ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่งดงาม
ความเจ็บปวดที่งดงาม
“สามีจะเข้าไปด้วยไหมค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลเปิดประตูออกมาถามทางพจีพัฒน์ทันที เมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องคลอดแล้ว
“คือ...” พจีพัฒน์ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันหน้าไปมองทางพ่อที่นั่งอยู่
“เข้าไปให้กำลังใจเมียเถอะ...หนูหริ่งเสียสละความเจ็บก็เพื่อลูกของแกน่ะ” พัฒน์พงษ์พยักหน้าให้ แล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจังกับลูกชาย
พจีพัฒน์จึงเดินตามผู้ช่วยพยาบาลเข้าไปที่ด้านในห้องคลอด ที่หญิงสาวอยู่ด้านในนั้นด้วย และทำการสวมชุดตามที่ผู้ช่วยพยาบาลได้เตรียมการไว้ให้
“หริ่งหริ่ง” เสียงเรียกชื่อหญิงสาวเปลี่ยนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงรอคลอดแล้ว
“คุณพีท...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจทันที ที่เห็นชายหนุ่มอยู่ในห้องนี้ด้วย เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหล่ะ...” ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกับหญิงสาว แล้วจับมือของพีรดามากุมเอาไว้แน่น เพื่อเป็นการให้กำลังใจเธอเพื่อคลายความเจ็บ
“...เดี๋ยวคุณแม่เบ่งตามที่หมอบอกน่ะค่ะ พร้อมน่ะ” แพทย์ที่ทำการคลอดพูดขึ้นบอกทันที เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว
“1...2...3...เบ่งค่ะคุณแม่ อึ้บบบบ” ผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่ในห้องนั้นต่างส่งเสียงให้กำลังใจแก่หญิงสาว
“อึ้บบบบ...ฮึกกกก” หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยจากอาการออกแรงเบ่ง เพื่อให้ลูกคลอดออกมา
“สู้ สู้ น่ะ พีทอยู่ตรงนี้แล้ว” เสียงนุ่มของพจีพัฒน์พูดขึ้นมาอีกครั้ง อย่างให้กำลังใจเธอ แล้วมืออีกข้างที่ว่างก็ยกขึ้นมาลูบที่ศีรษะเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม
“...อึ้บบบ...” หญิงสาวเบ่งอีกครั้งอย่างสุดกำลังเท่าที่มี
อุแว้ อุแว้ อุแว้
เสียงเด็กทารกวัยแรกเกิดตัวแดงๆ ร้องออกมาทันที ที่ออกมาจากท้องของแม่มาลืมตาดูโลก พร้อมกับส่งเสียงดังกึกก้องไม่ยอมหยุด
“เก่งมากหริ่งหริ่ง...จุ๊บ” พจีพัฒน์เอ่ยชมพีรดาออกมาอย่างดีใจ ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกร้อง แล้วจุ๊บเข้าไปที่หน้าผากเหม่งของหญิงสาวหนึ่งทีอย่างลืมตัว
“น้องเป็นผู้ชายนะคะ...เชิญคุณพ่อมาตัดสายสะดือด้วยค่ะ” แพทย์สูตินารีผู้ที่ทำคลอดให้ พูดขึ้นมา
พีรพัฒน์จึงลุกขึ้นไปตามคำที่แพทย์ได้บอก และทำการตัดสายสะดือลูกอย่างกล้าๆ กลัวๆ และรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เมื่อได้เจอหน้าเด็กทารกเป็นครั้งแรก แล้วจึงเดินกลับมานั่งที่เดิมข้างๆกับหญิงสาว
“เจ็บไหม...” เสียงนุ่มถามขึ้น พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาของหญิงสาวที่ไหลออกมา
“...แค่ได้ยินเสียงลูก หริ่งก็ไม่เจ็บแล้ว” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นเสียงแผ่ว พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณพ่อคุณแม่ ถ่ายรูปครอบครัวกันนะคะ...” พยาบาลที่อยู่ในห้องนี้ด้วยพูดขึ้นมา พร้อมกับอุ้มทารกแรกเกิดตัวแดง มาร่วมถ่ายรูปด้วยกันสามคน
หญิงสาวที่ถึงแม้จะเจ็บมากสักแค่ไหน เมื่อได้เห็นทารกแรกเกิดตัวแดงๆ ผู้ไร้เดียงสาผู้นี้ ความเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้ ได้หายเป็นปลิดทิ้งทันที นี้สินะที่เขาเรียกว่า ‘ความเจ็บปวดที่งดงาม’ เป็นแบบนี้นี้เอง
แชะ แชะ
เมื่อเก็บภาพครอบครัวเสร็จ พจีพัฒน์ได้ถูกเชิญออกมาด้านนอกห้อง เพราะแพทย์ต้องการเย็บแผลคลอดให้หญิงสาวต่อ และจะได้ย้ายไปที่ห้องพักฟื้นต่อจากนี้
“เป็นยังไงบ้าง...” พัฒน์พงษ์ถามขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายเดินออกมาจากห้องคลอด ด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด
“ปลอดภัยดีครับทั้งแม่ และลูก” พจีพัฒน์ตอบเพียงสั้นๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกับพ่อ
“เป็นพ่อคนแล้วน่ะไอ้เสือ แล้วคิดไว้ยัง...จะให้ลูกชื่ออะไร” พัฒน์พงษ์ถามลูกชายขึ้นมาอีกครั้ง
“ครับ...” พจีพัฒน์ได้แต่พยักหน้ารับกับพ่อ
“แสดงว่าคิดเอาไว้นานแล้วสิ” พัฒน์พงษ์เอ่ยแซวลูกชายขึ้นมาทันที
“เปล่าครับ...พึ่งคิดได้เมื่อวันนี้ตอนเจอหน้าลูกครั้งแรกเองครับ” พจีพัฒน์ตอบพ่อออกมา เพราะเขาพึ่งจะมาคิดถึงเรื่องชื่อของลูกตอนเข้าไปที่ห้องของหญิงสาว ตอนเปิดดูสมุดโน๊ตที่เธอจดรายละเอียดทุกการเติบโตของลูกมาหมาดๆ แถมยังแอบเห็นชื่อที่หญิงสาวตั้งไว้ให้ลูกด้วย
เมื่อหญิงสาวถูกย้ายมาอยู่ที่ห้องพักฟื้น ซึ่งเป็นห้องวีวีไอพี ที่พัฒน์พงษ์ได้ขอให้ทางโรงพยาบาลได้เตรียมการไว้ให้ เพราะต้องการการเป็นส่วนตัวของครอบครัว
อีกด้าน
“กวิน...นายติดต่อกับพีทบ้างหรือเปล่า ฉันติดต่อหริ่งไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สองคนนี้ถึงต้องพักการเรียนกัน” ไลลาพูดขึ้นมา เมื่อกำลังจะเดินทางกลับไปที่คอนโด และทั้งคู่ก็พักอยู่ใกล้ๆกันอีก
“เห็นไอ้พีทมัน...ไปทำงานที่บริษัทของพ่อมันอยู่น่ะ แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก หรือว่าพวกมันจะไม่เรียนกันแล้วว่ะ” กวินตอบออกมา เพราะเห็นพจีพัฒน์ไปทำงานที่บริษัทของพ่อเมื่อหลายวันก่อน
“ไอ้พีท...นายยังเห็นว่ามันไปทำงาน แต่หรีดหริ่งนี้สิ ติดต่อก็ไม่ได้ แถมไม่ทราบข่าวอะไร” ไลลาพูดออกมาตามตรง เพราะหลังจากวันปัจฉิมนิเทศวันนั้นจบลง ก็ไม่สามารถติดต่อหรือทราบข่าวของพีรดาเลย
“หริ่งไม่ได้บอกแกหรือ...” กวินถามขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะสองคนนี้ เวลาอยู่ที่โรงเรียนตัวติดกันตลอด
“ไม่เลย...” ไลลาตอบออกมาเพียงสั้นๆ พร้อมกับส่ายหน้าใส่อีกที
“เห็นพวกแกสนิทกัน...คิดแต่ว่าหรีดหริ่งจะบอกแก” กวินพูดออกมา ระหว่างที่เดินไปด้วย
“ถามพีทให้หน่อยสิ...ว่าหริ่งไปไหน” ไลลาพูดออกมา เพราะชายหนุ่มสนิทและใกล้ชิดกับพจีพัฒน์ที่สุด
“อืม...ถ้าเจอมันจะลองถามให้” กวินพยักหน้าเพื่อเป็นการรับปาก
“คงไม่กลับไปอยู่ต่างจังหวัดหรอกน่ะ...” ไลลาพูดขึ้นคำสันนิษฐานของตัวเอง
“หริ่งไม่ใช่คนที่นี่เหรอ...” กวินถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะไม่เคยรู้ตัวตนของพีรดาเลย แต่ก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย หากเป็นคนต่างจังหวัด ก็คงจะรวยมาก็จริงๆ ถึงได้เรียนที่ดีๆแบบนี้
“หริ่งเป็นหลานสาวป้าแม่บ้าน...ที่บ้านของพีท พ่อของพีทแค่อุปการะเลี้ยงดู” ไลลาตอบออกมาตามเท่าที่รู้ เพราะพีรดาพูดบอกเธอเพียงแค่นั้น
“ไม่น่าล่ะ...เห็นสองคนนี้เจอกันทีไร กัดกันตลอด แถมหรีดหริ่งเรียกไอ้พีทว่าคุณอีก” กวินจึงสรุปได้ทันที
“หรือว่าพวกเราชวนกันไปหาพวกมันที่บ้านดีไหมหยุดยาวนี้...” ไลลามีความคิดใหม่ขึ้นมาทันที
“เอางั้นเหรอไลลา...” กวินถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่ค่อยอยากไปหาพจีพัฒน์ที่บ้านสักเท่าไหร่
“ก็อยากไปดูว่าหรีดหริ่งยังอยู่ที่บ้านนั้นไหม...” ไลลาพูดขึ้นตามความประสงค์ของตัวเอง