บท
ตั้งค่า

27 ไม่เคยมีค่า

ผ้าแพร...

ระหว่างเรากำลังนั่งทานมาม่ากันอยู่ในครัวซึ่งเขากับฉันนั่งตรงข้ามกัน บอกตามตรงว่าฉันไม่กล้าเงยหน้ามองเขาเลยคือฉันรู้สึกประหม่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยอยู่ด้วยกันตามลำพังแต่ตอนนั้นเราเป็นแฟนกันแต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่ ฉันมาอาศัยบ้านเขาอยู่ มาอยู่แบบไม่ทันตั้งตัวไม่ทันเตรียมใจเลยด้วยซ้ำ

"ถามไรหน่อยดิ" เป็นเขาที่ทำลายความเงียบ

"อื้มจะถามอะไรล่ะ"  ฉันตอบกลับแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองตาของฉันยังโฟกัสอยู่ที่ถ้วยมาม่าตรงหน้า

"เธอจะอยู่ที่บ้านฉันอีกนานแค่ไหนหรือจะอยู่ตลอดไปเพราะดูเหมือนแม่ของฉันจะรักและเอ็นดูเธอมาก" คำถามของเขาเหมือนไล่ฉันทางอ้อมเขาคงไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่สินะซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วคงไม่มีใครอยากเจอหน้าคนที่ตัวเองไม่ชอบหรอกซ้ำยังเป็นแฟนเก่าอีก เขาอาจจะรู้สึกอึดอัดเหมือนฉันตอนนี้ ถามว่าอยู่ที่นี่สุขสบายดีไหมมันก็อย่างที่เห็นฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลยอยู่บ้านเฉยๆไปวันๆคุณลุงคุณป้าบอกว่าไม่อยากให้ฉันเหนื่อย แต่ถึงจะสบายกายแต่ฉันไม่สบายใจเลยสักนิดฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองมาเป็นภาระ ภาระที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไรเลยสักนิดเดียวบอกตามตรงว่าฉันไม่ชินกับการที่ต้องอยู่โดยไม่ทำอะไร ฉันคิดไว้ว่าจะลองคุยกับคุณป้าดูฉันอยากทำงานอยากหาอะไรทำมากกว่าการอยู่เฉยๆแบบนี้แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยเพราะคุณป้าไม่ค่อยอยู่บ้านท่านมีงานที่บริษัทบางวันก็ไปออกงานกับคุณลุงซึ่งนั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองอยู่แบบไร้ค่าเหมือนฉันมาเกาะมาอาศัยท่านกินไปวันๆท่านเป็นถึงเจ้าของบ้านแต่ท่านออกไปทำงานแทบทุกวันส่วนฉันเป็นผู้อาศัยกลับนั่งกินนอนกินอย่างสุขสบาย

"ว่าไงถามทำไมไม่ตอบ"

"เราก็ยังไม่รู้เหมือนกันแต่คินไม่ต้องห่วงนะเราไม่อยู่รบกวนครอบครัวของคินนานหรอกถ้ามีที่ไปเราก็จะไปทันทีเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน"

"เธอรู้ใช่ไหมว่าพ่อแม่ฉันเสียเงินค่าสินสอดให้พ่อแม่เธอไปตั้งเท่าไหร่"

"อื้มก็รู้" ฉันก้มหน้าตอบซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ฉันเครียดและกังวลใจอยู่ไม่น้อยคุณป้าท่านยอมเสียเงินหลายสิบล้านเพื่อให้ฉันได้เป็นอิสระจากครอบครัว ฉันคิดนะไม่ใช่ไม่คิดแต่ฉันไม่รู้ว่าจะหาเงินจำนวนนี้มาคืนท่านได้ยังไง ฉันจบแค่มอหกถ้าไปทำงานก็คงได้เงินเดือนไม่กี่พันทำงานชาตินี้ทั้งชาติฉันมั่นใจว่าคงหามาคืนท่านไม่ครบแน่นอน

"ฉันว่าเธอควรจะทำอะไรเพื่อตอบแทนพ่อแม่ฉันบ้างนะไม่ใช่มานั่งกินนอนกินแบบนี้ไปวันๆที่สำคัญเธอเองก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวของฉันเลยแม้แต่นิดเดียวแต่พ่อแม่ฉันดันคิดอะไรไม่รู้ถึงยอมเสียเงินเป็นสิบๆล้านเพื่อเอาตัวเธอออกมาจากครอบครัวของเธอ ในเมื่อตอนนี้เธอกับฉันไม่ต้องหมั้นกันแล้วเธอน่าจะไปเอาเงินสินสอดมาคืนแม่ของฉันถึงจะถูกแล้วเธอก็กลับไปอยู่กับครอบครัวของเธอซะไม่ใช่มาอยู่ทำตัวเป็นคุณหนูแบบนี้" ฉันสะอึกไปเหมือนกันแต่มันก็คือความจริง

"เราขอโทษนะ แต่เราคงไปเอาเงินจำนวนนั้นคืนมาไม่ได้พ่อแม่เราคงไม่ยอมหรอก" เพราะฉันรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่มีวันยอมคืนแน่ๆตอนนี้ท่านอาจจะกำลังใช้เงินจำนวนนั้นไปแล้วก็ได้เพราะเท่าที่ฉันรู้มาตอนนี้ที่บริษัทของพ่อกับแม่กำลังประสบปัญหาเรื่องการเงินถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่กู้ยิมเงินจากครอบครัวของคินตั้งร้อยล้านหรอก

