บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 นายตรี ปิ่นรักษา

นางตอบลูกชาย แล้วก็พูดต่ออีก “หนูแก้วให้พี่ตรีพาไปเดินชมสวนหลังบ้านนะ คุณลุงจัดแต่งสวนสวยมากเลย ป้าอยากให้เห็นมากจ้ะ”

“ค่ะ คุณป้า” เธอตอบรับคำแบบเลี่ยงไม่ได้ ‘นี่มันคือการยัดเยียดชัดๆ’ เธอพึมพำกับตัวเองเมื่อตอนนี้ถูกมัดมือชกให้ไปกับชายแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก และพอมองไปทางแม่ตัวเองอย่างต้องการคำอธิบาย ท่านก็เบือนหน้าหนี

“น้าฝากน้องด้วยนะพ่อตรี” ปูเอ่ยขึ้นเมื่อตรีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ครับ” เขาตอบรับคำยิ้มๆ แล้วเดินออกไป แต่ไม่ลืมเอ่ยชวนคนแต่งตัวเชยให้ตามตนเองไป “ไปเดินเล่นกันครับน้องแก้ว”

“ค่ะ หนูขอตัวนะคะป้าผกา คุณแม่ ป้าแพร ป้านิ่ม” แล้วเธอก็หมุนตัวเดินตามชายหนุ่มที่เดินนำหน้าไปก่อนทันที

“เป็นไงพวกหล่อน เหมาะสมกันว่าไหม” เมื่อทั้งสองเดินออกไปลับตาแล้ว ผกาก็เอ่ยปากขึ้นทันที

“มากเลยหล่อน เนี่ยพ่อตรีลูกแกน่ะหล่อมาก หนูแก้วก็น่ารัก เหมาะสมที่สุด” แพรเอ่ยเห็นด้วย

“ไม่มีใครเหมาะไปกว่าคู่นี้แล้วแก” นิ่มเองก็เห็นด้วยเช่นกัน

“อันนี้ก็แล้วแต่เด็กๆ นะผกา ถ้าทั้งสองไม่คลิกกัน ฉันก็ไม่อยากบังคับยัยแก้วนะแก” ปูเอ่ยขึ้นบ้าง

“เอาน่า...มันต้องคลิกแหละ หนูแก้วออกจะน่ารัก ส่วนลูกชายฉันน่ะก็...นั่นแหละ ตามเห็นในข่าวและมันเจ้าชู้ ฉันนะหวงจะตาย แต่ก็มาคิดดูแล้ว อายุลูกๆ ก็ไม่น้อยแล้ว พ่อตรีสามสิบสองแล้ว พ่อโทก็สามสิบสี่ และพ่อเอกคนโตเนี่ย นึกว่าจะหันเข้าวัดละทางโลกแล้วตอนนี้ อายุก็สามสิบหกปีแล้ว แต่ที่เลือกจัดการคนเล็กก่อน เพราะมันแรดกว่าพี่ๆ ของมัน” นางพูดถึงลูกชายทั้งสามแล้วก็อ่อนเพลีย แต่ละคนดื้อด้านกันทั้งนั้น แม้ว่านิสัยจะต่างกัน แต่ทุกคนก็รักสามัคคีกัน

เมื่อเดินมาอยู่ในสวนหลังบ้านหลังใหญ่ของตระกูลปิ่นรักษา มันสวยงามจริงๆ จัดตกแต่งน่ารัก และดอกไม้สวยๆ เต็มไปหมด มีดอกกุหลาบสีแดงที่เธอชอบด้วย ปอแก้วเดินไปจับดอกไม้แล้วก็โน้มตัวลงไปหอมสูดดมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ ความอ่อนโยนที่แสดงออกมาทำให้คนที่มาด้วยกันเผลอมองเพลินและเผลอยิ้มไม่รู้ตัวด้วยกับภาพที่เห็น

“ชอบเหรอ?” น้ำเสียงแข็งดังขึ้นทำให้เธอยืดตัวเต็มความสูงอันน้อยนิดแล้วหันมาทางเขา ตอนนี้สีหน้า แววตา ท่าทาง น้ำเสียงต่างจากเมื่อกี้มาก เขาคงเป็นตัวของตัวเองสินะ เขาไม่ชอบเธอสินะ และเธอเองก็ไม่ได้ชอบเขาด้วยเหมือนกัน

“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ แล้วเดินไปนั่งที่ศาลาริมสระบัวใกล้ๆ ตรีเองก็เดินตามไปนั่งในศาลาด้วยเช่นกัน

“แม่เราทั้งสองอยากให้เราหมั้นกัน”

“ค่ะ เพิ่งรู้เมื่อกี้เองว่าถูกคุณแม่หลอกมาดูตัว” เธอตอบไปตามความจริง

“ไม่อยากหมั้น?”

“ค่ะ ไม่อยากหมั้น” เธอตอบกลับแบบไม่คิดนาน

“อือ...ความคิดตรงกัน ว่าแต่ทำไมถึงไม่อยากหมั้นล่ะ”

“ก็ไม่ได้ชอบนี่คะ”

“เกลียด?”

