1 ใจหาย
ณ ผับแห่งหนึ่งกลางเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกามนสิชาสาวไทยเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มกำลังออกไปเต้นกับเพื่อนร่วมงานอย่างสนุกสนาน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้สนุกสุดเหวี่ยงแบบนี้เพราะเธอเพิ่งลาออกจากบริษัทและกำลังจะกลับประเทศไทย
หญิงสาววัย 26 มาทำงานที่นี่ได้ 4 ปีแล้ว เธอเรียนจบการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศและได้เข้าทำงานเป็นเลขานุการของผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สาขาประเทศไทย พอถึงคราวที่เขาต้องย้ายกลับมาประจำที่สาขานิวยอร์กเขาเลยชวนเธอมาทำงานที่นี่ด้วย
“แพทต้องคิดถึงมอลลี่มากแน่ๆ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดกับมนสิชาด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันระหว่างที่หญิงสาวเดินกลับเข้ามานั่งพักเหนื่อย
“เอาไว้มอลลี่จะวิดีโอคอลมาหาบ่อยๆ นะ” เธอตอบด้วยภาษาเดียวกัน
“แพทว่ามอลลี่น่าจะพาแกรนด์มาย้ายมาอยู่ที่นี่นะ”
“มอลลี่ชวนตั้งหลายครั้งแล้วแต่ท่านไม่ยอมมา” มนสิชาเคยชวนยายของเธออยู่ด้วยกันที่นี่หลายครั้งแล้วแต่คุณยายก็ไม่ยอมมาอยู่ด้วย และที่มนสิชาต้องลาออกแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านก็เพราะคุณยายของเธอไม่ค่อยสบายและคนที่เธอจ้างให้ดูแลก็ทนกับความดื้อของยายเธอไม่ได้
“แล้วกลับไปจะไปทำงานอะไรล่ะ สาขาที่ไทยตอนนี้ก็ตำแหน่งไม่ว่างเลย”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน” มนสิชายังไม่ได้วางแผนอะไรเลยสักอย่างเพราะยังสนุกกับงานและไม่เคยคิดว่าจะต้องกลับประเทศบ้านเกิดเร็วแบบนี้
“มอลลี่ต้องกลับไปอยู่ที่เมืองไทยอย่างนี้อลันเขาว่ายังไงบ้าง”
อลันที่แพทริเซียพูดถึงคือแฟนหนุ่มของมนสิชาทั้งสองคบกันหลังจากที่หญิงสาวย้ายมาทำงานที่นี่ได้สองปีเขากับเธอคบหากันในฐานะคนรักแต่ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องอนาคตเพราะต่างก็ยังอายุน้อยด้วยกันทั้งคู่
“แล้วมอลลี่บอกเขาหรือยังว่าจะเดินทางพรุ่งนี้”
“บอกแล้ว”
“เขาว่ายังไงบ้าง”
“ก็มีบ่นๆ บ้าง” เธอรู้สึกเห็นใจแฟนหนุ่มอยู่บ้างเพราะจู่ๆ ตนเองก็ต้องกลับเมืองไทยอย่างกะทันหัน ซึ่งก่อนหน้านี้เธอไม่เคยพูดถึงการกลับไปอยู่ที่บ้านเลย
“แต่ถ้ากลับไปอยู่เมืองไทยแล้วก็อาจจะลองดูว่ามีงานอะไรที่อลันพอจะทำได้บ้าง”
“มอลลี้พูดเหมือนจะไม่กลับมาที่นี่อีกเลย อย่าลืมนะว่าหัวหน้ายังไม่เซ็นใบลาออก”
หัวหน้าของมนสิชาอนุญาตให้เธอกลับบ้านได้ตามที่เธอต้องการโดยยังไม่ต้องลาออกเพราะคิดว่าเธอคงไปไม่นานและก็กลับมาทำงานอีกครั้งถ้าทุกอย่างเรียบร้อย
“ก็พูดเผื่อไว้ก่อน ตอนนี้ยายของมอลลี่ก็อายุมากแล้ว ท่านไม่มีลูกหลานคนอื่นดูแล”
