ตอนที่ 2 สืบประวัติ
“กรี๊ด!!!!”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวพร้อมกับเสียงบางอย่างหล่นลงพื้นถนนทำให้อรุณ บอดี้การ์ดของฟ้า แผ่นฟ้าทำหน้าตกใจ เขาเพียงก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกลงไปที่พื้น แต่จังหวะที่เงยหน้าขึ้นเขากับรู้สึกว่าเฉี่ยวชนเข้ากับบางอย่างเข้า พอมองดูกระจกหลังก็พบนักศึกษาคนหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้นใกล้กับรถจักรยานคันสีชมพู เขารีบจอดรถแล้วลงจากรถไปดูเหตุการณ์ในทันที
“เห้ย!!!ซวยแล้วไอ้อรุณเอ๊ย....” อรุณสบถออกมาขณะที่รีบจอดรถที่ข้างทางแล้วลงไปดู
“น้อง...น้อง.... เป็นอะไรไหม”
เขาเอ่ยถามออกมาพร้อมทั้งสำรวจร่างกายของเธอ หญิงสาวที่ล้มลงไปกับพื้นเงยหน้าขึ้นมาดูก่อนที่จะตอบออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ แต่..โอ๊ย!!!” ข้อศอกของเธอเลือดไหล แถมขายังขยับไม่ได้
“ไม่เป็นไรได้ไง ไหนดูซิ”
เฟรนด์ จุฑารัตน์ถึงแม้จะรู้สึกโมโหในตอนแรก แต่พอได้เห็นถึงความมีน้ำใจของคนที่ขับรถมาเฉี่ยวเธอความโกรธในตอนแรกก็เบาบางลง
“ไม่ได้การล่ะ... ไปหาหมอเถอะ”
เขาไม่ฟังเสียงปฏิเสธของเธอเลยแม้แต่น้อย ท่อนแขนแข็งแรงสอดมาประคองก่อนที่จะอุ้มเธอตัวลอยเข้าไปในรถเบนซ์สุดหรูที่ไม่รู้ว่าเป็นของเขาหรือเปล่า แต่เขาแต่งกายคล้ายกับทำงานเป็นผู้คุ้มกันหรือพวกบอดี้การ์ดให้กับพวกคนมีเงิน
เฟรนด์ จุฑารัตน์นั่งนิ่งยอมให้ชายหนุ่มพาเธอไปโรงพยาบาลแต่โดยดี อรุณจัดการค่ารักษาพยาบาล และให้เด็กสาวได้พักฟื้นอยู่ที่ห้องพิเศษ เขานั่งรอเพื่อนสนิทของเด็กสาวอยู่ครู่ใหญ่กว่าที่เธอจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล
แต่พอมาเพื่อนสนิทของเธอมาถึงก็โวยวาย ด่าว่าเขาที่เขาทำให้เพื่อนของเธอเจ็บ อรุณมองเด็กสาวที่มีใบหน้าสะสวยแต่ทว่าฝีปากกล้าด้วยสายตาทึ่งๆ เธอช่างไม่กลัวเขาที่แต่งชุดดำน่าเกรงขามแบบนี้ เขากลับรู้สึกขำเสียด้วยซ้ำเมื่อมองไปยังเด็กสาวบนเตียงที่ส่งยิ้มแหยๆ มาให้ เขาไม่ได้เถียงเธอกลับ เพราะเขาผิดจริงๆ ที่ทำให้เพื่อนของเธอต้องเจ็บ
“พอเถอะดาว...พี่เขาไม่ได้ตั้งใจ และก็ไม่ได้ชนแล้วหนีด้วย” เฟรนด์ จุฑารัตน์รีบห้ามปรามเพื่อนสนิททันที นั่นแหละสาวสวยในชุดนักศึกษาจึงหยุดต่อว่าคนตัวโต
“ผมขอโทษจริงๆ ครับที่ไม่ทันระวัง ผมจะดูแลรับผิดชอบค่ารักษาให้เพื่อนของคุณจนกว่าจะหายดี” เขาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ และก็ดูเหมือนว่าเธอจะใจเย็นลงเพราะคำพูดของเพื่อนสนิทมากกว่าคำพูดของเขา
