EP.2 ทำงานวันแรก
เขามองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอหญิงสาวคนที่เพิ่งจะเสี่ยงตายด้วยกันเมื่อสักครู่นี้ มีแต่พวกนักแข่งคนอื่น ๆ ที่บาดเจ็บในการแข่งขันที่กำลังนั่งทำแผลกันอยู่เต็มไปหมด
"พอเธอฟื้นได้สติก็รีบวิ่งออกไปเลยค่ะ" พยาบาลสาวหน้าสวยคนเดิมเดินมาหยุดตรงหน้าพร้อมกับอธิบายขึ้นด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน
"เห็นเธอบอกว่ามีธุระด่วนค่ะ"
"แต่เธอไม่มีบาดแผล หรืออาการบาดเจ็บอะไรเลยนะคะ"
"คุณฟาเรนไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอกนะคะ" พยาบาลหน้าสวยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน และมองตรงมาที่ร่างสูงตรงหน้าของเธอพร้อมกับยิ้มละมุนให้กับเขาอย่างตั้งใจ
"ฉันไม่ได้เป็นห่วงยัยนั่นสักหน่อย" เขากระตุกยิ้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ในเต็นท์ปฐมพยาบาล
ฟาเรนถอดเสื้อออกโชว์เรือนร่างกำยำ รอยสักบนแผ่นอกแกร่ง กล้ามท้องแน่นที่ได้มาจากกีฬาต่อยมวย ซึ่งเป็นงานอดิเรกอันแสนจะโปรดปรานของชายหนุ่มเลือดร้อนคนนี้ ไม่ว่าจะต่อยจริงหรือซ้อม ๆ เขาก็ใส่เต็มที่ไม่เคยมียั้งเลยสักครั้ง
ทั้งรูปร่างและความแข็งแรงกำยำของฟาเรนจึงดึงดูดสายตาของสาว ๆ ได้ไม่ยากเลยสักนิด
"เธอช่วยทำแผลให้ฉันหน่อย" สายตาเจ้าเล่ห์เหลือบมองไปทางหญิงสาวอย่างรู้ดีว่าเธอกำลังแอบมองเขาอยู่ตลอดเวลา
เขาเหยียดยิ้มเพราะรู้อยู่แก่ใจว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
"ได้เลยค่ะคุณฟาเรน" พยาบาลสาวยิ้มออกมาพร้อมกับรีบหยิบอุปกรณ์ทำแผลมา แอบลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นเรือนร่างกำยำของชายตรงหน้า
"เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้อย่างเบามือที่สุดเลยนะคะ" เธอพูดเชิงขออนุญาตเจ้าตัวไป ก่อนจะเริ่มทำแผลให้กับหนุ่มมาดเท่ตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง
"ไม่ต้อง!" ฟาเรนหันไปพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะดึงฝ่ามือของพยาบาลสาวหน้าหวานคนนั้นมากุมเอาไว้แน่น
เขาบีบแน่นมากจนเธอหน้าเสียเล็กน้อยเพราะเจ็บ แต่เธอก็ยังคงพยายามยิ้มสู้
"ฉันชอบความรุนแรง" ชายหนุ่มกัดริมฝีปากเล็กน้อย พูดพร้อมกับเหลือบมองเรือนร่างของเธออย่างพิจารณา
"เธอทำแรง ๆ เลยก็ได้นะ" เขาพูดก่อนจะปล่อยฝ่ามือของพยาบาลสาวออกช้า ๆ เธอกลืนน้ำลายอย่างใจสั่น ๆ
"ได้ค่ะ" เธอพยักหน้ารับและมองเขาด้วยสายตาที่หลงใหลใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางดิบเถื่อน
ทางด้านของน้ำขิง
หลังจากที่เห็นว่าเพื่อนรักอย่างไอรีนหายไปกับแฟนเก่าคนดีคนเดียวคนเดิมของเธอแล้ว เพื่อนรักอย่างน้ำขิงเองก็รู้สึกโล่งใจ
เพราะลึก ๆ แล้ว น้ำขิงก็อยากให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจเข้าหากัน
