บทที่ 3 (1)
เฟรดร์ดิโค้ เลมาร์โค้ หรือ ริค บุรุษหนุ่มคมเข้มลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน เจ้าของโรงแรม เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม (The King of Corundum) โรงแรมเกินมาตรฐานห้าดาวหนึ่งเดียวในเมืองไทย ทว่ามีสาขาอยู่ทั่วทวีปเอเชียและธุรกิจอื่นๆ อีกมายมายในเครือ เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม กรุ๊ป (The King of Corundum Groups) ได้ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เปลภายในห้องสูทชั้นบนสุดของโรงแรม ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการบริหารงาน
การสร้างเครือข่ายธุรกิจเป็นการสร้างรากฐาน สร้างฐานะทางสังคมในโลกธุรกิจให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็สร้างความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าให้กับบุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
“ชนุสร นายหาเครื่องดื่มเย็นๆ ให้เราสักแก้ว”
เฟรดร์ดิโค้สั่งเลขาฯ สารพัดประโยชน์ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่พ้นลำคอ วันนี้เป็นวันหฤโหดสำหรับเขาที่สุดในรอบสัปดาห์
เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกับเหล่าสกุณาที่โผบินออกจากรัง เขาก็ต้องเดินทางไปสนามบินเพื่อรับแขกวีไอพี ที่เป็นถึงนักธุรกิจชื่อก้องติดอันดับโลก ซึ่งได้ให้ความไว้วางใจเดินทางมาพักที่เดอะ คิง ออฟ คอรันดัม เสร็จการไปรับแขกวีไอพี ก็ต่อด้วยการประชุมอันแสนยาวนาน ตบท้ายด้วยการเดินทางไปพบลูกค้าอีกสี่ราย กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมและเอนการพักได้ เล่นเอาเรี่ยวแรงหมดไปจากเรือนกายทีเดียว
“ชนุสร นายได้ยินหรือเปล่า”
เมื่อเครื่องดื่มดับกระหายยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินทางมาถึง เฟรดร์ดิโค้จึงจำเป็นต้องตะโกนออกคำสั่งเพิ่มน้ำเสียงลงไปกว่ารอบแรก
ชนุสร เลขาฯ ผู้ทรงประสิทธิภาพรีบวางกระเป๋าเอกสารสองสามใบลงบนโต๊ะ ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งมาหาเจ้านายหนุ่ม
“มาแล้วครับ คุณริครับอะไรดีครับ บรั่นดีหรือวิสกี้”
“อยากได้อย่างอื่นมากกว่าแอลกอฮอล์ มีพวกน้ำสมุนไพรให้เราดื่มไหม”
เฟรดร์ดิโค้ยกมือโบกปฏิเสธ เขาต้องการเครื่องดื่มที่ช่วยดับกระหายจริงๆ ไม่ใช่น้ำสีอำพันที่เพิ่มอุณภูมิความร้อนให้กับร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม
“ถ้างั้นเป็นน้ำมะนาวเย็นๆ ดีไหมครับ ดับกระหายแถมสดชื่นด้วย” ชนุสรเสนอทางเลือกให้เจ้านายหนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบพยักหน้ารับเห็นดีด้วย
“รีบไปเอามา”
เฟรดร์ดิโค้สั่งเร่งด่วนก่อนจะเอนตัวลงนอน แล้วหลับตานิ่งยกมือคลึงขมับ เพื่อบรรเทาอาการปวดหัวที่ทำท่าจะเล่นงานหนักกว่าช่วงกลางวันที่ผ่านมา
“เจ้านายรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะไปชงน้ำมะนาวมาให้”
เลขาฯ หนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะรีบลุกไปชงเครื่องดื่มให้เจ้านาย แต่ก่อนจะเดินออกไปก็ลอบถอนหายใจ พร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย เมื่อได้เห็นท่าทางเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยของเจ้าชายหนุ่ม เห็นทีว่าเขาต้องจัดการอะไรสักอย่างเสียแล้ว
เฟรดร์ดิโค้รอไม่ถึงห้านาทีดี น้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบในแก้วทรงสูงก็พร้อมเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า เขารับน้ำมะนาวมาดื่มด้วยความกระหายเพียงรวดเดียว น้ำสมุนไพรไทยๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายก็ลดเหลือไม่ถึงครึ่งแก้ว
“ชงน้ำมะนาวได้อร่อยนี่ชนุสร” เจ้านายหนุ่มเอ่ยชมยิ้มๆ ก่อนจะยกน้ำมะนาวที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