“แล้วทำไมงานเลี้ยงวันนี้อลันถึงไม่มาด้วยล่ะ”
“เขายังติดงานอยู่นะ แต่ตอนกลับเดี๋ยวอลันจะมารับ”
“แพทขออวยพรให้มอลลี่โชคดีนะ ไปถึงที่นั่นแล้วก็ส่งข่าวคราวมาบ้าง บางทีแพทกับเพื่อนๆ ที่นี่อาจจะไปเที่ยวหา”
“ได้เลยมอลลี่ยินดีต้อนรับทุกคน บ้านของมอลลี่อยู่ทางภาคเหนืออากาศไม่ได้ร้อนมาก”
“ดีเหมือนกันพวกเรา พวกเราก็ไม่เคยไปเที่ยวเมืองไทยสักทีสงสัยจะได้ไปกันก็คราวนี้แหละ”
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาความจริงข้อนี้คงไม่มีใครปฏิเสธ เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังอวยพรให้กับมนสิชาหรือเพื่อนๆ ที่นี่จะเรียกเธอว่ามอลลี่เพราะง่ายต่อการออกเสียง
หญิงสาวรู้สึกใจหายที่จะต้องจากทุกคน แต่เทคโนโลยีสมัยนี้ก็ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้และมันคงทำให้เธอคลายความคิดถึงลงได้บ้าง ขนาดเพื่อร่วมงานยังรู้สึกขนาดนี้แล้วกับอลันล่ะ เธอไม่รู้เลยว่าถึงนาทีที่ต้องจากเขาจะรู้สึกใจหายมาแค่ไหน
มนสิชาเดินแยกจากเพื่อนแล้วก็เดินมายืนรอแฟนหนุ่มซึ่งเขาโทรมาบอกว่ากำลังลงจากรถไฟและจะเดินมารับเธอที่หน้าผับ
“มอลลี่รอนานไหม” อลันมาถึงหลังจากผ่านไปสิบนาทีตามที่เขาบอก ชายหนุ่มเป็นชาวอเมริกันแท้ที่มีรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวจมูกโด่งคิ้วเข้มมีไรหนวดสีเขียวครึ้มบริเวณสันกรามเสริมให้ใบหน้านั้นดูหล่อเหล่าจนบางครั้งก็เคยมีคนมาเสนอให้เขาไปเป็นนายแบบถ่ายภาพนิ่งซึ่งก็มีหลายงานที่อลันรับเพราะค่าจ้างที่ได้ค่อนข้างจะมากอยู่พอสมควร
“ไม่นานเลย อลันมาตรงเวลา”
“หิวไหมเมื่อกี้ได้กินอะไรหรือเปล่า ผมเอาเบอร์เกอร์มาด้วย”
“ขอบใจนะ” มนสิชารับแฮมเบอร์เกอร์ที่เขาแกะกระดาษออกให้เรียบร้อยแล้วเข้าปากด้วยท่าทางอย่างเอร็ดอร่อย
“เราจะเดินกลับหรือเรียกรถดีละมอลลี่” อลันและมนสิชาไม่มีรถขับเพราะการเดินทางที่นี่สะดวกสบายจนไม่คิดจะซื้อรถ
“เดินไปดีกว่า มอลลี่อยากเดินคุยกับอลันไปเรื่อยๆ”
“ได้สิ ผมก็อยากเดินจับมอลลี่ไปแบบนี้เหมือนกัน”
หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะหันมาสนใจแฮมเบอร์เกอร์เจ้าดังที่เธอชอบทาน แต่วันนี้กลับรู้สึกว่ารสชาติของมันช่างฝืดคอจนแทบกลืนไม่ลง
“ไม่อร่อยเหรอ” อลันเห็นว่าคนรักกัดไปเพียงไม่กี่คำขณะที่เขานั้นกำลังจะกัดคำสุดท้ายเข้าปาก
“อร่อย แต่เมื่อหัวค่ำมอลลี่กินข้าวไปเยอะ อลันเอาของมอลลี่ไปกินนะ”
“ได้สิ” ชายหนุ่มรับแฮมเบอเกอร์ในมือของแฟนสาวมากัดอย่างไม่รังเกียจ กัดเพียงไม่กี่คำแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตก็หมด เขาทิ้งกระดาษลงถังขยะแล้วรับน้ำในมือของหญิงสาวมาดื่มก่อนจะทิ้งขวดลงในถังขยะแล้วจับมือกันเดินไปตามถนนที่ทอดยาวที่ดูเหมือนว่าบรรยากาศมันจะดูเหงาๆ กว่าทุกครั้ง