บทที่ 4
“หนูขอโทษ” นี่คือคำพูดที่ดารันนั้นอยากเอ่ยกับโฮมมากที่สุด
ขอโทษที่เธอคิดเองฝ่ายเดียวว่าการที่เขาได้รักกับพี่สาวคือเรื่องที่ดีแล้ว
ขอโทษที่คิดเองเออเองว่าพวกเขาช่างเหมาะสมกัน เพราะคนหนึ่งคือพี่สาวและอีกคนคือชายที่เธอรัก
ขอโทษที่เธอผลักไสให้เขาออกไปจากชีวิต โดยไม่ถามความสมัครใจของเขาเลยด้วยซ้ำ
“หนูขอโทษนะคะพี่โฮม ขอโทษ” ดารันเจ็บอยู่ในอก ไม่รู้ว่าหากเธอขอโทษโฮม เขาจะยอมให้อภัยไหม เพราะก่อนหน้านี้แม้จะทำใจและยอมรับกับผลที่จะตามมาของคำว่าเสียสละที่คิดเองอยู่ฝ่ายเดียว
เมื่อเอาเข้าจริงๆ เธอก็แอบน้อยใจพี่สาวที่จู่ๆ ก็มาแย่งโฮมชายที่เธอแอบรักไป รวมทั้งโกรธและน้อยใจโฮมที่เขาไม่หนักแน่นในความรักที่มีให้เธอมากพอ แค่เธอปฏิเสธเขาก็รีบปรี่ไปซบอกพี่สาว เวลานั้นความรู้สึกอะไรหลายๆ อย่างมันผสมปนเปจนเป็นแรงผลักให้เธอตัดสินใจเดินออกห่างพวกเขา เพราะตั้งแต่ไปเรียนต่อ เธอก็แทบไม่ติดต่อใครเลย รวมทั้งไม่เล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ ด้วย
แต่ดารันก็ตาสว่าง เพราะก่อนหมดลมหายใจพี่สาวได้บอกความจริงทุกอย่างให้ดารันรู้ ความจริงที่ทำให้เธอถึงกับอึ้ง ถ้าไม่ได้ฟังจากปากพี่สาวเธอไม่มีทางเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ดารินเอ่ยบอกว่าเพราะเหตุใดพวกเขาทั้งคู่ถึงได้ตัดสินใจแต่งงานกันรวดเร็วแบบนั้น เอ่ยไปดารินก็ขอโทษเธอไปด้วยไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว หลังจากนี้ต่างหากจะทำยังไงต่อ” ดารันปลอบใจตัวเองรวมทั้งเอ่ยถามตัวเองด้วยเช่นกัน เธอรู้ว่าต้องการอะไร เพียงแค่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงต้องการเช่นเดียวกับเธอไหม
ก่อนจะหันหน้ามามองบ้านหลังข้างๆ ที่เวลานี้เจ้าของบ้านยังไม่กลับ เพราะภายในบ้านยังมืดสนิท ขณะที่มองก็คิดกับตัวเองไปด้วย ก่อนหน้านี้แม้จะอยู่ไกลกัน แต่เธอก็ยังคงคิดถึงเขาทุกวัน เธอไม่อาจทำใจให้ลืมรักแรกได้จริงๆ ตายไปคงได้ตกนรกหมกไม้ที่คิดมิดีมิร้ายกับพี่เขยตัวเองแบบนี้
แต่…ก่อนที่เขาจะขยับสถานะมาเป็นพี่เขย เขาคือเพื่อนบ้าน เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ขอความช่วยเหลือเวลาไหน ดึกดื่นเท่าไหร่ก็ไม่เคยปฏิเสธ และเขายังเป็นรักแรกของเธอไม่ใช่เหรอ รักแรกที่หยั่งรากฝังลึกไม่ยอมไปจากหัวใจเธอง่ายๆ ไม่ว่าจะผลักจะถีบเขาก็ยึดพื้นที่หัวใจเธอไว้จนหมด
ถึงแม้ความรู้สึกของเธอมันจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ใช่ว่าความรู้สึกของโฮมจะยังคงเหมือนเดิม ที่สำคัญเวลานี้สถานะระหว่างเธอกับเขาได้เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน เขาคือพี่เขย ส่วนเธอคือน้องเมีย คำว่า ‘พี่เขย น้องเมีย’ เหมือนกำแพงสูงลิ่วเกินกว่าที่เธอจะปีนข้ามไปได้จริงๆ แต่อยู่ๆ ก็หวนคิดถึงคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนที่พี่สาวจะหมดลมหายใจ
“เฮ้อ! ไม่น่าเลยตู ไม่น่าไปรับปากพี่หนูเอิงแบบนั้นเลย โอ๊ย…ชีวิต” ดารันกุมขมับ เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่สาวก่อนที่พี่สาวจะเสียชีวิตมันเหมือนเงื่อนที่ผูกตัวเธอกับโฮมเสียแล้วสิ แต่ถ้าเธอพยายามแล้วไม่สำเร็จ คำสัญญาที่ว่าขอให้ถือเป็นโมฆะไปแล้วกัน
พรึบ!