"หึ พ่อแม่เธอก็เลยสบายไปเลยสิได้เงินไปใช้เล่นๆตั้งยี่สิบล้านนี่ยังไม่รวมค่าแหวนเพชรที่ครอบครัวเธอร้องขออีกนะ ฉันไม่รู้ว่าครอบครัวเอาอะไรมาวัดค่าตัวเธอถึงได้กล้าเรียกแพงขนาดนั้น  หรือเธอคิดว่าตัวเองมีค่ามากพอกับจำนวนยี่สิบล้าน"

"เปล่านะไม่ใช่ คนอย่างเรามันไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว"

"ก็รู้ตัวเองนี่" พูดจบประโยคนี้เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทิ้งให้ฉันนั่งจมอยู่กับความติดว่าฉันควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง

วันต่อมา...

"คุณป้าคะคือแพรมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ" 

"เรื่องอะไรลูก"

"แพรอยากทำงานค่ะ"

"ทำงาน??"

"ค่ะ แพรไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆแพรรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระให้กับคุณป้า"

"โถแม่คุณป้าไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะลูก"

"นะคะให้แพรทำงานนะคะได้มั้ยคะแพรขอร้อง"

"เอางี้...ป้าจะให้หนูไปทำงานที่บริษัทของป้าดีมั้ยไปเป็นผู้ช่วยเลขาของป้าก็ได้เอามั้ย"

"แพรจบแค่มอหกเองนะคะแพรกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีทำงานพลาดแล้วจะทำให้บริษัทเสียหาย" คือฉันไม่มีความรู้ทางด้านงานเลขาเลยและเท่าที่ฉันพอรู้ถ้าทำงานในตำแหน่งนี้อย่างน้อยๆก็ต้องจบปริญญาตรีหรือเปล่าแต่ฉันจบแค่มอหกเองฉันเกรงว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดี

"เผื่อหนูจะลืมบริษัทนี้เป็นบริษัทของป้านะลูกป้าจะให้หนูทำตำแหน่งอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของป้า เรื่องอื่นหนูไม่ต้องกังวลเพราะป้ามีทีมงานคอยตรวจสอบเอกสารก่อนทุกครั้งถ้ามีตรงไหนผิดพลาดพวกเค้าก็จะคอยแก้ไขให้เพราะฉะนั้นหนูไม่ต้องกลัวอะไร" พอคุณป้าพูดแบบนี้ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี 

หลังจากนั้นฉันก็ได้ไปทำงานที่บริษัทของคุณป้าซึ่งช่วงแรกๆฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงของพี่ๆที่บริษัทแต่ทุกคนก็คอยช่วยเหลือสอนงานฉันเป็นอย่างดีถึงแม้ว่าฉันจะหัวช้าแต่ฉันก็พยายามจดแล้วก็จำ จนตอนนี้ฉันรู้สึกสนุกกับการทำงานมากๆจนอยากจะมาทำทุกวันไม่อยากให้มีวันหยุดเลย และหลังจากที่เรียนรู้งานจนคล่องแล้วหน้าที่ประจำของฉันก็คือตามคุณป้าไปตามที่ต่างๆเวลาคุณป้ามีนัดคุยกับลูกค้าหรือบุคคลสำคัญท่านก็จะพาฉันไปด้วยทุกครั้งและแนะนำให้ทุกคนรู้จักในฐานะหลานสาวของท่านและวันนี้คุณป้าก็มีนัดกับเพื่อนของท่านแล้วท่านก็ชวนฉันมาด้วย

"ไม่เคยรู้เลยนะคะว่าคุณพี่ดามีหลานสาวด้วย หนูแพรอายุเท่าไหร่จ้ะ"

"อายุ22ค่ะ" 

"อายุพอๆกับตาวิชลูกชายน้าเลยลูกไว้เดี๋ยวตาวิชมาจะแนะนำให้รู้จักนะจ้ะ น่าใกล้จะถึงแล้วล่ะ"

"นี่อย่าบอกนะคะว่าตาเตวิชกลับมาจากยุโรปแล้วน่ะ"

"ค่ะคุณพี่ดาตาวิชเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงเดือนเลยค่ะ นั่นไงพูดถึงก็มาพอดีเลย ตาวิชทางนี้ลูก" ฉันมองไปที่ประตูร้านอาหารก็เห็นเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มาในชุดลำลองเขาเดินยิ้มเข้ามาแล้วเดินตรงมาที่โต๊ะ

"สวัสดีครับคุณป้าดา เอ่อแล้วนี่...ใครเหรอครับ" ผู้ชายคนนั้นยกมือไหว้คุณป้าก่อนจะมองมาทางฉัน

"หนูผ้าแพรจ้ะเป็นหลานสาวคุณป้าดา หนูแพรจ้ะนี่ตาเตวิชลูกชายน้าเอง ดูแล้วน่าจะเป็นพี่ชายนะเพราะตาเตวิชปีนี้ยี่สิบสี่แล้ว"

"สวัสดีค่ะ"

"สวัสดีครับน้องแพร^^"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel