ตอน 6
“จะเอาแต่เงียบจริงๆ หรือลิน”
“เอ่อ...ลินไม่มีอะไรจะพูดนี่คะ”
ปกติไพลินเจื้อยแจ้วตลอดเวลาที่ได้เข้ามานั่งในรถกับพี่ใหญ่ พูดนั่นนี่ไม่ยอมหยุด ดินฟ้าอากาศ ละคร การเรียน รวมไปถึงเล่าเรื่องเพื่อนให้ฟังไม่ขาดปาก จากที่เขาไม่รู้จักเพื่อนไพลิน ไม่เคยเห็นหน้าแค่ได้ฟังจากปากไพลินทุกๆ วันที่เขาต้องขับรถมาส่งน้อง เหมือนกับได้รู้จักทุกคนกันถ้วนหน้า เพื่อนน้องสาวหลายคนชอบเขากระทั่งส่งของกิน ของที่ระลึกฝากผ่านไพลินมาให้ เขาก็แค่ขอบใจแต่ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งของเหล่านั้น
“ถ้าเรื่องนั้นพี่ยังยืนยันว่าไม่ผิด”
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะไม่ต้องพูด” พอพี่ใหญ่พูดถึงจูบหัวใจอ่อนบางพลันวูบ ไม่กล้าสบตากับเขา ไม่กล้ามอง หัวใจเธอร้อน ร่างกายผะผ่าว มือชื้นเหงื่อ เขายังพูดอีกว่าไม่ผิด ไม่ใช่เรื่องใหญ่ น่าตายนัก พี่ชายคนนี้ จูบดูดลิ้นนัวเนียพันเกี่ยวขนาดนั้น ยังหน้าด้านหน้าทนบอกว่าไม่ผิด นี่พี่ใหญ่วิปริตไปแล้วอย่างนั้นหรือ
“ถึงแล้วไม่ต้องไปจอดในม.หรอกค่ะ ลินจะลงตรงนี้ละ”
“ลินโกรธพี่เหรอ”
“เอ่อ...ไม่ค่ะ”
“สักวันลินจะรู้ว่าสิ่งที่พี่ทำมันถูกต้อง” เขาอยากบอกทุกอย่างกับไพลินซะให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ใช่แต่เธอที่ทรมาน เขาก็จุกอยู่ในอก
พี่ใหญ่จอดรถให้ไพลินลงตามที่เธอต้องการ เขาควรทำอย่างไรกับความรู้สึกมากมายตอนนี้ ถ้าเป็นวิธีเฉพาะในแบบของเขานั้นมีมากมาย แต่ไม่ถูกไม่ควรทั้งสิ้น สายตาชายหนุ่มมองตามหญิงสาวที่เดินปะปนหายไปกับเหล่านึกศึกษาทั้งชายและหญิง มีอาจารย์เดินปะปนมาด้วยหายเข้าไปในประตูมหาวิทยาลัย ทิ้งความไม่สบายใจกองอยู่กับเขา
ตกเย็นพี่ใหญ่มารับไพลิน เขาตัดสินใจบางอย่างแน่วแน่แล้ว ดังนั้นแทนที่จะไปทำงานที่ผับ เขากลับขับรถเปลี่ยนเส้นทางมายังมหาวิทยาลัยของน้อง
“อุ้ย...นั่นๆ พี่ชายสุดหล่อของแกมารับแล้วลิน ฉันขอสมัครเป็นพี่สะใภ้แกได้หรือเปล่าลิน” แอนดีดดิ้นทุกครั้งที่เห็นพี่ใหญ่ เพราะพี่ใหญ่มากกกกกกกกก
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อแกคือเพื่อนที่ฉันรัก ได้เป็นพี่สะใภ้ไม่เลวนะ” ไพลินมองพี่ชายที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเพื่อนเธอกับกลุ่มเพื่อนฝูงสามคน สองคนนี้ปลื้มพี่ใหญ่กันสุดฤทธิ์อยากเป็นแฟนพี่ใหญ่กันทั้งนั้น แอนกับมีนยิ้มเริงร่าตรงไปขนาบข้างพี่ใหญ่ แย่งกันส่งของกินเข้าปากพี่ใหญ่พัลวัน
