EP 10 : งานที่ต้องทำ
พิษรักมาเฟีย : ตอนที่ 10
"ฉันไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ คุณไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกมาบีบบังคับให้ฉันทำงานกับคุณ บอกเลยว่ามันไม่ได้ผล และฉันก็ไม่ต้องการทำงานกับคุณ ฉันขอตัว" อลินดาพูดพร้อมกับหมุนตัวหวังจะเดินออกจากห้องทำงานของเขา ฉันไม่เชื่อเอกสารตรงหน้า ฉันไม่มีทางเชื่อคนอย่างเขา คนอย่างเขาสามารถสร้างเอกสารปลอมขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ขนาดร้านอาหารที่ฉันทำงานทำถูกต้องทุกอย่างเขายังทำให้ผิดได้
"มะเร็งระยะแรกกำลังลามไประยะที่สองเพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษา ทุกวันนี้ทำได้แค่ไปรับยาและกลับบ้านประทังชีวิต เธอคิดว่าชีวิตคนเรามันชั่งอาภัพจริงไหม ขนาดลูกแท้ๆยังไม่รู้ว่าพ่อตัวเองป่วย" ชาร์ลพูดไล่หลังในตอนที่หญิงสาวยืนหันหลังให้เขา
"หยุดแต่งเรื่องสักที!" ฉันตวาดลั่นห้องและหันกลับมาจ้องหน้าเขาด้วยแววตาวูบไหว นิสัยก้าวร้าวแบบนี้ฉันไม่เคยทำกับใครมาก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทนไม่ไหว เขาเอาชีวิตพ่อของฉันมาพูดล้อเล่นเหมือนมันเป็นเรื่องสนุก
"นายใหญ่ไม่ได้แต่งเรื่องครับ" เทเลอร์พูดขึ้นด้วยท่าทางเรียบนิ่งและมองไปยังเด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง "ทางเราเช็ครายละเอียดกับทางโรงพยาบาลมาทั้งหมด เอกสารทุกใบเป็นของจริง มีลายเซ็นของผู้บริหารโรงพยาบาล ถ้าคุณไม่เชื่อลองโทรไปถามโรงพยาบาลนั้นได้เลย"
"เจ้านายกับลูกน้องมันก็นิสัยเหมือนกันนั่นแหละ"
"เธอไม่มีสิทธิ์ออกจากห้องนี้ ไม่มีสิทธิ์ออกจากบริษัทนี้ถ้าฉันยังไม่สั่ง! ลืมไปแล้วเหรอไงว่าเธอเป็นคนเซ็นเอกสารเข้าทำงานที่บริษัทฉัน!" ชาร์ลขึ้นเสียงใส่คนตัวเล็กอย่างเหลืออด และมันเป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงกล้าปฏิเสธคนอย่างเขา มันยิ่งทำให้เขาไม่พอใจกับการกระทำของเธอ
พรึบ
เป็นอีกครั้งที่เอกสารอีกปึกหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้าฉันพอดี เอกสารชุดนี้ฉันเคยเห็นมาก่อนเพราะมันเป็นเอกสารที่ใช้ในการสมัครงาน
"ในนี้ระบุไว้ชัดเจนว่าคุณอลินดาต้องเริ่มงานตั้งแต่วันนี้ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน และพอเรียนจบคุณจะต้องทำงานกับเราเป็นระยะเวลาสองปี และถ้าคุณอลินดาทำไม่ครบกำหนดสัญญาของเรา คุณจะต้องชดเชยค่าเสียหายที่ทำให้บริษัทเราเสียโอกาสที่จะจ้างคนอื่น ทางเราได้ส่งเอกสารฉบับนี้ไปให้คุณแล้ว และคุณก็เป็นคนเซ็นตกลง" เทเลอร์อธิบายอย่างเป็นทางการ
"ไม่จริง ฉันไม่เคยเห็นข้อตกลงบ้าๆนี้ พวกนายต้องการอะไรกันแน่" ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยเห็นข้อความแบบนี้ในเอกสารที่ฉันเซ็น คนอย่างฉันจะเซ็นอะไรจะอ่านรายละเอียดทุกบรรทัด ไม่มีทางที่คำพวกนี้จะผ่านสายตาฉันไปได้