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ต่อว่าไปเยอะ”
ดาว ดาราภัสยกมือไหว้หลังจากเอ่ยประโยคแรกจบ อย่างน้อยเขาก็ไม่ทอดทิ้งเพื่อนของเธอ ยังพามารักษาแถมอยู่ห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้อีกต่างหาก เรื่องราวจึงจบลงด้วยดี เขาจึงได้กลับไปหาเจ้านายหนุ่มที่อาณาจักรคูเวอร์เพื่อเดินทางไปไนต์คลับในเย็นวันนี้
แสนพันหมื่นล้านไนต์คลับ
หลังจากที่ส่งคนไปสืบประวัติหญิงสาวที่เดินเข้ามาชนเขาในวันงานหมั้นของพี่สาวฝาแฝด ฟ้า แผ่นฟ้า นิรันนุกุล คูเวอร์ก็เอาแต่เฝ้ารอคอย แต่ผ่านไปเพียงหนึ่งวันข้อมูลทุกอย่างของหญิงสาวที่เขาสนใจก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า ดวงตาคมกวาดสายตาไล่อ่านไปตามตัวหนังสือที่บ่งบอกว่าเป็นประวัติของหญิงสาวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน
“ชีวิตคนเรานี่มันก็ไม่แน่นะ เป็นลูกคุณหนูอยู่ดีๆ พอพ่อแม่เสียก็ไม่มีใครรับดูแลซะอย่างนั้น ญาติแต่ละคนทำไมเห็นแก่ตัวกันจังเลยวะ”
ชายหนุ่มอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้เมื่อได้อ่านประวัติของหญิงสาวที่เฝ้าเอาแต่นึกถึงดวงตากลมโตกับปากจิ้มลิ้มของเธอ
‘ดาว ดาราภัส พงษ์วิภา อายุ 20 ปี เป็นลูกสาวคนเดียวของนายพิภพและนางวิลาวรรณ พงษ์วิภา ทั้งนายพิภพและนางวิลาวรรณเสียชีวิตพร้อมกันทั้งคู่เนื่องจากอุบัติเหตุ ตอนนั้นเด็กสาวอายุเพียงสองขวบ ญาติๆ ที่พอจะรับเด็กหญิงไปเลี้ยงได้กลับไม่มีใครอยากจะแบกรับภาระนี้เอาไว้ อดีตครอบครัวนี้เคยมีธุรกิจโรงแรมอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ แต่ถูกโกงจึงทำให้ธุรกิจทั้งหมดตกอยู่ในมือญาติทางพ่อ เด็กหญิงถูกรับเลี้ยงโดยสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุเพียงสองขวบครึ่งจนอายุสิบแปดปี จึงได้ออกมาใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนภายในหอพักของมหาวิทยาลัย ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ปีสอง คณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการโรงแรม’
“ใฝ่ดี รักเรียน เออ... ชื่อสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคุ้นๆ ใช่ที่ครอบครัวของฉันสนับสนุนและให้ทุนมาตลอดใช่หรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยออกมา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นถามวิรุตและอรุณ
