16 เอาใจ
ผ้าแพร....
"ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ คิดอะไรอยู่ หืมมม" ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อคินยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนใบหน้าเราใกล้กันไม่ถึงคืบ
"เอ่อเราคิดถึงพ่อกับแม่น่ะ"
"น้อยใจพ่อกับแม่เหรอที่ไม่พาไปเที่ยว"
"ก็ อื้มมม" ฉันตอบเสียงสั่นฉันพูดอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้เพราะถ้าพูดออกไปน้ำตาฉันคงจะไหลออกมาแน่ๆ
"อยากไปเที่ยวไหมจะพาไป"
"เที่ยวเหรอ"
"อื้มมม อยากไปไหนล่ะบอกมาจะพาไป"
"แต่เราไปไม่..."
"ไปไมไ่ด้ จะพูดคำนี้ใช่ไหม"
"คินก็รู้ว่าพ่อแม่เราไม่ให้ไปไหน"
"แต่ตอนนี้พ่อแม่เธอไม่อยู่นี่นา"
"แต่..."
"โทรไปบอกคนที่บ้านดิว่าขอมานอนบ้านเพื่อนสักสองสามคืนถ้าขอได้ฉันจะพาเธอไปเที่ยวเชียงใหม่ช่วงนี้อากาศกำลังดีเลยนะ"
"เชียงใหม่เหรอ" ถามว่าเคยไปไหมไม่เคยไปหรอกแต่ก็พอรู้ว่าช่วงหน้าหนาวเชียงใหม่จะเป็นจังหวัดที่น่าเที่ยวมากที่สุด
เวลาต่อมา...
"เอ่อ ป้าผ่องคะคือถ้าแพรจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนสักสองสามวันจะได้ไหมคะ" ฉันตัดสินใจโทรไปขอป้าผ่องป้าแม่บ้านที่ฉันสนิทมากที่สุดเพราะตั้งแต่เด็กจนโตก็มีแต่ป้าผ่องที่คอยปลอบโยนฉันเวลาที่ฉันถูกแม่ทำโทษถูกดุถูกด่า ป้าผ่องจะรู้ทุกอย่างว่าฉันเจออะไรมาบ้าง แกคือคนที่เข้าใจฉันที่สุดและฉันก็ไว้ใจแกมากที่สุด ถึงแม้ในใจจะรู้สึกผิดที่โกหกแกว่าไปกับเพื่อนทั้งที่จริงไม่ใช่
"ได้สิคะทำไมจะไม่ได้คุณแพรจะไปเป็นอาทิตย์ก็ยังได้เลยค่ะเพราะคุณๆคงกลับปลายเดือนโน่น"
"เหรอคะ แพรคิดว่ากลับอาทิตย์หน้าซะอีก"
"คุณแม่คุณแพรเพิ่งโทรมาบอกป้าเมื่อกี๊เองค่ะว่าจะอยู่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์เห็นว่าคุณพลอยอยากอยู่เที่ยวต่อก็เลยยังไม่กลับ"
"แล้วพ่อกับแม่ถามหาแพรมั้ยคะ"
"เอ่อ...ไม่ได้ถามค่ะ" พอได้ยินแบบนี้ฉันก็รู้สึกน้อยใจครอบครัวตัวเองเพิ่มมากขึ้นไปอีกทุกคนอยู่เที่ยวกันอย่างมีความสุขโดยไม่คิดถึงฉันเลยไม่มีโทรมาหาฉันเลยว่าเป็นยังไงบ้างอยู่บ้านคนเดียวหรือโทรมาถามว่าอยากได้ของฝากอะไรไหม ไม่มีใครโทรมาหาฉันเลยสักคน จะว่าไปมันก็เป็นปกติอยู่แล้วที่พ่อกับแม่หรือพลอยใสจะไม่โทรหาฉัน แค่คิดน้ำตาฉันก็พาลจะไหล
"คุณแพรไปเที่ยวให้สนุกเถอะนะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณแพรได้ไปเที่ยวไหนเลยแล้วป้าก็สัญญาว่าจะไม่บอกให้คุณๆทราบ ป้าอยากให้คุณแพรอยู่เที่ยวกับเพื่อนได้อย่างมีความสุขสนุกเต็มที่ไม่ต้องกังวลหรือห่วงอะไรทั้งนั้นค่ะ"
"ว่าไง ตกลงไปได้ใช่มั้ย"
"อื้มมม"
เวลาต่อมา....
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนเครี่องบินเพื่อเดินทางไปเชียงใหม่ ซึ่งพอฉันตอบตกลงว่าจะไปเชียงใหม่กับเขาคินก็โทรจองตั๋วเครื่องบินทันทีส่วนเจ้าปุกปุยคินเอาไปฝากไว้ที่ร้านพี่สาวของเขาเพราะจะเอาไปด้วยคงเที่ยวลำบากและไม่ถึงสามชั่วโมงเราก็มาอยู่บนเครื่องเรียบร้อยแล้วซึ่งครั้งนี้เป็นคร้้งแรกที่ฉันได้นั่งเครื่องบินถามว่ากลัวไหมฉันกลัวมากเพราะฉันเป็นโรคกลัวความสูง
"ทำไมนั่งตัวเกร็งแบบนี้ล่ะ"
"คือ....เรากลัว"
"กลัวอะไร อย่าบอกนะว่ากลัวเครื่องบิน"
"อื้มม เราไม่เคยขึ้นเครืองบินครั้งนี้ครั้งแรกก็เลยกลัว" ฉันสารภาพความจริงอย่างไม่อายซึ่งตอนนี้มือฉันชื้นไปด้วยเหงื่อ
"จริงดิ??" คินทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ ซึ่งก็คงไม่แปลกเพราะคงไม่มีใครไม่เคยขึ้นเครื่องบิน
"เราจะโกหกคินทำไม"
"งั้นฉันจะกุมมือเธอเอาไว้นะ"
"ขอบคุณนะ"
หลังจากนั้นเขาก็กุมมือฉันตลอดการเดินทาง ระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงมันช่างยาวนานเหลือเกินฉันกลัวจนใจสั่นไปหมดยิ่งมองออกไปนอนหน้าต่างเห็นวิวด้านนอกที่แทบจะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากก้อนเมฆฉันแทบอยากจะเป็นลม ยิ่งตอนเครื่องลงหูฉันอื้อไปหมดจนอยากจะอาเจียน
"ไหวไหม"
"ไม่ไหว ฮือออ คินตอนกลับเขาต้องนั่งเครื่องกลับอีกหรือเปล่า"
"ก็ต้องนั่งเครื่องดิชั่วโมงเดียวถึง ถ้านั่งรถกลับก็หลายสิบชั่วโมงเธอจะไหวไหมล่ะ เอางี้ตอนกลับก็กินยาแก้เมาละกันนะ"
"ก็ได้" จากนั้นเขาก็ดูแลเอาใจใส่ฉันดีมากคอยประคองฉันลงจากเครื่องจนกระทั่งถึงที่พักที่เขาจองเอาไว้ก่อนมาถึง มันเป็นรีสอร์ตที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา มันสวยมากๆ แม้ว่าตัวเองจะกลัวความสูงมากก็ตามแต่บรรยากาศมันดีมากๆจนฉันลืมกลัวฉันหลงรักที่นี่ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา อากาศก็ดีมากๆเย็นสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หมับ เสียงกอดจากทางด้านหลังทำเอาฉันสะดุ้งเพราะคินเดินมากอดฉันแม้ว่าเราจะเป็นแฟนกันมาสักระยะแล้วแต่เราเขาไม่เคยล่วงเกินฉันเลยนอกจากกอดแล้วก็แอบหอมแก้มฉันเท่านั้น เท่านั้นจริงๆมันก็เลยทำให้ฉันไว้ใจเชื่อใจเขา เขาเคยบอกว่าเขาจะไม่ล่วงเกินฉันถ้าฉันไม่ยินยอมแล้วเขาก็ทำได้จริงๆ เขาทำให้ฉันเชื่อใจเขาจนยอมมากับเขาถึงที่นี่ เขาเอาใจใส่ฉันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างเช่นฉันไม่ชอบทานเผ็ดเขาก็จะจำได้เวลาสั่งอาหารในโรงอาหารเขาก็จะสั่งแบบไม่เผ็ดมาให้ ฉันกับเขาส่วนมากจะได้คุยกันอยู่ด้วยกันแค่ในโรงเรียนเท่านั้นเพราะหลังเลิกเรียนฉันต้องรีบกลับบ้านซึ่งก็เป็นเขาที่อาสาไปส่งเขาจะมาส่งฉันในซอยจากนั้นฉันก็จะเดินออกจากซอยเพื่อเข้าบ้าน ถามว่ามีความสุขไหมที่ได้เป็นแฟนกับเขาได้อยู่กับเขาฉันมีความสุขมากเพราะฉันไม่เคยถูกเอาใจใส่จากใครเลยแม้แต่คนในครอบครัวเขาคือผู้ชายคนแรกและจะเป็นคนสุดท้ายเพราะชีวิตของฉันคงรักใครไมไ่ด้อีกแล้วนอกจากเขาแค่คนเดียว ฉันได้แค่ภาวนาว่าฉันกับเขาเราจะสามารถเดินไปด้วยกันอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่าแม้หนทางมันจะดูมืดมนจนมองไม่เห็นทางก็ตาม แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะเป็นคนรักที่ดีของเขาตลอดไปและฉันก็หวังว่าเขาดีกับฉันแบบนี้ตลอดไปเหมือนกัน