4.ไม่ได้พูดเล่น
เมืองเล็กๆ ในหุบเขาที่มีบรรยากาศดีเยี่ยมในการพักผ่อน เฟรญ่ามาที่นี่ตั้งแต่เมืองสองปีก่อน เธอตั้งใจว่าจะพักผ่อนเป็นการชั่วคราว แต่ทว่าเธอดันชอบบรรยากาศความเงียบและความอบอุ่นของที่นี่มากทีเดียว ในระหว่างที่พักอยู่ที่นี่ ก็มีเจ้าของโรงแรมประกาศขายโรงแรมเพราะว่านางจะแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่เมืองอื่นกับสามี เฟรญ่ามองว่านั่นคือโชคชะตาล่ะ
แน่นอนว่าเงินที่เธอมีในบัญชีนั้น เธอไม่ต้องทำงานจำนวนเงินในนั้นก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แบบไม่มีวันกินใช้จนหมดเลยด้วยซ้ำ เพราะมันถูกฝากเข้าเรื่อยๆ จากท่านพี่มาทอส
แต่เฟรญ่าชอบที่นี่ เธอถึงได้ตัดสินใจซื้อโรงแรมนี้ต่อจากเจ้าของคนเก่า และปรับปรุงใหม่เพื่อให้โรงแรมแห่งนี้เหมาะสมกับบรรยากาศที่จะต้อนรับนักเดินทางต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามา
“มีห้องพักว่างรึเปล่าครับ”
เฟรญ่าส่งยิ้มให้กับทหารรับจ้างคนหนึ่งที่เดินเข้ามาถาม
“ไม่ทราบว่าอยากจะได้ที่พักกี่ห้องคะ”
“สี่ห้องครับ ขอห้องที่ดีที่สุดสำหรับหัวหน้าของเราด้วย”
เฟรญ่าหยิบตารางการเข้าพักขึ้นมาดู ปกติแล้วเธอไม่ได้เป็นพนักงานต้อนรับด้วยตัวเอง เพราะจะมีเกรซเป็นคนรับหน้าที่นี้ แต่เพราะว่าวันนี้ในหมู่บ้านมีงานเลี้ยงฤดูเก็บเกี่ยว เกรซที่ต้องช่วยแม่ของนางตั้งร้านขายของก็เลยมาถึงที่นี่ช้าจากเวลางานนิดหน่อย
“สี่ห้องนะคะ ไม่ทราบว่าจะพักกี่วันคะ”
เดม่อนมองหน้าของสตรีเบื้องหน้าด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เขาไม่เคยพบเจอสตรีที่งดงามโดดเด่นเช่นนี้มาก่อนเลย
“เรื่องนั้นข้าคงจะต้องไปถามหัวหน้าของเราก่อน..รอสักครู่นะครับ”
“คงจะดีหากว่าท่านเรียก..หัวหน้าของท่านมาคุยกับข้า เพราะมีเรื่องค่าประกันและค่าเข้าพักห้องชั้นบนที่แพงกว่าห้องอื่นเล็กน้อย..”
ในเมื่อเขาต้องการห้องที่ดีที่สุด เช่นนั้นก็จะต้องจ่ายในราคาที่สมน้ำสมเนื้อหน่อยสิ เธอไม่ได้เห็นแก่เงินแต่เพราะว่าในช่วงนี้คืองานเทศกาลที่ใหญ่มากในเมืองเดียลอร์ล จะมีนักเดินทางหลั่งไหลเข้ามาที่นี่อย่างแน่นอนในช่วงสองสัปดาห์นี้และห้องชั้นบนสุดของโรงแรมถือเป็นห้องพักที่นักเดินทางมากมายต้องการเข้าพัก..
เดม่อนเดินออกมาด้านนอกเพื่อมาตามหัวหน้าของเขาไปพูดคุยกับผู้ดูแลห้องพัก
“ดูเหมือนว่าคนที่นี่จะเรื่องเยอะมากทีเดียว..ไม่เป็นไรเดม่อน เดี๋ยวข้าจะเข้าไปคุยเอง พวกเจ้าพาม้าของเราไปพักที่ด้านหลังเถิด”
มาร์เซลคิดว่าเขากำลังหงุดหงิดมากพอสมควร เพราะว่าเขาเดินทางอย่างเหนื่อยล้าเพื่อมาที่นี่ เขาเดินเข้าไปด้านในโรงแรม บรรยากาศด้านที่นี่ดูราวกับคฤหาสน์หรูๆ สักหลังเลย
ดวงตาสีทับทิมของเขาจ้องมองไปยังพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ สิ่งที่แสนสะดุดตาคือเรือนผมสีเงินที่เด่นชัดและดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ดวงหน้างามในแบบที่เขาเข้าใจท่าทีประหม่าของเดม่อนที่เดินออกไปจากที่นี่แล้วละสิ คราแรกเขาคิดว่าเพราะ เดม่อนอาจจะถูกผู้ดูแลโรงแรมทำท่าเรื่องมากใส่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้น
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่านายท่านจะเข้าพักกี่วันคะ”
เฟรญ่าเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ชายเบื้องหน้าดูเด็กมากกว่าที่เธอคิด เพราะในคราแรกที่ทหารรับจ้างคนแรกบอกว่าจะไปเรียกหัวหน้าของเขามา เธอคิดว่าจะเป็นชายหนุ่มที่ดูสูงอายุและน่าเกรงขามมากกว่านี้ซะอีก
“เรื่องนั้นข้าจะพักอยู่ที่นี่สักสองเดือนครับ..”