“ใช่ครับเจ้านาย และเด็กคนนี้ก็อยู่ในโครงการที่คุณท่านให้ทุนการศึกษาด้วยครับ” วิชิตตอบ หากแต่อรุณนั้นยังไม่เคยได้เห็นประวัติของเด็กสาวมาก่อนจึงก้มมองรูป
“เอ๊ะ!! ใช่เด็กนั่นจริงๆ ด้วย คนเดียวกันเลยครับ” อรุณเอ่ยออกมาตาเป็นประกาย
“เด็กไหน!!” เสียงเย็นชาของเจ้านายหนุ่มดังขึ้นมาในทันที
“ก็นักศึกษาที่ผมขับรถชนเมื่อวานยังไงล่ะครับ เด็กคนนั้นเป็นเพื่อนของเธอคนนี้ คนในรูปนี่แหละครับ แล้วคนที่โวยวายให้ผมเมื่อวานก็เธออีกนี่แหละ” อรุณรายงานเจ้านายหนุ่ม
“แล้ว... เพื่อนเธอออกจากโรงพยาบาลหรือยัง” เสียงเย็นชาดังออกมาจากผู้เป็นนาย
“ออกเช้าพรุ่งนี้ครับ” อรุณรายงาน
“แล้วเด็กคนนี้คือเพื่อนของเธอคนนั้นแน่เหรอ” แผ่นฟ้าเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“แน่ครับ คนเดียวกันครับ”
อรุณตอบออกมาด้วยความมั่นใจ ฟ้า แผ่นฟ้ากวาดสายตาลงไปในประวัติที่วิรุตสืบมาได้อีกครั้งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองอรุณ
“มีเบอร์ติดต่อของพวกเธอไหม” คำถามที่เจ้านายหนุ่มถามออกมาทำเอาสองบอดี้การ์ดอ้าปากค้าง
“เอ่อ... มีครับ แต่เป็นของน้องที่ผมขับรถเฉี่ยวนะครับ”
อรุณตอบออกมาพร้อมกับค้นเบอร์โทรของนักศึกษาสาวคนที่เขาขับรถเฉี่ยวเมื่อวาน มือหนาจดใส่กระดาษให้เจ้านายหนุ่ม
“ใครบอกว่าจะเอา”
คำตอบของฟ้า แผ่นฟ้าถึงกับทำให้สองบอดี้การ์ดอ้าปากค้าง พร้อมกับทำหน้างุนงงไปตามๆ กัน ร่างสูงโปร่งลุกจากที่นั่งก่อนที่จะเดินลงไปด้านล่างของคลับ สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่รอช้ารีบตามเจ้านายไปเช่นกัน
ร่างระหงในชุดนักศึกษากำลังเยื้องย่างไปเรียนที่ตึกคณะของตนเอง แต่ระหว่างทางก็มีสายตาหลายคู่มองมา นั่นก็เป็นเพราะความสวยของสาวคณะการท่องเที่ยวคนนี้ที่ดึงดูดสายตาให้หนุ่มๆ มองมาเป็นตาเดียวกัน หลายคนแอบสงสัยว่าสวยๆ แบบเธอไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ได้อย่างสบาย อาจจะเป็นเพราะความชอบก็เป็นได้
“ยัยดาว ยัยเฟรนด์เป็นไงบ้าง” เพื่อนในคณะเดียวกันเอ่ยถามขึ้น
“พรุ่งนี้เช้าถึงจะได้ออกจากโรงพยาบาลน่ะ คุณหมอให้นอนดูอาการอีกคืน ไม่ได้เป็นอะไรเยอะหรอก แต่เธอก็รู้ว่าเฟรนด์ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนพวกเรา ฉันเลยอยากให้เฟรนด์ได้พักผ่อนอีกวัน” ดาว ดาราภัสตอบเพื่อนอีกคนขณะที่เดินไปนั่งลงข้างๆ
“จดแลคเชอร์ไว้ให้แล้วนะ อืม...เห็นบอกอยากทำงานพาร์ทไทม์กันใช่เปล่า” วาสนาเอ่ยถาม
