่อออ” เสียงภาริตาวัยสิบสองขวบพูด พร้อมร้องไห้ออกมาภายในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ ด้วยสภาพเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด สายตาของนายอัครราชมองลูกสาวคนโตอย่างไม่พอใจทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“แกทำน้องทำไมนังลูกไม่รักดี แกคงรู้สึกอิจฉาน้องมากใช่ไหมที่ใคร ๆ ต่างก็รักน้อง นังเด็กนิสัยไม่ดี” เสียงทรงอำนาจต่อว่าลูกสาวอีกคนที่หน้าตาคล้ายกับคนที่ร้องไห้อยู่
“ภาไม่ได้ทำนะคะคุณพ่อ ภาไม่ได้ทำ” ภาริณีร้องไห้ออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกบิดาต่อว่า
“แกไม่ต้องมาโกหก นังลูกไม่รักดีจะไปตายที่ไหนก็ไป!” อัครราชชี้หน้าไล่ลูกสาว ก่อนจะกอดปลอบใจลูกสาวคนเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด สายตาของภาริณีจ้องมองอย่างเศร้าเสียใจ ใคร ๆ ก็รีบมาโอ๋ภาริตาโดยไม่สนใจไยดีเธอแม้แต่น้อย นพกรคนที่ช่วยภาริตาขึ้นมา เขาไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร เขาจึงไม่อาจอธิบายให้คนอื่น ๆ ฟังได้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ใคร ๆ ต่างก็เชื่อว่าเป็นเธอที่ทำให้ภาริตาเกือบตาย
“คุณพ่อ ภาไม่ได้ทำ ฮึกฮื่อออ คุณพ่ออย่าไล่ภา” เสียงหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีร้องละเมอดังออกมา โดยสีหน้าของหญิงสาวบ่งบอกถึงความรู้สึกแย่อย่างชัดเจน
เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าทำให้ร่างบางที่นอนจมเหงื่ออยู่อย่างนั้นรู้สึกตัวขึ้นมา สีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด รีบลุกขึ้นนั่งบนเตียง พร้อมเอามือกุมขมับ
“ฝันอีกแล้วเหรอยัยภา เมื่อไหร่แกจะลืมเรื่องนี้ได้สักที” ภาริณีเอ่ยบอกตัวเองเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตยังคงหลอกหลอนเธอไม่เคยลืม
เช้าวันใหม่ ลมอ่อน ๆ พัดเข้ามากระทบร่างบางอรชรอ้อนแอ้นของภาริตา หญิงสาวใบหน้าสวยที่นอนแน่นิ่งอยู่ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ เธอสูดอากาศของเช้าวันใหม่อย่างชื่นใจ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย
ปัจจุบันหญิงสาวทำงานที่บริษัทของอัครราชผู้เป็นบิดา เธอเป็นคนที่ใคร ๆ ต่างรู้สึกดีเมื่ออยู่ใกล้ เพราะเธอเป็นคนอ่อนหวาน น่ารัก ใครบ้างละที่จะไม่ชอบเธอ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ” เสียงหวานของภาริตาเอ่ยขณะเดินลงบันไดทักทายผู้เป็นพ่อ
“จ้า ลูกตาทานข้าวซะสิ” เสียงอัครราชบอกลูกสาว ก่อนสายตาจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นลูกสาวคนโตลงมา
“พี่ภา อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เสียงใสบอกพี่สาวของตนเอง แต่ภาริณีกลับไม่ตอบโต้อะไรสักคำ อัครราชวางหนังสือพิมพ์ในมืออย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นท่าทางของลูกสาวคนโตอย่างนั้น
“น้องทักไม่ได้ยินเหรอยัยภา นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” เสียงบิดาต่อว่าหญิงสาว ภาริณีชักสีหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“แล้วคุณพ่อต้องให้ภาทำอย่างไรคะ ถึงคุณพ่อจะพอใจ”
“ยัยภา ต่อปากต่อคำไม่เว้นแต่ละวัน ทำไมนะ ทำไมวันนั้นไม่ใช่แกที่ตาย แต่กลับเป็นวิภา” นี่เป็นคำพูดที่เธอได้ยินนับไม่ถ้วน ตั้งแต่แม่เธอตายเพราะอุบัติเหตุในวันนั้นก็ทำให้อัครราชมองภาริณีเปลี่ยนไป เขาคิดว่าเพราะเธอที่อยากไปสวนสนุก จนทำให้วิภาผู้เป็นภรรยาต้องมาตาย
“พอเถอะนะตาอัคร คิดว่าแม่ขอ” เสียงคุณหญิงอิรวดีบอกลูกชายที่ชอบพูดแต่เรื่องเก่า ๆ
“ภาลูก มาทานข้าวก่อนเถอะนะ เดี๋ยวจะสายเสียก่อน” เสียงอ่อนโยนบอกหญิงสาวที่ยืนชักสีหน้าอยู่ ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มให้ พร้อมนั่งข้าง ๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเพียงคุณย่าของเธอเท่านั้นที่รักและเป็นห่วงเธอ หญิงสาวรีบทานอาหารเช้า ก่อนจะรีบไปทำงาน ภาริณีไม่ได้ทำงานที่บริษัทของครอบครัว เธอไม่อยากให้อัครราชต่อว่าเธอทุกวันเวลาที่เห็นหน้าเธอจึงมาทำงานอีกที่ ถึงเงินเดือนจะไม่มากเท่าไหร่ แต่สำหรับเธอมันเกินพอ