11 บังเอิญเจอกันอีกครั้ง
ไอรดานั่งทำเซ็งอยู่หน้าจอแมคบุ๊คเพราะอติรุจน์ส่งภาพฮันนีมูนของเขากับพนามาให้ดู แล้วยังใจดีไปถ่ายรูปผู้หญิงที่มีลักษณะคล้ายเธอส่งมาด้วยและเป็นหน้าที่ของไอรดาที่จะตกแต่งภาพนั้นให้ดูสมบูรณ์ขึ้นก่อนจะโพสต์ลงไอจีเพื่อยืนยันว่าตอนนี้เธอกำลังมีความสุขอยู่กับคนรัก
เมื่อเห็นข้อความที่เพื่อนมาคอมเมนต์เธอก็ยิ่งรู้สึกผิด หญิงสาวไม่ได้ตอบข้อความหรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเพราะรู้สึกว่าไม่อยากจะโกหกมากไปกว่านี้อีกแล้ว
สามวันที่ผ่านมาไอรดาไม่ได้ลงไปไหนเลยเพราะกลัวจะเจอคนรู้จัก แต่วันนี้มันก็น่าเบื่อเกินกว่าจะนั่งๆ นอนอยู่ในห้อง หญิงสาวจึงหยิบกางเกงยีนขาสั้นขาดๆ ที่วัยรุ่นชอบใส่กับเสื้อสายเดี่ยวสีครีมมาสวมก่อนจะขับรถออกจากกรุงเทพเพื่อตรงไปยังปราณบุรี เพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อนจะกลับไปเริ่มงานในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากที่ครบกำหนดวันลา
ไอรดาเข้าพักยังรีสอร์ตแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของครอบครัวสริตาซึ่งที่นี่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมาก บ้านพักแต่ละหลังนั้นอยู่ห่างกันพอสมควรอีกทั้งยังมีชายหาดส่วนตัวอีกด้วย
หลังจากนอนพักจนหายเหนื่อยแล้วก็ออกไปเดินเล่นที่ชายหาดก่อนจะไปทานอาหารทะเลที่ร้านเล็กๆ ริมหาด
พอตกกลางคืนก็ออกมาฟังเพลงที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งเธอเห็นแล้วว่าด้านในนั้นมีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
หญิงสาวนั่งดื่มที่เคาน์เตอร์บาร์ตามลำพัง เวลาผ่านไปผู้คนก็ยิ่งมากขึ้น เสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลอก็เปลี่ยนเป็นจังหวะสนุกสนาน ไอรดาไม่ค่อยแบบนี้เท่าไหร่ หญิงสาวจึงออกมาจากร้านและเดินเล่นยังบริเวณชายหาดของโรงแรมหรูซึ่งเป็นส่วนเดียวกับรีสอร์ตที่เธอเข้าพัก
“อัยย์ อัยย์ครับ”
ไอรดารีบหันไปตามเสียงแล้วหัวใจเธอกระตุกวูบเพราะไม่คิดว่าจะมาเจอเขาที่นี่อีกครั้ง เธอไม่อยากจะยอมรับเลยว่ารู้สึกดีใจที่ได้เจอกับเขาอีกครั้ง
“คุณชาน์”
“ครับผมเอง ผมดีใจนะที่เจอคุณที่นี่ ตอนแรกที่เห็นคุณเดินผ่านหน้าโรงแรมไปก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่จึงเสี่ยงวิ่งตามออกมาก”
“คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ผมมาประชุมครับ”
“คุณมาเที่ยวเหรอครับ มากี่วันแล้วคุณพักที่ไหน มาคนเดียวหรือเปล่า” ปิญชาน์แปลกใจที่ตัวเองถามออกไปอย่างนั้นเพราะปกติแล้วเขาเป็นคนไม่ค่อยสนใจคนอื่น แต่กับไอรดาชายหนุ่มรู้สึกว่าการคุยกับเธอเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุข
“ใจเย็นๆ ค่ะ ถามมาเป็นชุดแบบนั้นอัยย์ไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน”
“เราไปหาที่นั่งคุยกันไหม”
“คุยตรงนี้ก็ได้ค่ะ ลมพัดเย็นๆ แบบนี้สบายดีออก”
“งั้นเดินไปคุยไปไหมครับยุงจะได้ไม่กัด”
“ค่ะ”
“คุณพักที่ไหนครับ” เขาเริ่มถามอีกครั้งเมื่อเดินออกมายังบริเวณชายหาดที่ไกลออกมาจากหน้าโรงแรมเรื่อยๆ
“รีสอร์ตเดียวกับโรงแรมนี้แหละค่ะ”
“อ๋อ ผมนึกออกแล้ว” เขาเองก็เคยไปพักที่นั่นเวลาที่มาเที่ยวกับเพื่อน แต่ครั้งนี้เขามาประชุมวิชาการเลยพักที่โรงแรมซึ่งทางบริษัทจำหน่ายยาเป็นผู้สนับสนุนเรื่องที่พักให้กับคุณหมอทุกคนที่มาประชุมในครั้งนี้
“คุณมาคนเดียวใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ผมดีใจที่เจอคุณอีกนะครับอัยย์ เหมือนพรหมลิขิตเลยคุณว่าไหม”
“ไม่คิดว่าคุณจะเชื่อเรื่องนี้ด้วยนะคะ”
“แต่ก่อนก็ไม่เชื่อครับพอเจอคุณถึงเชื่อ”
“ปากหวานจังเลยนะคะ อย่างนี้เวลาทำงานคนได้ทิปเยอะมาก”
“คุณพูดเหมือนไม่ค่อยพอใจกับงานของผม”
“เปล่านะคะ อัยย์แค่พูดไปตามความรู้สึก”