สองเดือน? ถือเป็นระยะเวลาที่นานมากพอสมควรกับโรงแรมหรูและทหารรับจ้างแบบพวกเขา
“เช่นนั้นข้าต้องขอเก็บค่าเข้าพักล่วงหน้า..”
เขาวางถุงทองลงบนเคาน์เตอร์
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ว่าแต่พี่สาวเป็นพนักงานของที่นี่เหรอครับ”
แค่ดูชุดเดรสที่สวมก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็นพนักงานแต่เป็นเจ้าของที่นี่ต่างหาก
“ค่ะ..ยินดีต้อนรับเข้าสู่โรงแรมของเรานะคะ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งสี่ห้อง..ช่วงเช้าจะมีอาหารเช้ายกขึ้นไปให้ที่หน้าห้อง หากท่านไม่ต้องการสามารถปฏิเสธได้..”
มาร์เซลยกยิ้มออกมา
“พี่สาวเป็นคนยกอาหารขึ้นไปรึเปล่าครับ เพราะหากพี่ยกขึ้นไปให้ ข้าคงจะไม่ปฏิเสธ”
รอยยิ้มของเฟรญ่ามันแข็งค้างอยู่บนใบหน้าของเธอ ชายเบื้องหน้านั้นมีใบหน้าที่สะดุดตามากทีเดียว เรือนผมสีแดงและรอยยิ้มที่ทำให้เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มน่ารักๆ คนหนึ่ง แต่เขาเป็นทหารรับจ้างนี่แหละ หากเขาได้เป็นหัวหน้าตั้งแต่อายุเท่านี้ แสดงว่าเขาคงจะสังหารคนมานับไม่ถ้วนแล้ว
ทางที่ดีเธอไม่ควรไว้ใจใบหน้าซื่อๆ และรอยยิ้มหวานๆ ของเขา..
“เรื่องนั้นพนักงานของที่นี่จะเป็นผู้ยกขึ้นไปค่ะ ขอทราบชื่อของผู้เข้าพักด้วยค่ะ”
มาร์เซลหัวเราะออกมาเบาๆ กับการขีดเส้นของสตรีเบื้องหน้า เธอไม่ได้สนใจเขาเลย..ในดวงตาสีน้ำทะเลนั่นไม่ได้หวั่นไหวไปกับใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามในแววตาของเธอแสดงออกให้เห็นถึงความไม่ไว้ใจ
ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องพักอยู่ที่นี่นานมากอยู่แล้วเพราะอย่างนั้นลองเล่นสนุกกับสตรีที่ดูท่าทางว่าจะมอบความสนุกให้เขาหน่อย น่าจะดีกว่า
“มาร์เซลครับ..ชื่อของข้าคือมาร์เซล”
เฟรญ่าชะงักเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยชื่อของตัวเองขึ้นมา เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของเขา..
มาร์เซล..ชื่อนี้มันชื่อเดียวกันกับเจ้าของดาบที่เธอใช้ปลิดชีพตัวเองในชาติที่แล้วเลย..คงไม่ใช่หรอกมั้ง ก็แค่คนชื่อเหมือนทั่วๆ ไป
“ค่ะท่านมาร์เซล ขอให้ช่วงเวลาที่ท่านพักผ่อนอยู่ที่เดียลอร์ลมีแต่ความสุขนะคะ”
เรื่องนั้นเขามีความสุขอย่างแน่นอน หากที่นี่มอดไหม้น่ะนะ..แต่เมื่อถึงเวลานั้นดวงตาสวยๆ คู่นั้นจะร้องไห้ออกมารึเปล่านะ ชักสงสัยแล้วละสิ
“แล้ว..ที่นี่มีพี่สาวคนสวยทำงานอยู่คนเดียวงั้นเหรอครับ”
เฟรญ่าส่งยิ้มให้เขา ทำไมหมอนี่ยังไม่ไปจากเธอสักทีนะ..กุญแจห้องพักก็ให้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ
“เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลเก็บเกี่ยว พนักงานคนอื่นๆ ก็เลยมาถึงที่นี่ช้าค่ะ”
มาร์เซลพยักหน้า
“เป็นแบบนี้นี่เอง หมายความว่าในโรงแรมแห่งนี้มีพี่สาวอยู่คนเดียวใช่ไหมครับ แบบนั้นถ้าหากว่าข้าลักพาตัวพี่ขึ้นไปบนห้องชั้นบนสุดด้วยกันก็คงจะไม่มีใครรู้อย่างนั้นสินะ..”
เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มของเฟรญ่าแข็งค้างบนใบหน้า เธอไม่ได้ถูกพูดถึงในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกสักหน่อย แต่เพราะว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มเบื้องหน้ามันค่อนไปทางน่ารักมากกว่าที่เขาจะกล่าวถ้อยคำหยอกล้อที่รุนแรงออกมาแบบนั้น
“ฮะ.ฮ่า ท่านล้อเล่นเกินไปแล้วนะคะ”
เฟรญ่าหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ในใจของเธอไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย
มาร์เซลส่งยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ให้กับเฟรญ่าอีกครั้ง
“แล้ว..พี่สาวชื่อว่าอะไรกันครับ มันไม่ยุติธรรมนี่หากว่าพี่จะรู้ชื่อของข้าแค่ฝ่ายเดียวน่ะ”
เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าตัวเองพูดเล่น มาร์เซลกวาดสายตามองไปรอบๆ เขากำลังคิดจะพาพี่สาวคนสวยขึ้นไปบนห้องด้วยกันจริงๆ ต่างหาก