1.สมัครงาน
1.สมัครงาน
มิราพึ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆ เธอเป็นเด็กทุนเพราะเรียนเก่ง และกำลังหางานทำเพราะมีน้องสาวที่กำลังเรียนหนังสืออีก ซึ่งเธอและน้องสาวมีกันอยู่แค่สองคน งานก็หายากขึ้นทุกวัน เธอเป็นเด็กจบใหม่ประสบการณ์ก็ยังไม่มี วันนี้ทั้งวันเธอก็ยังไม่ได้งานที่ไหนเลยสักที่ ซึ่งเธอก็ออกหางานทำมาเกือบเดือนแล้ว
"พี่มิราได้งานมั้ย" เป็นเสียงของลิลินที่กำลังตั้งใจทำการบ้านอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ แต่ก็อบอุ่น ลิลินเอ่ยถามพี่สาว ขณะที่มิรากำลังเปิดประตูห้องเข้า มิราส่ายหัวให้กับน้องสาวเบาๆ วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินอากาศก็ร้อน งานก็หาไม่ได้
"ไม่เป็นไรนะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้" ลิลินให้กำลังใจพี่สาวแบบนี้เสมอ ก็เธอมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ก็ต้องรักกันเป็นธรรมดา สำหรับลิลิน มิราคือทุกอย่าง เป็นพี่เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีมิราพี่สาวคนนี้คอยดูแล ลิลินคงไม่ได้เรียนหนังสือ และลิลินก็รักพี่มิราของเธอมาก อายุของทั้งสองคน ค่อนข้างห่างกันมากพอสมควร ตอนพ่อกับแม่เสียไป ลิลินยังเล็กมาก มิราเป็นพี่ต้องรับภาระเลี้ยงและดูแลน้องเพียงคนเดียวมาตลอด ตอนที่เธอเรียนอยู่เธอก็หางานพาร์ทไทม์ทำ เธอเรียนไปทำงานไป และก็มีน้องเล็กให้ต้องดูแลอีกด้วย ช่วงที่เธอทำงานตอนกลางคืน เธอก็มักจะฝาก น้องสาวไว้กับเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านของเธอก็ใจดี ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเธอโชคดีมาก
"หิวมั้ย พี่ซื้อข้าวมาฝากลินด้วยนะ" บ้านที่ทั้งสองคนอยู่ เป็นบ้านเช่า เดือนละถูกๆ อยู่ในสังคมแออัดที่คนจนๆ ส่วนมากที่ไม่มีที่ไปมักจะมาอยู่กัน
"เดี๋ยวลินหยิบน้ำให้นะ พี่มาเหนื่อยๆ" มิราเธอมีน้องสาวที่น่ารัก ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ เพราะอย่างน้อยเธอก็รู้ว่าควรทำไปเพื่อใคร ลิลินอายุสิบห้าปี เธอกำลังเรียนอยู่มัธยมต้นปีสุดท้าย เป็นเด็กน่ารักร่าเริงพูดเก่งยิ้มก็เก่ง ความสวยไม่น้อยไปกว่าคนเป็นพี่เลย
"ลิน พี่ว่างานอะไรถ้าทำแล้วได้เงิน ของให้เป็นงานสุจริตพี่ว่าพี่จะทำ" มิราเริ่มคิดแล้ว ถ้าขืนจะใช้วุฒิการศึกษาคงต้องอดตายกันแน่ๆ น้องเธอก็ต้องเรียน ต้องกิน ต้องใช้ เธอเองก็ด้วย
"ลินก็เห็นด้วยกับพี่นะ" เพราะที่ผ่านมามิราเธอก็ทำงานหนักมาตลอด เรียนก็หนัก แถมช่วงเย็นมิราก็ต้องทำงาน ที่มีกินมีใช้ได้ก็เพราะงานนี่แหละ เพราะฉะนั้น ไม่ว่างานอะไร เธอก็จะทำแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปนั่งโต๊ะหรืออยู่ในห้องแอร์ เธอก็ทำได้หมดอยู่แล้ว