“อัยย์ ผมว่าจะเลิกทำงานกลางคืนแบบนั้น”
“เพราะอะไรคะ”
“ถ้าบอกว่าเพราะคุณจะเชื่อไหม”
“ไม่ค่ะ อัยย์คงไม่มีอิทธิพลกับคุณขนาดนั้นหรอกนะคะ”
“ผมพูดจริงๆ ตั้งแต่คืนนั้นผมก็ไม่รับงานอีกเลย”
“คุณทำให้อัยย์รู้สึกผิดที่ทำให้คุณขาดรายได้”
“งานนั้นก็แค่งานเสริม ผมยังมีงานประจำนี่ครับ”
“แล้วเจ้านายคุณจะไม่ว่าเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ”
“อัยย์ว่าหน้าตาดีอย่างคุณคงเรียกแขกเข้าร้านได้มาก ถ้าพี่รัชรู้ว่าที่คุณลาออกเพราะอัยย์เขาได้มาเล่นงานอัยย์แน่ๆ”
“ผมอยากเป็นเพื่อนคุณแต่ถ้าผมยังทำงานแบบนั้นอยู่ผมว่ามันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“คุณอยากเป็นเพื่อนกับอัยย์เหรอคะ”
“จริงๆ แล้วผมก็อยากเป็นมากกว่านั้นได้ไหม ผมชอบคุณจริงๆ นะ คุณจะเชื่อไหมว่าผมไม่เคยนอนกับแขกคนอื่นนอกจากคุณคนเดียวเพราะมันเป็นกฎของที่ร้าน ถ้าคุณไม่เชื่อจะลองไปถามคุณรัชก็ได้นะครับ”
“แล้วทำไม่คืนนั้นถึงมานอนกับฉันล่ะ”
“เพราะผมชอบคุณ คุณเป็นคนที่สวยมากโดยเฉพาะเวลาที่คุณยิ้ม แต่พอพูดถึงอดีตสามีคุณกลับทำหน้าเศร้าซึ่งผมไม่ชอบเท่าไหร่ ผมเลยอยากอยู่กับคุณอยากทำให้คุณยิ้ม”
“ฉันว่ามันฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่นะคะ”
“ผมพูดจริงๆ นะอัยย์”
“คุณชาน์คะ อัยย์ว่าคุณกำลังอยากรับผิดชอบเรื่องคืนนั้นมากกว่า”
“คุณไม่อยากให้ผมรับผิดชอบเหรอ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เราต่างก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ อีกอย่างใครๆ ก็รู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว เรื่องความบริสุทธิ์มันถูกทำลายไปตั้งแต่คืนเข้าหอแล้วล่ะคะ”
“คุณอย่าปิดกันตัวเองสิ ลองคบกันดูก่อนไหม”
“คุณไม่อึดอัดเหรอคะถ้าคบกับฉัน เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้จนกว่าจะครบหนึ่งปี”
“ผมว่าตื่นเต้นดีออก เหมือนอย่างวันนี้เราไม่ได้มาด้วยกันแต่เราก็มาเจอกัน”
“นะครับอัยย์” ชายหนุ่มหยุดแล้วหันมามองหน้าเธออยากต้องการคำตอบ
“อัยย์ขอถามอะไรคุณสักอย่างได้ไหม”
“ครับถามมาเลย”
“ในสายตาคุณ อัยย์เป็นผู้หญิงใจง่ายใช่ไหม”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ก็เพราะอัยย์ยอมนอนกับคุณตั้งแต่เจอกันไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ”
“เวลามันไม่สำคัญหรอกครับ ผมโฟกัสที่ความสุข อีกอย่างคุณกับแฟนคบกันมาเกือบสามปี แต่ไม่เคยมีอะไรกันเพราะคุณกับเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนกันนี่ครับ”
“คุณกำลังจะบอกว่าเพราะคุณกับฉันรู้สึกเหมือนกันเหรอคะคุณชาน์”
“ครับ คุณกำลังกับผมกำลังเหงาด้วยกันทั้งคู่”
“เพราะเหงาเหรอคะถึงมาทำงานกลางคืน”
“ครับ” ยิ่งคุยกับไอรดาปิญชาน์ก็ยิ่งรู้สึกผิด
“คุณอัยย์ครับถ้าผมไม่ได้ทำงานแบบนั้นเราจะคบกันได้ไหมครับ”
“ที่อัยย์ไม่คบกับคุณไม่ใช่เพราะงานของคุณหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะอัยย์ยังไม่มั่นใจตัวเองเลยว่าระหว่างที่เราคบกันมันจะไม่มีปัญหาอื่นตามมา”
“ถ้าคุณหมายถึงเรื่องที่คนอื่นจะรู้ หรืออดีตสามีของคุณจะรู้ล่ะก็ ผมสัญญาเลยครับว่าผมจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับ ผมจะรอจนครบหนึ่งปี”
“คุณไม่คิดบ้างเหรอคะว่า เราอาจจะเลิกกันก่อนถึงหนึ่งปีก็ได้”
“ผมนึกไม่ออกว่าเราจะเลิกกันด้วยสาเหตุอะไร” ปิญชาน์จับมือของหญิงสาวขึ้นมากุมไว้ทั้งสองข้าง ความรู้สึกที่มีให้กับเธอนั้นจะเรียกว่ารักก็คงจะไม่ผิด มันคงฟังดูไม่น่าเชื่อแต่เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ขโมยหัวใจของเขาไปแล้ว และคงขโมยไปตั้งแต่คืนนั้น คืนที่เขากับเธอเต้นรำด้วยกันในผับของสารัช
“อย่าพูดว่าเลิกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลองคบสิอัยย์”