บทที่3 ท้าทาย
เช้าวันต่อมา
@บริษัทออกแบบ
เสี่ยวหมี่เดินนวยนาดเข้ามายังบริษัทออกแบบชื่อดังที่เธอทำงานอยู่ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย เพราะเมื่อคืนเธอมัวแต่คิดเรื่องค่าเสียหายของรถหรูที่เพิ่งชนไป กว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็เกือบเช้า
"น้องเสี่ยวหมี่เป็นไงบ้างคะได้ข่าวว่าเมื่อวานเกิดอุบัติเหตุ" ทิพย์รุ่นพี่ในบริษัทเดินเข้ามาถามไถ่หญิงสาวทันทีที่เจอหน้า
"คนน่ะไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่ทิพย์ แต่รถคู่กรณีนี่สิ" เธอบอกกล่าวสาวรุ่นพี่ด้วยสีหน้าหนักใจ
"เสียหายมากเหรอน้องเสี่ยวหมี่"
"ไม่มากหรอกค่ะพี่ทิพย์ แค่ท้ายรถยุบนิดหน่อย"
"แค่ท้ายยุบค่าซ่อมคงไม่กี่บาทหรอกมั้ง อย่าเครียด" ทิพย์ตบลงบนบ่าปลอบใจสาวรุ่นน้องด้วยความเห็นใจ
"ไม่เครียดได้ไงล่ะคะพี่ทิพย์ รถที่หนูชนคือรถหรู Koenigsegg Ccxr Trevita "
"OMG อะไหล่แต่ละชิ้นของรถแพงมากเลยนะนั้น"
"ใช่ค่ะไม่ให้หนูเครียดได้ไงละคะพี่ทิพย์"
"เอาน่า...อย่าเครียด"
"ค่ะพี่ทิพย์ งั้นหนูขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ เมื่อวานไม่ได้เข้าบริษัทงานคงเยอะน่าดู" เธอระบายยิ้มบาง ๆ ให้สาวรุ่นพี่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
ครืด! ครืด!
ระหว่างที่เสี่ยวหมี่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อมองไปมองหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏว่าเป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา ก่อนจะกดรับสายเผื่อว่าใครโทรมาเพราะมีธุระสำคัญ
“สวัสดีค่ะ เสี่ยวหมี่พูดค่ะ”
(....)
“ใครพูดสายค่ะ?” เสี่ยวหมีเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อไร้เสียงตอบจากปลายสาย แต่ก็ยังได้รับความเงียบแทนคำตอบเหมือนเดิมจนเธอหมดความอดทนต่อว่าไปด้วยความไม่พอใจ
“บ้ารึเปล่าโทรมาแล้วไม่พูด หรือหากว่างมากก็ทำตัวให้เป็นประโยขน์จะดีกว่าไหมไม่ใช่มาก่อกวนคนอื่นเขา”
(ปากดีเหมือนเดิมนะคุณเสี่ยวหมี่ ผมเดย์คนที่คุณชนท้ายรถไง) คำต่อว่าของเสี่ยวหมีเหมือนจะได้ผลปลายสายตอบกลับมาทันทีตามด้วยเสียงเค้นหัวเราะเบา ๆ
เสี่ยวหมี่ถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อรู้ว่าคนปลายสายเป็นใครอยากจะต่อว่าให้แรงกว่าเดิม แต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงห้วน “จะดีไม่ดีมันก็ปากฉัน แล้วคุณโทรมามีอะไร”
(ปากดีไปเถอะระวังจะปากดีไม่ออก)
“ก็เรื่องของฉันไม่ต้องยุ่ง”
(หึ! สี่โมงเย็นมาเจอผมที่คาเฟ่ ผมจะคุยเรื่องค่าเสียหาย)
“คุยทางโทรศัพท์ก็ได้จะเสียเวลาไปนั่งคุยที่คาเฟ่ทำไม” เธอเอ่ยถามปลายสายอย่างไม่เข้าใจในเมื่อสามารถคุยทางโทรศัพท์ก็ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเห็นหน้าเขาด้วยรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ายังไงไม่รู้
(คุณไม่กล้ามาเจอผมรึไง กล้า ๆ ให้เหมือนกับปากหน่อยสิ ) ปลายสายจงใจพูดยั่วอารมณ์ และมันก็ได้ผล
“ได้ สี่โมงเย็นเจอกัน” เสี่ยวหมี่รับคำทันควันแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้กลัว หรืออะไรทั้งนั้น ว่าจบก็กดวางสายแล้วก้มหน้าเคลียร์เอกสารต่อเพื่อให้เสร็จทันก่อนสี่โมงเย็น เธอจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาหัวเราะเยาะได้ว่าเธอไม่กล้า
พอสี่โมงเย็นเสี่ยวหมี่ก็ออกจากบริษัทขับรถตรงไปยังสถานที่นัดหมายทันที
ครืด! ครืด!
โทรศัพท์เครื่องหรูของมาเฟียหนุ่มแผดเสียงดังขึ้นขณะที่เขากำลังนั่งรถไปยังร้านที่นัดหมายกับสาวคู่กรณีไว้ โดยมีลูกน้องเป็นคนขับรถให้ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์หญิงสาวเขาจึงกดรับสาย
(นัดฉันสี่โมงเย็นแต่ตัวเองยังไม่โผล่หัวมา ดีจังเนาะ!) เสียงพูดจากระแทกแดกดันดังมาตามสายทันทีที่กดรับ เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับปลายสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“รอไม่ได้ก็เชิญกลับไป”
(ถ้าไม่ติดว่าฉันทำรถคุณเสียหาย ฉันก็ไม่อยากเจอผู้ชายแบบคุณหรอก)
“คนอย่างผมมันทำไมห๊ะ!” เสียงทุ้มตวาดปลายสายดังลั่นเพราะรู้สึกมีน้ำโหเล็กน้อยกับคำพูดของเธอทำเอาลูกน้องที่ขับรถอยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจ แต่อีกคนหาได้กลัวไม่ตอบกลับอย่างท้าทาย
(มีสมองคิดเอาเอง)
“คุณชักจะท้าทายผมมากไปแล้วนะ”
(แล้วจะทำไมอย่ามาวางอำนาจใส่ฉัน แล้วก็รีบ ๆ มาด้วย ฉันไม่มีเวลามานั่งรอคุณทั้งวันหรอกนะรักษาเวลาหน่อยสิ ) ปลายสายรัวคำพูดใส่มาเฟียหนุ่มโดยไม่เว้นช่องว่างให้เขาได้ตอบโต้เลย ว่าจบก็รีบกดวางสายไปทิ้งเขานั่งหัวเสียอยู่คนเดียว
"เราจะได้เห็นดีกันเสี่ยวหมี่" เขาขบกรามแน่นจนนูนเป็นสันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่หญิงสาวพูดจาไม่เกรงใจทั้งที่เขาอายุเยอะกว่าเธอตั้งหลายปี