ส่วนชายหนุ่มได้แค่เอนตัวหนีการรุกไล่จากสาวๆ มองไปทางน้องสาว ได้แต่มองนิ่งๆ ไพลินพยายามปั้นหน้าให้ดูคล้ายไม่มีอะไร แต่ดวงตาสับสนนั้นบอกให้พี่ใหญ่รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยไว้นาน
ระหว่างที่ข้างกายเขามีสองสาวขนาบข้าง พลันมีผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาดี เดินเข้ามาทักทายไพลินด้วยท่าทีสนิทสนม อ้อ...เขาจำได้ไอ้หมอนี่ที่ตามไปส่งน้องสาวเขาถึงบ้าน แล้วทำท่าจะจูบกัน อารมณ์หวงและหึงตีรวนเข้ามาอย่างฉับพลัน
“ลินกลับบ้าน” ขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังชวนกันไปเดทหลังเลิกเรียน พี่ใหญ่สบโอกาสจึงลากข้อมือไพลินออกมาจากแชมป์เร็วรี่
“พี่ชายผมกับลินมีนัดจะไปเดทกันเย็นนี้นะครับ” แชมป์ร้องประท้วง
“ไม่ต้องด่งต้องเดทอะไรทั้งนั้น ลินมีนัดกินข้าวกับพ่อกับแม่ที่บ้านไม่ว่างแล้วค่อยนัดใหม่” เขาจะไม่มีวันให้หมอนี่นัดน้องออกไปเที่ยวสองต่อสองอย่างแน่ๆ
“แต่...” ลินกำลังจะพูดว่าไม่รู้เรื่องนี้ไม่ได้นัดอะไรกับใครทั้งนั้น หากแต่ยังไม่ได้พูดอะไร ก็ถูกพี่ใหญ่ลากไปขึ้นรถ ไม่ทันได้ล่ำราเพื่อนๆ ซะด้วยซ้ำ แชมป์มองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“อะไรวะ เป็นแค่พี่ชายทำไมต้องหวงน้องสาวขนาดนี้ด้วยวะ” แชมป์เปรยขึ้นเบาๆ
“นายก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าพี่ใหญ่หวงยัยลินแค่ไหน เจอกับตัวมาตั้งหลายครั้งยังไม่เข็ดอีกหรือ”
“รักแท้ย่อมมีอุปสรรคเว้ย แต่ว่าฉันว่าหวงเกินไปวะ”
หนึ่งหนุ่มสองสาวต่างวิจารณ์กันไป ส่วนในห้องโดยสารกำลังเครียดขึง ไพลินเลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทะเลาะกับพี่ใหญ่ต่อหน้าเพื่อนๆ แต่ถ้าหลังจากนี้รับรองพี่ใหญ่ต้องเละเป็นโจ๊กด้วยข้อหาการทำเกินกว่าเหตุ ตอนอยู่หน้าบ้านก็ยังว่าไม่มีสายตาใครต่อใคร นี่ต่อหน้าทั้งเพื่อนและคนอื่นๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย เขาเสียมารยาทลากเธอมาโยนใส่รถแบบนี้ได้อย่างไร เธอเป็นน้องไม่ใช่เมีย ทำเกินไปแล้วหึงหวงอย่างกับเป็นผัวเป็นเมียกัน หึ...ผัวเมีย พอนึกถึงคำนี้ พร้อมกับจูบคืนนั้น ทำให้พวงแก้มไพลินซับสีเลือดขึ้นมาทันที รีบเบือนหน้าหลบออกไปด้านข้างเกรงคนข้างๆ เห็นสิ่งที่ผิดปกติ
ครั้นพอพี่ใหญ่ขับรถออกมาไกลสมควร ห่างจากสายตาเพื่อนฝูง ความหมางใจ คลางแคลงใจระหว่างพี่ใหญ่กับตน คราวนี้ปลอดสายตาทั้งเพื่อนและผู้คน ไพลินจึงทำลายความเงียบด้วย...