"อืองั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ พี่จะออกหางานใหม่" สองพี่น้องถึงอายุจะห่างกันมาก แต่ก็เป็นเพื่อนคุยกันได้เสมอ มีอะไรก็มักจะปรึกษากันแบบนี้เป็นประจำ
"ลินเอาใจช่วยนะคะ" ลิลินยิ้มให้พี่สาวของเธอเหมือนอย่างเช่นเคย ทำให้มิรามีกำลังใจสู่ต่อไปเพื่อน้องสาวสุดที่รักของเธอคนนี้
ทางด้านอาทิตย์
"คุณดา มีพี่เลี้ยงมาสมัครกันอีกมั้ย คนล่าสุดออกอีกแล้ว ผมละปวดหัวจริงๆ หรือว่าเงินเดือนมันจะน้อยไป" อาทิตย์ปวดหัวกับเรื่องนี้มาก น้องเกียร์ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ก็กำลังซน แกอายุสามขวบ เป็นเด็กฉลาด น่ารัก พูดและคุยเก่ง แต่ที่ทำให้พี่เลี้ยงต้องลาออกบ่อยๆ ปัจจัยสำคัญจริงๆ ก็คือเงื่อนไข เพราะพี่เลี้ยงที่มาทำงานนี้ จะต้องมาประจำอยู่ที่บ้านตลอด ซึ่งแต่ละคนมีความจำเป็นหลากหลายกันไป จึงทำให้ไม่มีคนอยู่ได้ แต่ที่บ้านของคุณอาทิตย์ ก็มีแม่บ้าน ซึ่งแม่บ้านพวกนี้ก็มีแต่อายุมากๆ กันแล้วจะให้มาเลี้ยงเด็กด้วยคงจะไม่ไหว
"ไม่มีเลยค่ะ มีแต่มาสมัครงานเป็นพนักงานค่ะ" คุณดา เลขาอายุเกือบเข้าเลขสี่แล้ว เธอทำงานเป็นเลขาให้อาทิตย์มานาน กำลังรายงานตามที่เจ้านายถาม
"คุณเอาใบสมัครงานพวกนั้นมาให้ผมสิ" อาทิตย์ต้องการจะคัดเลือกพี่เลี้ยง เขาจะเอาจากใบสมัครที่มีคนมาสมัครงานนี่แหละ เผื่อจะมีคนสนใจที่จะมาทำงานนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า จะมีคนสนใจหรือเปล่า เพราะคนพวกนี้มาสมัครงานบริษัท ไม่ได้มาสมัครงานเลี้ยงเด็ก แต่อาทิตย์ก็หวังว่า ต้องมีสักคนแหละน่า
"ค่ะ" อาทิตย์เอาใบสมัครงาน ที่คุณดาเลขาของเขาเอามาให้ เปิดดูและกำลังที่จะคัดเลือก หลังจากที่เขาคัดเลือกคุณสมบัติตามที่เขาต้องการแล้ว เขาก็ให้เลขาไปจัดการต่อ โทรไปสอบถามว่ามีใครอยากจะทำงานนี้บ้าง
คนที่มาเป็นพี่เลี้ยงน้องเกียร์ มักจะออกกันบ่อย มีหลายสาเหตุจากที่ผ่านๆ มาเพราะคนที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องเกียร์ได้ จะต้องมาประจำอยู่ที่บ้านทุกวัน มีวันหยุดให้หนึ่งวันคือวันอาทิตย์ วันที่คุณอาทิตย์หยุดงาน เพราะเขาจะเลี้ยงลูกเอง แต่ถ้ามีงานด่วนเข้ามา พี่เลี้ยงคนนั้นก็จะต้องอยู่ เพื่อที่จะต้องเลี้ยงลูกให้เขา แล้วได้เป็นค่าโอทีเป็นค่าตอบแทน ซึ่งเรียกได้ว่า แทบจะไม่มีวันหยุดเลย และคนที่จะมาทำงานนี้ได้ก็จะต้อง โสดเท่านั้น เพราะจะได้ไม่มีภาระให้เจ้านายอย่างเขาต้องปวดหัว แลกกับค่าแรงที่มากกว่าเลขาของเขาเสียอีก
"คุณดาครับ คุณช่วยโทรหาคนที่ผมเลือกให้หน่อย บอกพวกเขาว่าเป็นงานพี่เลี้ยงเด็ก เงินเดือนสามเท่าของค่าแรงขั้นต่ำ ถ้าใครอยากทำ มาหาผมพรุ่งนี้เช้าได้เลย" เลขารับเอาใบสมัครงานไปดำเนินงานตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งทันที
