ตอนที่ 3 ชีวิตพลิกผัน(1)
ไม้เมืองออกมาจากบ้านของพ่อเลี้ยงราเมศวร์พร้อมกับเข้มมือขวาคนสำคัญของพ่อเลี้ยงและลูกน้องอีกเกือบ 10 คนเพราะหลังจากที่พ่อเลี้ยงรับปากไปแล้วเขาก็ไม่ได้ไว้ใจคนแบบไม้เมืองอีกต่อไป ยังไงซะวันนี้เด็กสาวที่ชื่อกิ่งไผ่ก็ต้องกลับมาพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขาอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงบ้านก็เจอเข้ากับกิ่งไผ่เด็กสาวที่กำลังทำงานบ้านอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสามส่วน การแต่งตัวแบบปอนๆ ของเธอทำให้เข้มมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารู้สึกเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวดูท่าทางเป็นเด็กกะโปโลแบบนี้คงจะไม่ใช่สเปคของเจ้านายเขาอย่างแน่นอน
" พ่อ พ่อพาใครมาเยอะแยะจ๊ะ "
ร่างเล็กของกิ่งไผ่เอ่ยถามผู้เป็นพ่อเลี้ยง เมื่อวันนี้เห็นคนมาเยอะผิดปกติเธอรู้สึกใจไม่ค่อยดี แต่ก็ยังแสดงสีหน้าเรียบเฉยเพราะไม่อยากให้คนที่มากับพ่อรู้ว่าเธอกำลังกลัว
" เธอคนนี้คือลูกสาวของพี่ไม้ใช่ไหม "
เข้มเอ่ยถามพร้อมกับมองหน้าของนายซึ่งเป็นบอดี้การ์ดมือซ้ายที่มาด้วยกัน
" ใช่ นี่แหละกิ่งไผ่ลูกสาวของฉัน นังไผ่ไปเก็บข้าวของแล้วไปกับพวกเขา ฉันขายแกให้กับพ่อเลี้ยงราเมศวร์แล้ว แกไปกับพวกเขาซะ "
ประโยคแรกไม้เมืองหันไปพูดกับเข้มและประโยคสุดท้ายหันมาพูดกับผู้เป็นลูกเลี้ยง ซึ่งคำพูดนั้นทำเอากิ่งไผ่อึ้ง ขายหรอ ขายอะไรกันมีสิทธิ์อะไรมาขายเธอให้กับคนอื่น
" ขายอะไรกันจ๊ะพ่อ หนูไม่ไปไหนทั้งนั้นนะ พ่อไม่มีสิทธิ์มาขายหนูให้ใครทั้งนั้น "
ริมฝีปากบางได้รูปเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธ ลำพังพ่อเลี้ยงของเธอไม่ยอมทำงานหาเงินเธอก็ไม่เคยว่าแล้วก็ไม่เคยบ่น แต่นี่อะไรอยู่ๆ จะมาขายเธอให้คนอื่น เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
" หึ! มึงคงไม่รู้อะไรสินะนังไผ่ ตลอดระยะเวลาที่แม่มึงรักษาตัว กูเป็นคนหาเงินค่ารักษาทั้งหมด แล้วมึงคิดว่าหน้าที่การงานแบบกูจะหาเงินที่ไหนมากมายมารักษาห๊ะ ถ้าไม่ใช่ไปกู้เขามา แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่มึงจะต้องตอบแทนบุญคุณของกูแล้วก็แม่มึงโดยการไปใช้หนี้ซะ เขาให้ทำอะไรก็ทำอย่าเรื่องมาก ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายเขาก็ไปเก็บข้าวของ "
ใบหน้าของเธอซืดเผือกด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตฉายแววความตกใจออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งนั่นก็ทำให้เข้มและนายรู้ได้ทันที พวกเขาทั้งสองคนมองดูสาวน้อยคนนี้ด้วยความเอ็นดูและสงสาร เด็กตัวแค่นี้ต้องมารับผิดชอบภาระอะไรตั้งมากมายที่ผู้ใหญ่เป็นคนก่อ
" แล้วพ่อเป็นหนี้เขาเท่าไหร่จ๊ะ หนูต้องไปอยู่นานเท่าไหร่ ทำไมหนูถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยล่ะ "
ริมฝีปากของเธอเม้มแน่นกลั้นเสียงสะอื้น แม้ในตอนนี้อยากจะร้องไห้ออกมาสักเพียงใดก็ทำได้แค่กล้ำกลืนผืนทนเก็บมันเอาไว้ในใจ
" 10 ล้าน แกต้องไปอยู่กับเขาจนกว่าหนี้จะหมดนั่นแหละ "
เมื่อได้ฟังตัวเลขใบหน้าของกิ่งไผ่ก็เคร่งเครียดในทันที พลันน้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้มเพราะตอนนี้มันกลั้นไม่ไหวแล้วมันไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก
" ทำไมจำนวนเงินมันมากมายขนาดนั้นล่ะจ๊ะพ่อ แล้วแบบนี้หนูไม่ต้องทำงานกับเขาไปตลอดชีวิตเลยหรอจ๊ะ "
ดวงตากลมโตที่ฉายแววของความหวาดกลัวโดยไม่อาจซ่อนมันเอาไว้ได้เพราะเธอมองผู้ชายหลายคนที่มาวันนี้ก็นับ 10 คนแต่ละคนก็ดูน่ากลัวกันทั้งนั้น
" กูไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้และตอนนี้มึงต้องไปกับพวกเขา ถ้าเขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ แล้วต่อจากนี้มึงกับกูก็เป็นอิสระจากกันมึงไม่ใช่ลูกกูอีกต่อไป ภาระหนี้สินมึงก็ใช้ให้มันหมดตอบแทนในฐานะที่เป็นลูกก็แล้วกัน "