“อืม...เธอมีงานแนะนำเราเหรอ” ดาว ดาราภัสตอบก่อนที่จะเอ่ยถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ใช่...แต่เป็นงานกลางคืนนะเธอทำได้ไหม” พอได้ยินว่าเป็นงานกลางคืนสีหน้าของคนดีใจก็เจื่อนลง
“งานแบบไหนอะ คงไม่ใช่งานแบบว่าใช่ไหม”
เธอเคยได้ยินเพื่อนๆ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับนักศึกษาบางคนที่ไปหางานพิเศษทำเพราะอยากมีของใช้ราคาแพง มีเงินใช้ไม่ขาดมือ
“ไม่ใช่!!! งานรับออเดอร์ เสิร์ฟและก็เก็บร้านพวกนี้แหละ พี่หมิวปีสามคณะเดียวกับเราไง แกหาคนไปทำอยู่ เห็นบอกช่วงนี้ที่ไนต์คลับรับคนเพิ่ม” วาสนาบอกออกมาเสียงเบา
“พี่หมิวเหรอ... อืม เดี๋ยวเราลองไปถามข้อมูลเพิ่มเติมจากพี่เขาดู”
ดาว ดาราภัสทวนชื่อของรุ่นพี่สาวที่ค่อนข้างจะสนิทกันเพราะเคยร่วมงานแคชชวลในโรงแรมกันมาหลายต่อหลายครั้งก่อนที่จะสองสาวจะหยุดคุยกันเพราะอาจารย์เข้ามาภายในห้องพอดี
ช่วงพักกลางวัน ดาว ดาราภัสที่โทรหาพี่หมิว รุ่นพี่ปีสามที่วาสนาเพื่อนอีกคนในกลุ่มแนะนำมาเพื่อคุยเรื่องงาน หมิวรีบปรี่มาหารุ่นน้องที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่กับวาสนาที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยทันที
“น้องดาว ทำจริงไหม พี่กำลังหาคนไปช่วยงานพอดีเลย” หมิว เอ่ยถามเด็กสาวหน้าสวยอย่างตื่นเต้น
“จริงค่ะ เข้างานกี่โมงแล้วเลิกประมาณกี่โมงคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามออกมาเพื่อความแน่ใจว่าการไปทำงานพาร์ทไทม์ในครั้งนี้จะไม่รบกวนเวลาเรียนของเธอ
“เข้างานหนึ่งทุ่ม เลิกงานประมาณตีหนึ่ง เป็นไงไหวหรือเปล่า”
ปีสองยังไม่ได้เรียนหนักเท่าปีสี่ ดาว ดาราภัสจึงตัดสินใจได้ในทันที
“ไหวค่ะพี่หมิว แต่ดาวขอให้ยัยเฟรนด์ไปทำด้วยได้ไหมคะ”
หมิวคิดถึงหน้ารุ่นน้องที่ชื่อเฟรนด์ก็พยักหน้าตกลง เพราะไนต์คลับแห่งนี้ไม่ได้เน้นเรื่องหน้าตาแต่เน้นเรื่องการทำงานคล่องแคล่วและว่องไว สองสาวรุ่นน้องน่าจะทำได้ไม่ยากเพราะเคยผ่านงานเสิร์ฟมาบ้างแล้ว
“แล้วน้องดาวกับน้องเฟรนด์พร้อมไปทำวันไหนล่ะ พี่จะได้แจ้งผู้จัดการร้านเอาไว้ให้ ตอนนี้เขารับคน พี่เลยไม่อยากให้เราสองคนพลาดโอกาส ไม่อยากจะบอกเลยว่าเจ้าของคลับน่ะหล่อมาก แถมไม่ขี้หลี ไม่เจ้าชู้อีกด้วยนะ”
หมิวเอ่ยออกมาพร้อมกับทำหน้าเพ้อฝันยามนึกถึงบอสสุดหล่อ แต่เธอก็แอบคิดอยู่ว่าทำไมเจ้าของไนต์คลับแบบเขาถึงไม่เคยพาสาวๆ มาที่ไนต์คลับหรือคั่วสาวๆ ที่มาเที่ยวในไนต์คลับเลยสักครั้ง หรือที่คนเขานินทาว่าบอสสุดหล่อแต่เย็นชาของเธอเป็นเกย์นั้นเป็นเรื่องจริง