บทที่5 ขัดขว้างความสุข
"จะแสนดีไปถึงไหนฮึ" ติณณภัทรอดกระแหนะกระแหนคู่หมั้นสาวไม่ได้พร้อมกับยื่นมือไปยีหัวเธอเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ ทำเอาอีกคนถึงกับหน้างอ พูดดุเจ้าของการกระทำเสียงเขียวเพราะกลัวผมเสียทรง "อย่าเล่น ผมนุชเสียทรงหมดแล้วภัทร"
"อะ ๆ จัดให้ใหม่ก็ได้" แทนที่คนถูกดุจะสำนึกกลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แต่มือก็ยอมเปลี่ยนเป็นลูบลงบนเรือนผมดกดำแทนเพื่อจัดแต่งทรงผมของเธอให้เหมือนเดิม นั่นจึงทำให้นีรนุชยิ้มได้
ภาพที่ทั้งสองหยอกล้อกันอย่างน่ารักมีสายตาของส้มที่นั่งหันหน้าไปทางคนทั้งสองมองอยู่ตลอดเวลา เธอรู้สึกอิจฉาตาร้อนจนต้องระบายกับเพื่อนสาว
"พี่นุชกับคู่หมั้นคงรักกันมากเนาะ ดูสิสวีทกันไม่เกรงใจคนในร้านเลย อยากมีโมเม้นท์แบบนั้นบ้างจัง"
"อยากมีก็รีบหาแฟนสิ อย่ามัวแต่บ่นอยู่" นับดาวตอบแบบขอไปทีโดยไม่คิดจะหันไปมองให้เสียลูกตา แต่ใครจะรู้ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เธอไม่ได้รู้สึกอิจฉา หรืออยากมีโมเม้นท์แบบนั้นสักนิด ตรงข้ามกันเธอเกลียดที่นีรนุชมีความสุขกำลังจะได้แต่งงานกับคนที่รักในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
ที่เธอเกลียดยิ่งกว่าคือนิ่มแม่เลี้ยงใจมารที่ดูจะมีความสุขจนออกนอกหน้ากับการได้ลูกเขยรวย และโปร์ไฟล์เพรียบพร้อมอย่างติณณภัทร
แต่อย่าหวังเลยว่าเธอจะปล่อยให้สองแม่ลูกมีความสุข เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขว้าง และทำให้ทั้งสองได้ลิ้มลองรสชาติของความเจ็บปวด ผิดหวัง เสียใจเหมือนที่มารดาเธอต้องเจอ
"ถ้าการหาแฟนมันง่ายเหมือนหาของกินในเซเว่นก็ดีสิ ฉันจะได้หาสักสิบคน" เสียงของส้มพูดขึ้นทำให้นับดาวหลุดจากภวังค์ความคิด เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมากับอาการอยากมีแฟนของเพื่อนที่เริ่มหนักขึ้นทุกที ก่อนจะเอ่ยปากชวนเพื่อนสาวกลับ "กลับกันเถอะ"
"อือ ๆ" สิ้นเสียงเพื่อนสาวส้มก็เรียกพนักงานมาเช็คบิล
จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับ
@บ้านนับดาว
"มานี่หน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก" ทันทีที่นับดาวย่างกายเข้ามาในบ้านเสียงของทนงศักดิ์ก็ดังขึ้น
เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาบิดาที่นั่งอยู่ในห้องโถงด้วยความจำใจ "มีอะไรคะ"
"อีกสองวันวันเกิดพี่สาวแก เราจะจัดงานเลี้ยงฉลองกันที่บ้าน แกต้องอยู่ร่วมงานด้วยนี่เป็นคำสั่ง" ทนงศักดิ์ออกคำสั่งอย่างเผด็จการไม่สนใจสักนิดว่าบุตรสาวจะรู้สึกอย่างไร
"มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหมคะ งั้นนับขอตัว" นับดาวเอ่ยอย่างเย็นชา มองหน้าบิดาด้วยใบหน้า และแววตาเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกลึก ๆ ในใจให้ท่านได้เห็น ว่าจบก็เดินตัวปลิวขึ้นห้องไปไม่สนใจเสียงเรียกบิดาที่ดังตามหลังมาสักนิด
เธอเดินมาหย่อนก้นนั่งริมหัวเตียง แล้วหยิบรูปถ่ายมารดาขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกคิดถึงสุดหัวใจ หากวันนี้ท่านยังอยู่ชีวิตเธอคงมีความสุขมาก ๆ ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ตั้งแต่มารดาจากไปเธอก็ไม่ต่างจากเด็กขาดความรักความอบอุ่น อยู่ในบ้านหลังใหญ่โตโออา มีเงินใช้สะดวกสบายแต่กลับหาความสุขไม่เจอเพราะบิดาเอาแต่สนใจเมียใหม่ และลูกคนใหม่
ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าชู้รักมากกว่าเพราะแอบกินกันมานานหลายสิบปีจนมีลูกด้วยกัน พอมารดาเธอตายได้ไม่ทันไรบิดาก็พาเมียน้อยกับลูกเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว
และจวบจนทุกวันนี้บิดาของเธอก็ยังรัก ยังให้ความสำคัญแต่เมียใหม่กับลูก วันเกิดนีรนุชท่านยังจำได้ดี หนำซ้ำยังจัดงานเลี้ยงฉลองให้ทุกปี
ส่วนเธอครั้งสุดท้ายที่บิดาจัดงานเลี้ยงฉลองให้คงเป็นเมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว ทุกวันนี้ท่านไม่มีให้แม้แต่คำอวยพรจะมีก็แค่เงินสดที่มอบให้เธอไปซื้อของขวัญเอาเอง
ท่านไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธออยากได้มากที่สุดคือ ความรัก ความอบอุ่น และความเอาใจใส่จากคนที่ได้ชื่อว่าพ่อต่างหากไม่ใช่สิ่งของ
เมื่อก่อนเธออาจจะเจ็บปวดเสียใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่ได้เผชิญมาตลอดหลายปีมันค่อย ๆ หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนเข้มแข็งในที่สุด
"นับจะเอาคืนทุกคนที่เป็นต้นเหตุทำให้แม่ต้องตาย" เธอกดเสียงพูดกับรูปถ่ายมารดาด้วยแรงแค้นทั้งหมดที่มี ก่อนจะวางรูปลงที่เดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาต่อสายหาใครบางคนเพื่อทำอะไรบางอย่าง
เธอจะลงมือเอาคืนสองแม่ลูกในคืนงานเลี้ยงวันเกิดนี่แหละ