“พี่ใหญ่ลากลินมาอย่างนี้ได้ยังไง ลินมีนัดกับเพื่อนๆ รู้ไหม” น้องสาวเริ่มต้นสงครามด้วยการโวยลั่นในรถยนต์ คนขับหันมองคนนั่งข้าง ด้วยท่าทีเย็นนิ่งๆ ดุจน้ำเปล่าแช่แข็ง
“นัดกับเพื่อนหรือนัดกับไอ้แชมป์” ถ้านัดกับเพื่อนเขาไม่สนใจ แต่เห็นมีหมอนั่นอยู่ เคืองยิ่งกว่าโดนตบหน้า
“แชมป์ก็เพื่อน” ความจริงแชมป์จีบและขอเป็นแฟน แต่เธอยังลังเลในการคบกับเขา เนื่องด้วยจิตใจยังไม่สะสางสว่างในหัวใจเรื่องความรู้สึกบ้าบอที่ตอมีต่อพี่ชายนั่งข้างๆ คนนี้
“ไม่ใช่ ไอ้แชมป์มันคิดจะจูบลิน ย่อมไม่ใช่เพื่อน” พี่ใหญ่โต้กลับเช่นกัน เขาหึงและหวงอาการไม่ดี กระวนกระวายทุกครั้งที่มีผู้ชายเข้าใกล้ไพลิน แล้วนายแชมป์เป็นคนที่เขาเห็นภาพตำตา อย่างนี้จะไว้ใจอะไรได้นอกจากเขี่ยกระเด็นไปให้ไกล
“หึ...ทีพี่ใหญ่เป็นพี่แท้ๆ ยังจูบน้อง ดูดลิ้นน้อง ขย้ำนมน้อง แล้วอย่างนี้...เรียกว่าอะไร” ไพลินพูดไปเหมือนจะร้องไห้ แต่เก็บน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล ด้วยกำลังโต้คารมระดับมหาวิทยาลัยกับพี่ชายจอมบ้า ที่กล้าทำผิดต่อน้อง
“ไม่เหมือนกัน” คราวนี้พี่ใหญ่ตอบไม่เต็มปากเต็มเสียง เพราะตัวเองทำแบบนั้นกับไพลินจริง ทั้งที่ยังไม่ได้บอกความจริงต่อหญิงสาวให้กระจ่าง แต่ดันอดใจไม่ไหวซะก่อน เขาเชื่อว่าไพลินคงกระวนกระวายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเองก็แทบบ้า นอนไม่หลับ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เลยตีเนียนมารับมาส่งไม่กล้าปริปากพูดเรื่องจูบที่เกิดขึ้น
“แชมป์เขาคนละสายเลือด โอกาสพัฒนาเป็นแฟนย่อมมีโอกาสสูง” คือความรู้สึกสามารถไปต่อได้ รู้สึกอย่างไรต่อกันค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์แต่...กับพี่ใหญ่แค่คิดก็ไม่สมหวังแล้ว ไพลินอย่างร้องไห้ในความรู้สึกที่ตนมีต่อพี่ชาย ทำไมถึงได้ทรมานขนาดนี้
“พี่ไม่มีวันให้อะไรบ้าบอแบบนี้พัฒนาไปไกลกว่านี้แน่” พี่ใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังมุ่งมั่น ประคบประหงมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีตั้งยี่สิบปี ทั้งรักทั้งหวง และห่วง ราวกับไข่ในหิน จู่ๆ กลับจะมีคนอื่นมาพรากไพลินไปจากเขาย่อมไม่มีวัน ไม่มีวันจริงๆ
“พี่ใหญ่บ้า เรา...เป็น...พี่น้องกัน ทำแบบที่พี่ใหญ่ทำไม่ได้ เที่ยวมาจูบน้องตัวเอง กอดรัดฟัดขยำแบบนั้นไม่ได้” ได้ยินแบบนี้ไพลินจึงเลือดขึ้นหน้า ต่อว่าเขาหน้าดำหน้าแดงคอเป็นเอ็น ผู้ชายบ้าอะไรพูดออกมาได้ โอ้ย...เครียด