คำพูดที่แสนไร้เยื่อใยนั้นทำเอากิ่งไผ่มีสีหน้าหดหู่เหลือเกิน เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตัวคนเดียวจริงๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเหมือนต้องอยู่ตัวคนเดียวทั้งๆ ที่มีพ่อเลี้ยงแต่ก็เหมือนไม่มีคอยแต่จะล้างผลาญเงินเธอไปวันๆ แต่พอมาถึงตอนนี้ที่โดนตัดขาดจริงๆ ก็รู้สึกใจหาย แม้ว่าพ่อเลี้ยงของเธอช่วงระยะหลังจะทำตัวเกเรแต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่ดีกับเธอ ตลอดเวลาที่แม่ของเธอยังอยู่พ่อเลี้ยงของเธอก็ดีกับเธอเสมอมา จนมาถึงวันนี้ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
" ถ้าพ่อต้องการแบบนั้นก็ได้จ่ะ ไผ่จะไปกับเขา ไผ่จะชดใช้หนี้แทนแม่เอง "
เสียงสะอื้นแทรกอยู่ในทุกคำพูดของเธอ เธอมองหน้าพ่อเลี้ยงของเธอเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสิ้นหวัง มันหมดแล้วจริงๆ กับความเคารพนับถือที่มีต่อกัน เงินที่เอามาใช้ในการรักษาแม่ของเธอเธอจะเป็นคนชดใช้มันเองทั้งหมด ส่วนพ่อเลี้ยงของเธอถ้าทำกันขนาดนี้ก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ต่อจากนี้เธอจะตัวคนเดียวอย่างสมบูรณ์ให้ได้
" รอไผ่หน่อยนะจ๊ะ "
น้ำเสียงที่สั่นเครือไปด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอเอ่ยออกไปให้กับเข้มและนายได้รอเธอสักครู่เพื่อไปเก็บของที่จำเป็นออกมาเท่านั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายสองคนนี้เป็นใคร แต่เธอก็จำใจต้องไปตายเอาดาบหน้า ชีวิตของเธอมันคงไม่แย่ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ กิ่งไผ่ใช้เวลาเก็บของอยู่แค่ไม่ถึง 10 นาทีก็ออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็กเพียงใบเดียว เข้มและนายมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ปกติแล้วผู้หญิงเวลาเดินทางไปไหนต้องใช้กระเป๋าตั้งหลายใบและของอีกมากมายต่างกับสาวน้อยคนนี้ที่ใช้เพียงแค่กระเป๋าใบเดียวเท่านั้นแถมยังเป็นกระเป๋าใบเล็กๆ ซึ่งดูจะไม่ได้มีเสื้อผ้ามากมายในนั้นด้วย
" เดี๋ยวผมช่วยถือครับ "
นายเอ่ยออกมาด้วยความสุภาพพร้อมกับเอื้อมมือไปจะหยิบกระเป๋าออกมาจากมือเรียวเล็กของเธอ แต่กิ่งไผ่ก็เก็บกระเป๋าเอามาไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง
" ไม่เป็นไรค่ะไผ่ถือได้ ไปกันเลยไหมคะ "
แม้ในใจจะรู้สึกหวาดกลัวผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่น้อยแต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไว้
เข้มและนายพร้อมกับลูกน้องอีก 10 คนพาเธอมาขึ้นรถตู้คันใหญ่ที่จอดรออยู่ที่หน้าปากซอย เนื่องจากรถเข้าไปในซอยบ้านไม่ได้ซอยมันคับแคบเกินไปจนต้องเดินเท้าออกมากันจนถึงหน้าซอยอยู่ในตอนนี้คนตัวเล็กได้เข้าไปนั่งอยู่ในรถตู้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีเข้มนั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็มีนายนั่งอยู่ข้างคนขับ
" ผมชื่อนายนะครับเป็นมือซ้ายของพ่อเลี้ยงราเมศวร์ ส่วนนั่นชื่อเข้มเป็นมือขวาคนสนิทครับ คุณไม่ต้องกลัวพวกเราไปหรอกนะครับถึงหน้าพวกเราจะดูโหดไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงหรอก คุณไปกับพวกเราแล้วคุณจะปลอดภัย "
นายเมื่อเห็นบรรยากาศในรถมันอึดอัดก็เลยเลือกที่จะพูดขึ้นมาเพื่อให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย หวังจะให้เข้มพูดคงเป็นไปไม่ได้ รายนั้นทั้งนิ่งทั้งดุอย่างกับอะไรดี จะหวังให้พูดคงต้องรอไปยันชาติหน้า ผิดกับตัวเขาที่ชอบพูดชอบชวนคุยชอบทำให้คนอื่นมีเสียงหัวเราะ และคำพูดนั้นก็ทำเอากิ่งไผ่รู้สึกคลายความกดดันลงไปได้บ้าง เธอสามารถผ่อนคลายลงได้นิดหน่อยเมื่อรู้จักชื่อของคนที่เธอต้องไปทำงานด้วย พร้อมกันนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความไม่มีพิษไม่มีภัยนั่นด้วย
" ใกล้จะถึงแล้วนะครับ "