"สวัสดีค่ะ มิรารับสายค่ะ" มิราเมื่อเห็นเบอร์แปลกเธอก็รีบรับทันที เพราะเธอคิดว่าน่าจะเป็นเบอร์ของบริษัทไหนสักที่ โทรมาให้เธอไปสัมภาษณ์หรือไม่ก็ไปทำงานเลยก็ได้ ตอนนี้ความหวังและการรอคอยของเธอทำให้เธอตื่นเต้นกับสายที่กำลังรับสายอยู่
"สวัสดีค่ะ พี่โทรมาจากบริษัท...ที่คุณได้ยื่นใบสมัครไว้นะคะ" และมันก็เป็นสายของบริษัทใด บริษัทหนึ่งจริงๆ ด้วย
"จริงเหรอคะ ดิฉันจะได้งานทำแล้วใช่มั้ยคะ" น้ำเสียงดีใจออกไป ทำให้คู่สนทนา ที่กำลังพูดสายอยู่ในขณะนี้ รู้สึกมีความหวังว่าเธอคนนี้จะต้องยอมไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เพราะใบนี้เป็นใบสมัครใบสุดท้ายที่คุณดาโทรหา และทุกคนที่ผ่านมาก็ปฏิเสธหมด เพราะงานที่เรียกให้ไปทำ ไม่ตรงตามความต้องการของพวกเขา
"ค่ะแต่...งานที่คุณจะได้ทำ คืองานเลี้ยงลูกเจ้านาย ถ้าคุณสนใจ คุณก็ได้งานนี้เลย สนใจมั้ยคะ" คุณดากำลังตั้งใจฟังคู่สายที่กำลังจะตอบกลับมา
"สนใจค่ะ งานอะไรก็ได้ ดิฉันไม่เกี่ยง ขอแค่ให้เป็นงานที่สุจริตก็พอค่ะ" ตามที่เธอตั้งใจไว้แล้ว งานอะไรเธอก็จะทำ จะได้มีเงินมากินมาใช้ และคำพูดของเด็กคนนี้ทำให้คุณดานึกเอ็นดูเข้าไปอีก ที่พูดว่าขอแค่ให้เป็นงานที่สุจริตก็พอ
"งานนี้ค่าแรงสามเท่าด้วยนะคะ พรุ่งนี้เชิญที่บริษัทมาให้ได้นะคะ" คุณดาไม่ลืมที่จะพูด ถึงแรงจูงใจที่จะทำให้เธอคนนี้มาทำงานให้ได้ คุณดากลัวว่าเธออาจจะเปลี่ยนใจ เธอขี้เกียจหาคนใหม่แล้ว
"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" เมื่อสายถูกตัดไป คุณดาพ่นลมหายใจออกมา เพราะใบสมัครใบนี้เป็นใบสุดท้าย ที่มีเกือบยี่สิบใบที่โทรไปก็ถูกปฏิเสธหมด เหลือใบนี้ใบสุดท้ายโชคดีที่เธอตกลง ค่อยยังชั่ว
"ลิน พี่ได้งานทำแล้วนะ" น้ำเสียงดีใจเอ่ยบอกน้องสาว
"จริงเหรอพี่ ลินดีใจด้วยนะ"
"แต่งานที่เขาให้พี่ไปทำ เป็นงานเลี้ยงเด็ก เงินเดือนสามเท่า" เธอรู้สึกว่าที่เขาให้เงินเดือนเยอะขนาดนี้ มันต้องมีอะไรแน่ๆ แต่เธอก็จะลองเสี่ยงดู
"ทำไมเขาให้เงินเดือนสูงจัง แค่เลี้ยงเด็กเนี่ยนะพี่" ลิลินสงสัย มิราก็เช่นกัน
"พี่ก็ไม่รู้แต่ยังไงพี่ก็จะต้องทำงานนี้ให้ได้" มิรา ตอบน้องสาวอย่างมั่นใจ ไม่ว่างานจะยากขนาดไหน หรือเด็กอาจจะดื้อ เธอก็ต้องทำงานนี้ให้ได้
"ถ้างั้นลิลินเอาใจช่วยนะคะ" ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ ต่อไปนี้เธอก็จะมีเงินส่งน้องสาวของเธอเรียน ไม่ต้องกินอดกินอยากอีกต่อไปแล้ว ปีหน้าขึ้นชั้นใหม่ต้องใช้เงินอีกมาก นี่ก็ใกล้จะปิดเทอมแล้ว ไหนจะชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า และอุปกรณ์การเรียนอีก