และเธอก็เชื่อว่าไม่มีใครทนเพื่อนเธอได้ดีเท่าวินด์เซอร์แล้วจริง ๆ บนโลกใบนี้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วินด์เซอร์กับไอรีนมีปัญหาและเลิกรากัน มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะปล่อยพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ด้วยกันเพื่อปรับความเข้าใจ
-บนแท็กซี่-
"จอดตรงหน้าผับนี้เลยค่ะ" เธอเอ่ยบอกกับคนขับแท็กซี่ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถทันทีที่จ่ายเงินเสร็จสรรพ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่เธอจะได้เริ่มทำงานในผับแห่งนี้เพื่อหารายได้เสริม เนื่องจากทางบ้านประสบปัญหาทางการเงิน (ค่อนข้างหนัก)
"ทำไมวันนี้มันถึงมีแต่เรื่องซวย ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของฉันนะ" น้ำขิงเอ่ยออกไปพร้อมกับถอนหายใจรอบที่ล้านแปด
แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะงานที่นี่ทั้งเงินดีและไม่กระทบกับเวลาเรียนช่วงเช้าอีกด้วย
แม้ว่าเธอเองจะวิ่งทำงานหนักมากจนแทบไม่มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเลย แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องดิ้นรนต่อไปเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและคนในครอบครัว
เนื่องจากภาระหนี้สินของที่บ้านที่มีกำหนดจะต้องจ่ายทั้งดอกและต้นภายในสิ้นเดือนนี้ งานเสริมที่มีอยู่มันไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้นอกระบบที่พ่อเธอเป็นคนกู้มา ซึ่งดอกเบี้ยมันก็โหดมากและลักษณะการทวงหนี้ก็ป่าเถื่อน แถมคนปล่อยกู้ก็อยู่เหนือกฎหมายอีกซะด้วย
แม้ว่าเธอจะพยายามห้ามปรามพ่อแล้วแต่สุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์
ทุกครั้งที่เจ้าหนี้มันมาทวงเงิน ความซวยก็มักจะตกมาอยู่ที่เธอกับพี่สาวอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงต่อชะตากรรมที่เกิดจากผู้เป็นพ่อของตัวเองได้เลย
@ผับ XSO
"วันแรก หล่อนมาสายไปสามชั่วโมง!" เสียงผู้หญิงวัยสามสิบต้น ๆ ตวาดลั่นใส่หน้าของเด็กสาวที่ยังคงเอาแต่ยืนก้มหน้าอย่างเกร็งและกลัวเธอจนตัวสั่น
"นี่ถ้าไม่ใช่เด็กที่เพื่อนฉันฝากฝังมา ฉันคงไม่รับเธอเข้าทำงานแน่ ๆ" เธอพูดตำหนิน้ำขิงภายในห้องแต่งตัวของผับเปิดใหม่ในย่านทองหล่อที่มีชื่อแห่งหนึ่ง
"หนูขอโทษจริง ๆ นะคะ ขอโทษมาก ๆ เลยค่ะ"
น้ำขิงทำได้เพียงแค่ยกมือไหว้ขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"เฮ้อ เฮ้อ ๆ" สาววัยสามสิบถอนหายใจออกมาซ้ำ ๆ เพื่อแสดงให้เธอรับรู้ว่าหล่อนไม่พอใจเอามาก ๆ
"อืม! จะขอโทษขอโพยไปก็เสียเวลาทำมาหากินเปล่า"
เธอพูดปัด ๆ ก่อนจะเหลือบสายตามองใบหน้าของเด็กสาวอย่างพิจารณา
"หน้าตาไม่เลวเลย ไปทำหมอไหนมา?" เธอหรี่ตามองทางน้ำขิง ก่อนจะลูบใบหน้าที่เรียบเนียนและผิวพรรณขาวผ่องของเธอเบา ๆ และจับปลายคางดูใบหน้าของสาวสวยตรงหน้าอย่างละเอียด
"หนูไม่มีเงินไปทำศัลยกรรมหรอกค่ะ" เด็กสาวยิ้มเจื่อน ๆ ตอบไปอย่างแผ่วเบา