จู่ๆ ไฟตรงที่นั่งอยู่ก็ดับอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดารันมองบนนิดหน่อย เพราะหวนคิดถึงคนที่เคยอยู่ที่นี่ เป็นผีแล้วคงมีความสามารถพิเศษอ่านใจคนได้จึงเปรยขึ้น
“อ่ะๆ ไม่โมฆะก็ได้” ทันทีที่เธอพูดจบไฟก็กลับมาสว่างทันที นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงได้วิ่งป่าราบ แต่น่าแปลกที่ดารันกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
“ผีไม่มีจริงหรอก ที่ไฟดับมันก็แค่เรื่องบังเอิญ!”
ในขณะที่ดารันนั่งมองหลังคาบ้านของโฮมสลับกับพูดกับใครหรืออะไรที่ทำให้ไฟในบ้านตกอยู่นั้น เจ้าของบ้านหลังนั้นที่ตอนนี้สถานะเป็นพ่อหม้ายเมียตายได้หมาดๆ กลับนั่งอยู่ในรถเอสยูวีคันใหญ่ติดฟิล์มสีดำสนิทที่จอดไว้ริมกำแพงฝั่งตรงข้ามกับบ้านของตัวเอง กำลังจ้องมองไปยังบ้านหลังติดกัน หลังจากที่มั่นใจว่าดารันอยู่ข้างใน
เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยวัยริหัดมีความรักหรือควรอ่อนแอในเรื่องนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ ประสบการณ์เรื่องความรักหรือความสุขุมตามวัยที่ควรจะเป็นกลับไม่ช่วยอะไรเลย เขาควรที่จะตัดใจจากเธอตั้งแต่รู้ว่าเธอคิดกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น แต่เขาก็ทำไม่ได้
นั่นเพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่วันกี่เดือนกี่ปี เขากลับลืมดารันไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกนี้ทำให้เขาต้องเอ่ยขอโทษดารินอยู่บ่อยครั้ง ขอโทษที่เขาเอาแต่คิดถึงผู้หญิงคนอื่นและครั้งสุดท้ายที่ได้เอ่ยขอโทษเธอ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาคือบนเมรุ ขณะเพลิงได้เผาร่างที่ไร้วิญญาณของเธอ
“หลงไปรักเด็กแล้วเป็นไง กินแห้วไปทั้งไร่ สมน้ำหน้า แก่แล้วไม่เจียมสังขาร” โฮมเอ่ยว่าตัวเอง ก่อนจะหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต เขานั้นมีธุรกิจนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อหรูที่ถือลิขสิทธิ์นำเข้ารถยนต์บางยี่ห้อแต่เพียงผู้เดียว ด้วยวัยสามสิบห้าปีที่มีพร้อมทุกอย่าง มีผู้หญิงให้เข้ามาศึกษาดูใจตลอด แต่กลับตกหลุมรักเด็กสาววัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีนามว่าดาริน
เด็กสาวที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเพราะบ้านเขากับเธอติดกัน จะมีก็แค่เพียงกำแพงปูนที่ก่อขึ้นมาเป็นรั้วบ้านทรงเตี้ย ทำหน้าที่แบ่งแยกอาณาเขตบ้านเขากับบ้านเธอ แต่ที่มากกว่านั้นคือมันยังทำเกินหน้าที่แยกความรักครั้งนี้ของเขาให้ยิ่งยากจะคว้ามาได้
แต่…สวรรค์ก็ไม่ทำร้ายหัวใจหนุ่มใหญ่วัยใกล้สี่สิบเช่นเขา เพราะสาวน้อยข้างบ้านช่างเป็นคนอัธยาศัยดี รอยยิ้มของเธอมันทำให้โลกหม่นๆ ของเขาพลันกลายเป็นสีชมพูไปด้วย เด็กสาวที่ขยันเข้ามาปั่นป่วนหัวใจเขาได้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เธอเอ่ยขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเวลาไหน ไม่ว่าจะให้ทำอะไร เขาก็ยินดีทำให้ได้เสมอ เขาสวมบทบาทเป็นผู้ชายสารพัดช่างก็เพื่อเธอทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย
