ตอนที่ 1 อดีตที่เจ็บปวด
อดีตที่เจ็บปวด
ณ บ้านปัญญาพิวัฒน์
‘ธนา ปัญญาพิวัฒน์’ หนุ่มโสดที่มีลูกติดด้วยมาหนึ่งคน หรือที่เรียกกันภาษาติดปากคือ พ่อหม้ายนั้นเอง ดูแลธุรกิจอันมากมายมหาศาล มีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในวัยเพียงแค่ 32 ปีเท่านั้น มีลูกชายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด เพราะเกิดจากความสัมพันธ์ในช่วงของวัยรุ่น มารดาผู้เป็นแม่ซึ่งยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูทั้งในเรื่องของความพร้อม อายุ การเงิน และอะไรหลายๆอย่าง อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ไม่ได้รักกัน เธอจึงยอมยกลูกให้อยู่ภายใต้ความดูแลของธนาแต่เพียงผู้เดียว และจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีก ธนาจึงเป็นฝ่ายเลี้ยงมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งโตเป็นหนุ่มน้อยในวัย 14 ปีแล้ว มีนามว่า ‘ชีโน่ ชิษณุพงศ์ ปัญญาพิวัฒน์’
“พาพี่เขาไปเที่ยวไหนมาอีก...พ่อบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่าขับรถเองมันอันตราย ลูกยังไม่มีใบขับขี่น่ะ” ธนาพูดขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายกลับเข้ามาบ้าน ในเวลาค่ำแล้ว พร้อมกับหญิงสาววัย 18 ปี ที่เขา อุปถัมภ์ดูแลต่อ เพราะพ่อของเธอคือรุ่นพี่คนสนิทที่ร่วมกันสร้างธุรกิจมาร่วมกัน คือ ‘เขตแดน วัฒนพาณิชย์’ ที่อายุห่างกันกับเขาตั้ง 10 ปี แต่ก็นับถือกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเป็นลูกกำพร้ากัน มี พนา ซึ่งมียศเป็นปู่ของเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยที่เขตแดนจะใช้นามสกุลของปู่ และเขตแดนเองก็มีลูกสาวที่เลี้ยงมาด้วยตั้งแต่เล็กหนึ่งคน
“ก็พ่อไม่ยอมให้พี่เดียร์ขับรถไปเรียนเองนี้น่า ผมก็แค่ไปรับไปส่งพี่สาวผมแค่นั้นเอง” ชีโน่ ลูกชายเพียงคนเดียวของธนา ปัจจุบันเรียนมัธยมปีที่ 3 แล้ว พูดขึ้นมาทันที
“คุณธนาสวัสดีค่ะ” เสียงหญิงสาวกล่าวทักทาย พร้อมกับยกมือขึ้นทักทายผู้อุปการะคุณเธอ ‘เดียน่า วัฒนพาณิชย์’ หญิงสาวในวัย 18 ปี สาวมหาลัยปีแรก เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ เขตแดน ซึ่งเสียชีวิตหรือหายสาปสูญไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ธนาจึงรับเลี้ยงดูต่อเพราะยังไงเธอก็เป็นทั้งพี่ และเพื่อนเล่นของชีโน่มาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว ส่วนแม่ของเธอก็ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะเขตแดน พ่อของเธอไม่ยอมบอกอะไรเลย เธอรู้เพียงแค่ว่าเป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย แต่ในเมื่อผู้เป็นพ่อที่เลี้ยงดูต่อมาไม่บอก เธอก็ไม่ได้ถาม เพราะก็ไม่ต้องการรู้คำตอบนั้นอยู่แล้ว
“แล้วพากันทานอะไรมายัง เข้าบ้านมาเอาเวลานี้” ธนาถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“เรียบร้อยมาแล้วครับ” ชีโน่เอ่ยตอบพ่อไป
“ถ้าอย่างนั้น ก็พากันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ แล้วอย่าลืมอ่านหนังสือกันด้วยล่ะ เดียร์ก็ด้วย พึ่งเข้ามหาลัยก็ตั้งใจหน่อย อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” ธนาพูดบอกลูกชาย แล้วหันมาบอกทางเดียน่าบ้าง
“รู้แล้วค่ะ เดียร์จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” เดียน่าพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
“คืนนี้พ่ออาจจะกลับมาช้า หรือไม่ก็เช้าน่ะ ไปโรงเรียนก็ให้คนขับรถไปส่ง อย่าพากันขับไปเอง พ่อจะออกไปทำงานของพ่อแล้ว พากันขึ้นไปพักผ่อนเถอะ” ธนาเอ่ยบอกกับทั้งคู่
“ครับ”
“ปิดเทอม เราจะไปเยี่ยมคุณปู่ทวดกันนะ” ธนาเอ่ยบอกตามหลังของคนทั้งคู่ที่กำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสองขานรับพร้อมกัน แล้วก็พากันเดินเข้าไปชั้นบนของบ้านต่อทันที
เมื่อทั้งสองเดินลับตาไปแล้ว ธนาได้แต่นั่งถอนหายใจเงียบๆ อยู่คนเดียว พร้อมกับเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 8 ปีที่แล้วก้ผุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองหน้าลูกสาวของคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานหลายปี
ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน
“นายครับ...คุณแดนโดนยิงตกเรือตอนนี้ยังค้นหาไม่เจอเลยครับ ผมว่าไม่น่าจะรอด” นาที แฝดพี่ของเวลาลูกน้องคนสนิทของเจ้านายหนุ่ม ทั้งคู่มีอายุ 20 ปี เข้ามารายงานว่ารุ่นพี่คนสนิทที่นับถือกันเป็นพี่น้อง ที่รู้จักมาหลายปี และร่วมกันสร้างธุรกิจมาด้วยกันจนเติบโตตั้งแต่อายุยังน้อย
“อะไรน่ะ...พี่แดนโดนยิง” ธนาตาลุกวาว พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาพูดเสียงดังขึ้นมาทันที ที่ได้ยินลูกน้องเข้ามารายงาน
“ครับ...ตอนนี้กำลังเร่งค้นหาอยู่ แต่ยังไม่ทราบครับว่าเป็นตายร้ายดียังไง” เวลา แฝดน้องเอ่ยเสริมขึ้นมา
“พี่นาที พี่เวลาว่าอะไรนะคะ...พ่อ!” เด็กสาวในวัยเพียง 10 ขวบ ที่เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ได้ยินเข้าพอดี ว่าพ่อของเธอได้รับอันตราย ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เพราะตอนนี้เธอก็พอจะรับรู้เรื่องราวของพ่อเธอ กับธนาดีอยู่แล้วว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร
เดียน่าพักอาศัยอยู่ที่เรือนเล็กของบ้านหลังนี้ เพราะในบ้านหลังนี้มีแต่ผู้ชาย เขตแดนจึงสร้างบ้านหลังเล็กให้แก่เธอ แต่เธอก็เดินเข้ามาในบ้านหลังนี้เป็นประจำ พร้อมความที่สนิทกันกับลูกชายของธนา ซึ่งก็คือ ชีโน่นั้นเอง
เดียน่าที่เดินเข้ามาได้ยินธนากับลูกน้องพูดคุยกันพอดี ถึงเรื่องพ่อของเธอ เด็กสาวที่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกอยู่ตอนนี้ ได้แต่ยืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อ ร่างสูงจึงเดินเข้าไปหาใกล้ๆ เพื่อที่จะได้อธิบายให้ฟัง
“เดียร์!...เธอเข้ามาตอนไหน ทำไมพวกมึงไม่...โว้ยยย แล้วกูต้องทำยังไงต่อ” เด็กสาวเป็นลมล้มคอพับทันที แต่โชคดีที่ร่างสูงของธนาเดินเข้าไปรับไว้ได้ทัน แล้วอุ้มขึ้นมา
“น้องเดียร์ น่าจะแค่ช็อคแล้วเป็นลมไปนะครับนาย นายอุ้มเธอไปที่โซฟาก่อน เดี๋ยวผมกับไอ้นาทีจะไปเอายาดม และไปตามแม่บ้านมาให้ครับ” เวลาแฝดน้องของนาทีเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่ม แล้วรีบสาวเท้ายาวออกไปตามแม่บ้านมาทันที
“อื้ม...” ธนาพยักหน้ารับ แล้วอุ้มเด็กสาววัย 10 ขวบ วางลงบนโซฟาตัวยาวของบ้าน ที่อยู่ในห้องโถงของบ้าน แล้วกลับจ้องมองใบหน้าของเด็กไร้เดียงสาที่ต้องรับรู้เรื่องราวร้ายๆนี้อย่างน่าสงสาร
จนวันเวลาผ่านไปหลายวัน ผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่ทราบข่าวคราวของเขตแดน แม้จะจัดการคู่ค้าอริได้ แต่ร่างของเขตแดนก็ยังไม่พบ จนทั้งหมดเริ่มถอดใจ และเด็กสาวผู้ที่ต้องมารับรู้ทุกอย่าง ปกติเป็นคนร่าเริงพูดเก่ง แต่กลับต้องกลายมาเป็นเด็กที่เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครเลย
“ออกไปเล่นกับน้องน่ะ อยู่ที่นี่คนเดียว มันไม่สนุกหรอก อยากไปเที่ยวไหนไหม ฉันจะพาไป” ร่างสูงของธนาเข้ามานั่งลงใกล้ๆ แล้วเอ่ยเสียงนุ่มขึ้นพยายามหว่านล้อม ให้เด็กสาวออกมาจากห้องเพียงสี่เหลี่ยมของบ้านหลังเล็ก ที่เด็กสาวพักอาศัยอยู่ ที่ตอนนี้เงียบเชียบไร้เสียงหัวเราะของเธอ ที่ช่างพูด ช่างหยอกล้อคนอื่นๆ
“...” เด็กสาวที่นั่งกอดเข่าอยู่ได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างเดียว และไม่เอ่ยตอบอะไรตอบหรือพูดออกมาแม้แต่คำเดียว