"ต้นทุนเธอดีเหมือนกัน ก็ดี เหมาะกับงานที่สมัครเข้ามาทำดี เพราะงานนี้ต้องใช้หน้าตาเพื่อช่วยเรียกลูกค้า"
เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติกว่าตอนแรกที่เจอกัน เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าอาจจะสามารถเป็นตัวชูโรงให้ผับแห่งนี้ได้
"ยังไงครั้งหน้าอย่าสายอีก เพราะต่อให้สวยแต่ไม่รักษาเวลา"
"ฉันก็ไม่เอาเธอเหมือนกัน!" เธอพูดย้ำขึ้นอีกครั้งด้วยใบหน้าที่จริงจัง
"รับทราบค่ะ" น้ำขิงรีบก้มหัวรับคำสั่งของเธอทันที
"ฉันชื่อดาว เป็นคนคุมงานสาว ๆ ที่นี่ และทุกคนที่นี่ก็เรียกฉันว่าเจ๊ดาว" เธอเอ่ยแนะนำตัวด้วยใบหน้าที่วางมาดเล็กน้อย
"ค่ะเจ๊ดาว" น้ำขิงก้มหัวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนอีกครั้ง เพราะเธอจำเป็นต้องทำงานเสริมนี้จริง ๆ
"เธอชื่อน้ำขิงใช่ไหม?" เจ๊ดาวถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งน้ำขิงก็รีบพยักหน้ารับทันที
"นี่ป้ายชื่อของเธอ ติดไว้ที่อกแล้วเดินไปรับแขกโต๊ะ VIP 8 ตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย"
เธอออกคำสั่งทันทีอย่างไม่รีรอ เพราะทุกวินาทีของที่นี่มันคือเงิน
"เงินวันนี้ฉันจะหักเธอ 50% เพราะเธอมาช้า" เจ๊ดาวพูดขึ้นพร้อมกับเขียนลงในสมุดเงินของเธอ
"โอเคไหม?" เจ๊ดาวเงยหน้าขึ้นมองอย่างรอฟังคำตอบ
"ได้เลยค่ะ เจ๊ดาว" หญิงสาวรีบพยักหน้ารับทันที
"อืม ถ้าอยากได้เงินเยอะ ๆ ก็หลอกเอาจากพวกแขกมาให้มากที่สุดแล้วกัน!!" เธอพูดพร้อมกับกวักมือเรียก
"คนที่ทำงานที่นี่ส่วนใหญ่ได้ทิปหนักกว่าเงินเดือนเป็นหลายเท่า แต่เราเลือกแขกเองไม่ได้ จะแก่จะหนุ่มจะหล่อ จะไม่หล่อก็รับงานทั้งนั้น"
เจ๊ดาวเอ่ยขึ้นอย่างแนะนำ เพราะเห็นว่าเป็นเด็กใหม่ที่ไม่เคยลองงานประเภทนี้มาก่อนเลย
"เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม?" เธอย้ำอีกครั้ง
"ค่ะ" น้ำขิงก็พยักหน้ารับอย่างเดียว
"ถ้าเธอไม่สวยและรูปร่างไม่ดีแบบนี้ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทฉันฝากงานมาฉันก็คงไม่รับแน่"
แม้ว่าเจ๊ดาวจอมเหวี่ยงจะโกรธสาวนั่งดริงก์คนใหม่เอามาก ๆ แต่ด้วยหน้าตา และรูปร่างที่น่าจะดึงดูดพวกลูกค้าในร้าน เธอจึงคว้าตัวเด็กคนนี้เอาไว้ก่อน
"เมเปิ้ล พายัยเด็กใหม่นี่ไปรับงานพร้อมเธอด้วยนะ" เธอแผดเสียงดังออกไปพร้อมกับกวักมือเรียกสาวสวยอีกคนที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ไม่ไกลมากนัก
"และก็คอยประกบสอนงานด้วย ว่าต้องทำงานเอาใจแขกยังไงบ้าง เด็กใหม่ยังไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน"
เจ๊ดาวออกคำสั่งกับสาวสวยสุดมั่นที่แต่งหน้าและทาลิปสติกสีแดงเข้ม ขนตางอนยาว และสวมใส่ชุดเกาะอกที่โชว์ลงมาครึ่งเต้านมทรงกลม ๆ ของเธอ ขนาดหน้าอกที่ไซซ์ใหญ่ตัดกับเอวบาง ๆ ของเธออย่างสิ้นเชิง
"ได้เลยค่ะเจ๊" เมเปิ้ลพยักหน้ารับ
"ดูแลด้วยแล้วกัน" เจ๊ดาวย้ำอีกครั้ง
"ตามฉันมาสิ" เธอสะกิดน้ำขิงให้เดินตามเธอเข้าไปในผับทันที