“เพิ่งรู้จักกันจะเกลียดได้ไงคะ แต่ก็ไม่ได้ชอบค่ะ คุยกันได้”

“นั่นสินะ เพิ่งรู้จักจะเกลียดได้ไง แล้วจะทำยังไงถ้าเราสองคนถูกบังคับให้หมั้น”

“คุณแม่ของฉันไม่บังคับฉันหรอกค่ะ ถ้าฉันไม่ชอบ ท่านไม่บังคับแน่นอน”

เธอบอกเขาอย่างมั่นใจ และคำพูดห่างเหินนั่นก็ทำให้ตรีรู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อ่อนหวานอย่างภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็น การต่อปากต่อคำของเธอมันฉลาดและทันคน ‘เก่งใช้ได้ยัยหลักกิโล’ เขาพึมพำพึงพอใจ และรู้สึกสนุกที่ได้คุยกับเธอเสียแล้วสิ ปกติมีแต่ผู้หญิงต้องการวิ่งเข้าหา แต่กับหลักกิโลน้อยที่นั่งตรงข้ามคนนี้แสดงชัดเจนว่าไม่ต้องการสานสัมพันธ์หรืออยากรู้จักตนไปมากกว่าที่คุยตอนนี้

“แต่แม่ฉันชอบบังคับนี่สิปัญหา” เขาตอบสวนกลับ

“แต่แม่ฉันไม่บังคับแน่นอนค่ะ” เธอบอกกลับอย่างมั่นใจ

หึหึ

ตรีแค่นขำในลำคอมองคนตัวเล็กที่ล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าถือใบเล็กเหมือนกระติ๊บข้าวออกมากดเล่นไม่สนใจตน ‘นี่กูไม่น่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ?’ คนที่มั่นใจในเสน่ห์ตัวเองมาตลอด พอมาเจอกับปอแก้ว สาวแต่งตัวเชยคนนี้ถึงกับไปไม่เป็นเลยตอนนี้ เสน่ห์อันร้อนแรงที่มีล่อเพศตรงข้ามมันใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน

“ทำไมมั่นใจขนาดนั้น”

“เพราะฉันรู้จักแม่ฉันดีค่ะ” เธอเงยหน้าจากหน้าจอขึ้นมาตอบแล้วกดต่อสายหาเพื่อนที่โทรมาหาก่อนหน้านี้ แต่เธอไม่ได้กดรับสาย เพราะเข้าห้องน้ำอยู่ตอนนั้น พอจะกดรับก็สายตัดไปเสียแล้ว

“ฉันก็รู้จักแม่ฉันดีพอๆ กับเธอนั่นแหละหลักกิโล” เขาเน้นย้ำในท้ายประโยค ทำให้คนที่ไม่สนใจต้องเงยหน้าส่งสายตาไม่พอใจให้เขาทันที เกลียดที่สุดที่คนเอาปมความสูงเธอมาล้อแบบนี้

“ฉันแค่เตี้ยไม่ใช่หลักกิโล ไม่สนิทอย่ามาเรียกฉันแบบนี้” เธอตอบสวนกลับอย่างไม่พอใจพร้อมกับปลายสายที่โทรหากดรับสาย เธอจึงปรับอารมณ์ให้กลับมาปกติแล้วถามปลายสายไป

“มีอะไรรึเปล่าคะน้า” เธอกรอกเสียงส่งไปในสาย

ส่วนตรีก็ยิ้มขำท่าทางของหลักกิโลน้อยที่ตนตั้งให้เธอ ก็มันจริงๆ นี่ เธอตัวเตี้ยแค่อกเขาเองมั้งเนี่ย สูงถึงร้อยห้าสิบเซนติเมตรรึเปล่าก็ไม่รู้ และก็รอให้เธอพูดคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาถึงจะตอบกลับ เพราะเขามีมารยาทพอไม่พูดแทรกขณะคู่สนทนาติดสาย

“อือ...ไปได้ แต่ดึกหน่อยนะ รอแม่ปูหลับก่อน” เธอบอกตอบเพื่อนไปในสายเมื่อเพื่อนรักโทรมาชวนไปดื่มที่ผับที่ชอบไปประจำแถวทองหล่อ

“ว่าแต่มีใครไปบ้างรอบนี้” เธอถามถึงเพื่อนที่จะไปด้วยกัน เธอเรียนจบคหกรรมศาสตร์ ด้านอาหารและโภชนาการ เรียนจบมาได้สี่เดือนแล้ว ระหว่างนี้รอรับปริญญาบัตรเท่านั้น เพื่อนๆ ทุกคนก็ได้งานทำกันหมดแล้ว ส่วนเธอก็มารับช่วงต่อร้านขนมไทยชาววังของตระกูล เธอคือทายาทรุ่นที่ 34 ของตระกูลกรุงเก่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel