14 คิดถึงจัง
ผ้าแพร...
หลังจากที่บอกกับคินไปว่าฉันจะให้คำตอบเขาวันจันทร์ฉันก็มานั่งเครียดวิตกกังวลใจอยู่ที่สวนหลังบ้าน ใจหนึ่งฉันก็ดีใจที่เขามาสารภาพว่าเขารู้สึกยังไงกับฉัน เขาชอบฉันเหมือนที่ฉันชอบเขามันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากๆแต่มันก็เป็นไปแล้วมันคือความจริงแล้ววันนี้เขาก็ทำให้ฉันหวั่นไหวใจเต้นแรง ฉันไม่เคยไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสองเลยสักครั้งไม่เคยไปห้องผู้ชายไม่เคยถูกกอดไม่เคยถูกหอมแก้มไม่เคยถูกสารภาพรักแม้จะมีความหวาดระแวงอยู่บ้างตอนที่เขาพาไปที่คอนโด กลัวว่าเขาจะทำอะไรฉันมากกว่าการกอดหรือหอมแก้มเพราะทั้งห้องไม่มีใครเลยนอกจากเราสองคนแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจและรู้สึกไว้ใจเขามานิดนึงแต่อีกใจนึงฉันก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนเขาฉันมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองเลยว่าจะไปต่อกับเขายังไงถ้าเราเป็นแฟนกันก็อย่างที่รู้ๆว่าพ่อกับแม่ของฉันท่านคงไม่ยอมให้ฉันมีแฟนอย่างแน่นอนฉันต้องอยู่ดูแลท่านไปจนแก่เฒ่า
"เรียนจบแค่มอหกก็พอนะยัยแพรเพราะสมองอย่างแกน่ะไปสอบเข้าที่ไหนก็คงไม่ติดหรอกแกไม่ได้ฉลาดหรือเรียนเก่งเหมือนยัยพลอย ฉันวางอนาคตแกไว้แล้วว่าพอแกเรียนจบแกก็อยู่บ้านช่วยดูแลบ้านดูแลฉันกับพ่อแกไปจนแก่เฒ่าเข้าใจไหมยัยแพร" นั่นคือคำพูดของแม่ตอนที่ฉันเข้าไปบอกกับท่านว่าฉันจะไปสอบเข้ามหาลัย ฉันคิดว่าฉันจะแอบไปสอบถ้าสอบติดก็ค่อยบอกกับท่่านเผื่อบางทีท่านอาจจะใจอ่อนยอมให้ฉันเข้ามหาลัยที่สอบติด
"มานั่งคิดอะไรตรงนี้คนเดียวอีกแล้วล่ะ" พอหันไปก็เป็นพี่พีทพี่ชายข้างบ้านที่ฉันรู้จักและสนิทกับเขามาตั้งแต่เด็ก
"พี่พีท วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอคะ" ฉันถามพี่พีทที่ตอนนี้ลอดรั้วเข้ามานั่งกับฉัน
"เพิ่งกลับมาน่ะ พี่จะมาบอกเราว่าพี่จะไปเรียนต่อเมืองนอกนะ"
"เรียนต่อเมืองนอกเหรอคะ" วันนี้ฉันได้ยินคนพูดว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกสองคนแล้วนะทั้งคินทั้งพี่พีทมีแพลนจะไปเรียนต่อเมืองนอกทำให้ฉันรู้สึกใจหายเพราะเขาทั้งคู่ก็เป็นคนที่ฉันรัก อคินคือฉันรักเขาแบบคนรักส่วนพี่พีทฉันรักเขาแบบพี่ชายคนนึง แต่ในใจลึกๆฉันก็รู้สึกอิจฉาที่พวกเขาได้เรียนต่อสูงๆแต่ฉันคงไม่มีโอกาสได้เรียนต่อคงจะจบแค่มอหกเท่านั้นคิดแล้วก็น้อยใจตัวเองที่ครอบครัวไม่สนับสนุนเรื่องการเรียน
"ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนี้ล่ะ"
"แพรอยากเรียนต่อค่ะแต่แม่บอกว่าให้จบแค่มอหกก็พอ แพรอยากเรียนสูงๆแบบพี่พีท" ฉันบอกเขาเสียงเศร้าอย่างปิดไม่มิด
"อีกตั้งหลายเดือนไม่ใช่เหรอกว่าเราจะจบมอหกไว้เราค่อยไปขอพ่อกับแม่เราอีกทีก็ได้นี่"
"แพรก็คิดแบบนั้นค่ะก็หวังว่าแม่จะยอมให้แพรเรียนต่อมหาลัย" ฉันยิ้มเศร้าเล็กน้อยให้พี่พีท
"อย่าทำทำหน้าเศ้ราแบบนี้บ่อยๆดิเห็นแล้วพี่เศร้าไปด้วยเลยเราน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ"
"ใครจะไปยิ้มได้ตลอดเวลาเหมือนพี่พีทล่ะคะ คนมีความรัก" ฉันเอ่ยแซวพี่พีทเพราะฉันรู้ว่าช่วงนี้เขากำลังมีความรัก
"อย่าแซวพี่ดิพี่เขินนะ" พี่พีทพูดก่อนจะยิ้มหน้าแดง
"555ไม่แซวแล้วก็ได้ค่ะ"
หลังจากคุยกับพี่พีทแล้วฉันก็เก็บเสื่อเก็บหนังสือเรียนเข้าบ้านก็เจอพลอยใสเดินเข้าบ้านมาในมือหอบของพะรุงพะรังเข้ามา
"พี่มาช่วยฉันถือแล้วเอาไปไว้บนห้องทีสิ" พลอยใสสั่งฉันซึ่งฉันก็รีบเดินไปหาทันที
"ได้สิว่าแต่ไปซื้ออะไรเหรอเยอะแยะเลย" ฉันถามพร้อมกับยื่นมือไปรับถุงชอปปิ้งที่พลอยใสหิ้วเข้ามา
"ก็พวกเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเครื่องสำอางน่ะ เออเดี๋ยวพี่ไปช่วยฉันคัดพวกเสื้อผ้าที่ฉันไม่ใส่แล้วด้วยนะแล้วพี่ก็เอาไปฉันเบื่อแล้ว"
"อื้มมม" ฉันรับคำ คือมันเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะได้ของที่พลอยใสเบื่อแล้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าฉันไม่เคยมีของใหม่ใช้หรอกถามว่าฉันเคยอยากได้มั้ย ฉันเป็นผู้หญิงก็อยากได้ของใหม่เป็นธรรมดาแต่ฉันไม่มีเงินและถึงมีก็คงไม่มีเวลาไปหาซื้อ ทุกวันนี้ฉันได้เงินไปเรียนแค่วันละไม่กี่บาท แค่ค่ารถค่าอาหารกลางวันก็แทบจะไม่พอแล้ว ส่วนพลอยใสเธอไม่ได้นั่งรถเมล์แบบฉันหรอกพลอยใสจะไปกับรถที่บ้าน สาเหตุที่ฉันไม่ได้นั่งรถของที่บ้านเพราะโรงเรียนของฉันกับของพลอยใสมันอยู่คนละทางถ้าไปส่งใครคนนึงก่อนอีกคนก็ต้องสายแม่ก็เลยตัดปัญหาโดยการให้ฉันขึ้นรถเมล์ไปแทนส่วนพลอยใสก็ไปกับรถที่บ้านเพราะฉันโตแล้วแม่ให้เหตุผลแบบนี้ซึ่งฉันก็ยอมรับ ฉันไม่กล้าเรียกร้องอะไรมากเพราะฉันรู้ดีว่าเพราะอะไรแม่กับพ่อถึงรักพลอยใสมากกว่าฉัน
หลังจากช่วยพลอยใสเลือกเสื้อผ้าฉันก็หอบของพวกนั้นกลับมาที่ห้องของตัวเองแล้วจัดการแยกเสื้อกระโปรงแล้วใส่ไม้แขวนเข้าตู้ คือที่ฉันใส่เสื้อผ้าพลอยใสได้เพราะเราตัวพอๆกันคือฉันตัวเล็กน่ะออกจะไปทางผอม ฉันกับพลอยใสเราเป็นพี่น้องที่หน้าตาไม่เหมือนกันพลอยใสทั้งสวยทั้งดูดีกว่าฉันมากแม้จะอยู่แค่มอต้นแต่เธอแต่งตัวแต่งหน้าเก่งมาก ส่วนฉันแทบไม่เคยรู้จักชนิดของเครื่องสำอางเลยว่าเขาใช้อะไรกันบ้างโต๊ะเครื่องแป้งของฉันจะมีแค่ครีมทาผิว แป้งฝุ่น ลิปมันเท่านั้นแล่ะแค่นั้นจริงๆ
แล้ววันจันทร์ก็มาถึงฉันไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปในห้องเรียนเลยเพราะรู้ว่าคินน่าจะอยู่ในห้องแล้วเพราะตอนที่ฉันเดินเข้าโรงเรียนมาฉันเห็นรถเขาจอดอยู่ที่ลานจอดรถแม้จะไม่ได้อยากมองแต่ก็เห็นอยู่ดีเพราะรถเขาเด่นสะดุดตามากๆ
"ว่าที่แฟนมึงมาละไอ้คิน" เป็นเจ๋งเพื่อนสนิทของคินที่ตะโกนบอกคินเมื่อฉันก้าวขาเข้ามาในห้องซึ่งทั้งห้องมีนักเรียนอยู่หลายสิบคนพอเจ๋งพูดทุกคนก็หันมาทางฉันที่ยังยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนรวมถึงคินด้วยเขาเงยหน้าจากจอมือถือแล้วมองมาทางฉันด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะลุกมาหา คือตอนนี้ใจฉันเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งเขาเดินมาใกล้เท่าไหร่ใจฉันก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้นฉันอยากวิ่งหนีแต่ขาไม่ยอมขยับ
"คิดถึงจังไม่ได้เจอหน้าตั้งสองวัน"