ทั้งสองเดินเข้าไปยังด้านในของผับหรู ที่ตอนนี้เปิดเพลงดังกระหึ่มและแสงไฟระยิบระยับวิบวับไปทั่วทั้งผับ
"เป็นเด็กใหม่แต่ได้ดูแล VIP คู่กับฉันแบบนี้"
"แสดงว่าเจ๊คงชอบเธออยู่ไม่น้อยเลย" เมเปิ้ลหันมาพูดคุยกับน้ำขิงด้วยท่าทีเป็นมิตร
"ก็ขอให้เป็นแบบนั้นนะ" สาวสวยผู้อ่อนประสบการณ์เอ่ยตอบไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักว่าจะทำงานออกมาได้ดีหรือไม่
เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอลองมาทำงานกลางคืน แต่เธอก็ต้องทำให้ได้ เพื่อเงิน เงิน เงิน เท่านั้น
NAM KHING’S PART
ฉันเคยเข้าผับก็จริง แต่ไม่เคยมาในฐานะของเด็กนั่งดริงก์เลยสักครั้ง
"เติมลิปหน่อย ปากเธอซีดไป"
เมเปิ้ลหันมาบอกกับฉัน ขณะที่เธอเองก็ยืนจัดทรงผมของตัวเอง และจัดแจงชุดเกาะอกให้โชว์เต้านมอวบมากขึ้นไปอีก ฉันพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหยิบลิปสติกที่พกมาทาทับไปแบบลวก ๆ
ขณะที่เราเดินผ่านโต๊ะยืนและโต๊ะนั่งเก้าอี้ธรรมดามาเรื่อย ๆ ทำให้ฉันเพิ่งสังเกตเห็น ว่าป้ายชื่อที่เจ๊ดาวให้ฉันมามันสีแตกต่างจากเด็กนั่งดริงก์ของโต๊ะอื่น ๆ จริงด้วย
"สาว ๆ สำหรับวีไอพีมาแล้ว" เสียงพนักงานผู้ชายเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งเหล้าและถังน้ำแข็งยื่นให้ทางฉันกับเมเปิ้ลทันที
"โต๊ะ 8 นะครับ" พนักงานชายยิ้มและขยิบตาส่งให้กับฉัน ขณะที่ยื่นขวดเหล้าให้มา แถมยังหลอกจับมือของฉันซะด้วย
"อืม ฉันรู้แล้วค่ะ" ฉันเอ่ยตอบกลับด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะชักมือคืนทันทีอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ที่เขาฉวยโอกาสมาจับมือของฉัน
"ไปกันเถอะ" เมเปิ้ลพูดขึ้น ก่อนจะพาฉันเดินมายังโต๊ะ VIP ที่เราต้องนั่งชงเหล้าให้ในคืนนี้
โซนวีไอพีจะเป็นโซนโซฟากำมะหยี่อย่างดีและตั้งอยู่ห่างกันพอสมควร เพื่อเว้นระยะห่าง และดูยิ่งใหญ่สมราคาค่าโต๊ะคืนละ 1 หมื่นบาทจริง ๆ
โต๊ะ VIP 8
"สวัสดีค่ะคุณลูกค้าขา พวกเราพร้อมมาบริการแล้วนะคะ ~" เมเปิ้ลเปลี่ยนสีหน้าท่าทางของเธอภายในชั่วพริบตา เธอทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ลูกค้าทั้งสองคน ซึ่งฉันเองก็ยืนถือขวดเหล้าอยู่ด้านหลังของเธอ
"ฉันกำลังนั่งเบื่อรอพวกเธออยู่พอดีเลย" เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ซึ่งยอมรับว่าฉันรู้สึกคุ้น ๆ เสียงของเขามาก แต่ไม่รู้ว่าเคยได้ยินที่ไหน
แต่พอเมเปิ้ลที่ยืนบังอยู่ด้านหน้าเดินออกไปทางลูกค้าที่เรียกเธอ ทำให้ฉันพบว่า
"เธอ! เพื่อนไอรีนนี่นา" ผู้ชายคนที่เรียกเมเปิ้ลไป ชี้หน้าของฉันและตาโตอย่างตกใจไม่น้อยที่เห็นฉัน
"เธอทำงานที่นี่ด้วยเหรอ?" ผู้ชายหน้าหวาน ๆ อีกคนเอ่ยถามต่อทันที
"เอ่อ...ใช่" ฉันอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ตอบไปอย่างรู้สึกอายมาก ๆ ที่ดันมาเจอพวกเขาที่นี่
และจะบอกว่าจำคนผิดก็ไม่ได้ซะด้วย ฉันรีบมองหาใครอีกคนทันทีอย่างหวาดระแวง
"มานั่งตรงนี้สิ"