ชนุสรหัวเราะร่วนโค้งคำนับให้อย่างล้อเลียน ก่อนจะเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ
“ฝีมือการชงขั้นเทพ เทจากซองตามด้วยน้ำร้อนคนจนเข้ากัน ก่อนจะใส่น้ำแข็งลงไป”
“แค่เทออกจากซองฟังดูเป็นขั้นเทพจริงๆ”
เฟรดร์ดิโค้หัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอา พลางลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาไล่อาการเมื่อยขบ ได้น้ำมะนาวแก้วใหญ่เย็นเจี๊ยบช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาตามแบบฉบับหนุ่มอิตาเลียนก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาเรือนแพงยี่ห้อดัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสั่งงานลูกน้อง และก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องทำงานหรูภายในห้องสูทชั้นบนสุดของโรงแรมเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม เป็นส่วนพักผ่อนของเขาทั้งหมด ซึ่งแบ่งสัดส่วนอย่างลงตัวหรูหรา มีทั้งห้องทำงาน ห้องนอน เคาน์เตอร์บาร์ แม้แต่โรงยิมเล็กๆ พร้อมสำหรับการออกกำลังกายในร่มก็มีเพียบพร้อม
“เอางานที่ทำค้างอยู่มาให้เราที่ห้องทำงานด้วย”
“โธ่...เจ้านายนี่มันจวนจะสองทุ่มแล้วนะครับ เจ้านายยังจะทำงานอีกหรือ ผมว่าพักผ่อนสักนิดเถอะครับ วันนี้เจ้านายล้ามาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเอาแรงไว้ต่อกรกับวันพรุ่งนี้ไม่ดีหรือครับ”
ชนุสรร้องโอดครวญขณะคว้ากระเป๋าเอกสารเดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องทำงานหรูหราโอ่อ่าสมกับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่ติดอันดับหนึ่งในสิบผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) นิตยสารธุรกิจชื่อดังของสหรัฐอเมริกา
เฟรดร์ดิโค้นั่งลงบนเก้าอี้หนานุ่มทำจากหนังแท้ แล้วเอื้อมมือไปเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน โดยไม่สนใจคำร้องประท้วงของเลขาฯ หนุ่ม
“ถ้านายเหนื่อย เราอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนก่อนได้ เดี๋ยวงานที่เหลือเราจัด
การต่อเอง”
“ผมไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกครับ หากเจ้านายจะทำต่อผมก็จะทำด้วยเช่นเดียวกัน แต่ที่ร้องโอดครวญเป็นเพราะว่าอยากให้เจ้านายได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตกเจ้านายยังไม่ได้พักเลยนะครับ”
ชนุสรยึดเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานใหญ่เป็นที่พักขา ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ไม่เข้าใจว่าเจ้านายหนุ่มเอาพละกำลังจากไหนมาทำงานอย่างไม่รู้จักหมดสักที ตัวเขาเองแทบพับอยู่แล้ว ถ้าหากกลับไปถึงห้องพักหัวถึงหมอนคงได้หลับเป็นตายขนาดว่าไฟไหม้ทุ่งคงไม่รู้สึกตัว
“เดี๋ยวนี้สำนวนดีนะชนุสร พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก นายไปจำจากใครมา”
เฟรดร์ดิโค้เอ่ยแซวยิ้มๆ แต่มือกับดวงตาสีฟ้าชวนให้สาวๆ หลงใหลกลับจ้องมองเพ่งสมาธิไปกับงานที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโน้ตบุ๊ก
“เจ้านายครับ ไปนั่งจิบเหล้าฟังเพลงเย็นๆ ดีไหมครับ” ชนุสรพยายามโน้มน้าวจิตใจตอนนี้เขาอยากให้เจ้านายหนุ่มได้พักผ่อนจริงๆ
“นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบไปเที่ยวแบบนั้น อยากฟังเพลงก็ไปเปิดสิเครื่องเสียงอยู่โน้น”
ผู้ที่เป็นเจ้านายบุ้ยปากไปยังมุมห้องทำงานที่มีเครื่องเสียงแบบเซอร์ราวด์ ชนิดที่ว่าเปิดทีดังกระหึ่มเสียงยิ่งกว่าตามผับตามบาร์เสียอีก
ชนุสรตีหน้าเมื่อยกับการพูดไปคนละเรื่อง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นของเฟรดร์ดิโค้ เลมาร์โค้ ผู้ที่ดื้อด้านเป็นที่หนึ่ง
“เจ้านายครับ ผมไม่ได้หมายถึงการฟังเพลงที่นี่”
เฟรดร์ดิโค้ยกมือห้ามทัพขึงตาใส่ ก่อนจะสั่งงานเสียงห้วนจัดตามอารมณ์ที่เริ่มขุ่นขึ้นมาทุกขณะจิตเพราะการก่อกวนพูดไม่รู้เรื่องของลูกน้องจอมยุ่ง
“พอแล้วชนุสร เอางานที่เรายังไม่ได้เซ็นออกมาให้หมด คืนนี้เราจะสะสางให้เสร็จ”
ใช่ว่าจะมีเฟรดร์ดิโค้ที่ดื้อด้านเพียงผู้เดียว เลขาฯ สารพัดประโยชน์ทำงานไม่เคยมีบกพร่องก็ติดนิสัยดื้อไปจากเจ้านายเช่นเดียวกัน เขายิ้มเผล่เมื่อความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นในหัวสมอง พร้อมกันนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวถอยห่างจากรัศมีที่จะถูกเตะนิดหนึ่ง ก่อนจะหยอดคำถามทีละนิดทีละน้อย
“ถ้าหากไม่อยากไปฟังเพลงก็เอาแบบนี้ดีไหมครับ”
“อะไรของนายอีก นายไปพักได้แล้ว เราชักจะรำคาญขึ้นมาตงิดๆ แล้วนะ”
สุ้มเสียงที่ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงความรำคาญหงุดหงิดเต็มที่ เป็นตัวกระตุ้นให้ชนุสรรีบก้าวถอยหลังทีละก้าวจนเกือบถึงหน้าประตูห้องทำงาน
“เจ้านายเมื่อยไหล่เมื่อยคอไหมครับ เดี๋ยวผมจะโทรตามคุณรวีพรให้มานวดคลายเมื่อย” แม้กลัวสิ่งที่จะลอยมากระทบหัวตนเอง แต่เลขาฯ จอมจุ้นก็ยังเซ้าซี้ไม่เลิก
“ไม่ต้อง! ตามรวีพรมามีแต่จะทำให้เราปวดหัวเปล่าๆ เสียงดังแว้ดๆ ยังกับติดลำโพงไว้ ได้ยินทีไรแสบแก้วหูทุกที”
เฟรดร์ดิโค้ส่ายหน้าเอ่ยปฏิเสธรัวเร็ว ขืนให้รวีพรนางแบบสาวคู่ควงคนล่าสุดของเขามาที่โรงแรมตอนนี้ มีหวังเขาได้ปวดหัวหนักกว่าเดิมหลายสิบเท่า เพราะความเจ้ากี้เจ้าการวุ่นวายกับชีวิตของเขาไม่เลิก
“เจ้านายไม่ชอบคุณรวีพรหรือครับ”
ชนุสรขยับเข้ามาก้าวหนึ่ง ลองหยั่งเชิงถามความรู้สึกของหนุ่มอิตาเลียนผู้หล่อเหลากุมใจสาวๆ ทั้งนางแบบ ดาราไฮโซได้ทั่วทั้งประเทศ เขาอยากรู้ว่าเฟรดร์ดิโค้ เลมาร์โค้ จะรักนางแบบสาวคนนี้หรือเปล่า ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาเดาได้เลยว่าชีวิตที่เหลือของเฟรดร์ดิโค้ จะไม่มีทางพบกับคำว่าความสุขแน่นอน
เฟรดร์ดิโค้ยอมละมือละสายตาจากงานที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเจอชนุสรก่อกวนไม่เลิก เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้หนานุ่ม ดวงตาคมสีฟ้าจ้องมองลูกน้องเขม็ง ก่อนจะเอ่ยตอบตามความรู้สึกที่มี
“เราไม่เคยชอบรวีพร และไม่คิดที่จะชอบด้วย”
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย”
ชนุสรยิ้มกว้างถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว และลืมนึกไปว่าคนที่ตัวเองกำลังต่อว่าเป็นถึงคนกุมบังเหียนเดอะ คิง ออฟ คอรันดัม กรุ๊ป
“นึกว่าจะหลงเนื้อนมไข่เสียแล้ว”
“นายว่าไงนะชนุสร!”
เฟรดร์ดิโค้ย้อนถามทันควันด้วยน้ำเสียงห้าวดุ ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายวาวขึงตาใส่ลูกน้องคนโปรด ที่สะดุ้งเฮือกก้าวถอยร่นไปจนถึงประตูห้อง
“เอ่อ...ขอโทษครับเจ้านาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าเจ้านาย” เลขาฯ หนุ่มยกมือไหว้ขอโทษในระยะหลายหลา เพราะขืนเข้าไปใกล้กว่านี้มีอันได้เจอดีแน่
“นายกลัวเราคว้ารวีพรมาเป็นเมียงั้นหรือ”
เฟรดร์ดิโค้เปล่งเสียงถามราบเรียบ เริ่มหมดอารมณ์ทำงานเมื่อเลขาฯ ตัวแสบชวนคุยไม่ได้หยุด
“กลัวสิครับเจ้านาย เอ่อ...พวกเราไม่ค่อยชอบคุณรวีพรสักเท่าไหร่”
ชนุสรอ้อมแอ้มตอบ ด้วยเกรงว่าเจ้านายจะไม่พอใจ ถึงแม้จะทำงานกับเฟรดร์ดิโค้นักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกล ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในพื้นภาคเอเชียมานานหลายปี จนสนิทสนมกับเจ้านายมาก แต่เขาก็ไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเจ้านายหนุ่มจนมากเกินไป
“ทำไมพวกนายถึงไม่ชอบรวีพร”
เฟรดร์ดิโค้เอนกายกับเก้าอี้ ยกมือกอดอกจ้องมองเขม็ง ขณะรอฟังคำตอบจากลูกน้องที่เริ่มหน้าเผือดสีช้าๆ ก่อนจะซีดขาวเสียยิ่งกว่าไก่ต้ม