"แต่นั่นลายเซ็นเธอ และกำกับชื่อนามสกุลด้วยลายมือเธออย่างชัดเจน มันคงไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องฟังคำปฏิเสธของเธอจริงไหม" ชาร์ลส่งสายตาไปที่กระดาษแผ่นนั้นพร้อมกับยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเธอจนมุม
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทั้งเรื่องครอบครัวฉัน ทั้งเรื่องเอกสารสัญญา นายต้องการอะไร" อลินดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"โต๊ะเธออยู่ข้างนอก ถ้าฉลาดคงรู้ว่าต้องทำยังไง แต่ถ้ายังไม่เชื่อเรื่องพ่อ ฉันให้เวลาเธอพิสูจน์ความจริงถึงเที่ยง และหลังจากนั้นฉันต้องเห็นเธอนั่งอยู่หน้าห้อง" เขาจ้องมองคนตัวเล็กที่อยู่ในอาการสั่นเทาแต่พยายามควบคุมตัวเองไว้ ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะเอาเรื่องพ่อของเธอมาต่อรอง แต่การพยศของเธอทำให้เขาต้องใช้มันเป็นเครื่องมือ เขาไม่ได้บีบบังคับให้เธอเซ็นยินยอมเข้าทำงาน แต่เธอสมัครใจเองตั้งแต่แรก
"ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยเห็นข้อตกลงบ้าๆนี้"
"นั่นมันเรื่องของเธอ แต่ตอนนี้เธออยู่ในฐานะลูกน้องของฉัน เธออยู่ในฐานะพนักงานบริษัทนี้ และตำแหน่งของเธอคือเลขาของผู้บริหาร"
ฉันได้แต่ยืนนิ่งจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความโมโห ตอนนี้ฉันไม่ต่างจากสิ่งของที่เขาจะจับวางไว้ตรงไหนก็ได้ เขารู้ทุกอย่างในตัวฉันทั้งหมด ขนาดตัวฉันเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อตกลงพวกนี้มันผุดขึ้นมาในกระดาษแผ่นนี้ได้ยังไง และไม่รู้ด้วยว่าพ่อแท้ๆตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง
"ฉันพูดกับเธอจบแล้ว เชิญ" น้ำเสียงเข้มพูดขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กนิ่งไปไม่ต่อล้อต่อเถียงอีก
ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่น อลินดาต้องยอมเดินออกมาจากห้องนั้นราวกับคนไร้วิญญาณทั้งที่เรื่องราวต่างๆยังคาใจเธอไม่หาย
แกร่ก
ปัง!
"มึงไปจัดการให้เรียบร้อย กูต้องการคนเรียนรู้เร็วทั้งเรื่องงาน และเรื่อง....." ชาร์ลพูดกับลูกน้องคนสนิทเมื่อหญิงสาวเดินออกจากห้องไปแล้ว เขาเว้นวรรคคำพูดพร้อมยกยิ้มมุมปากกับของเล่นชิ้นใหม่ ท่าทางไม่ทันคนของเธอทำให้เขานึกสนุกและต้องการพิสูจน์ "หน้าตาอาจจะดูซื่อทำให้มึงสงสาร แต่ไม่แน่อาจจะโชกโชนเรื่องแบบนั้นใครจะไปรู้"
"แต่นายครับเธอไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้ต้องพ่วงเรื่องแบบนั้นด้วยนะครับ"
"กูจ่ายเงินเดือนเป็นแสน มึงคิดว่าจะทำแค่รับโทรศัพท์เหรอไง ถ้ามึงสงสารก็รอกูเบื่อ แล้วไปดามใจกันเอาเอง ไม่แน่อาจแค่ทีเดียวเหมือนคนอื่นเพราะกูไม่ชอบกินซ้ำ แต่ตอนนี้กูคือนายของมึง มึงมีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งกู" ชาร์ลปรายตามองลูกน้องคนสนิทด้วยความไม่พอใจที่กล้าขัดคำสั่งของเขา
“ขอโทษครับ”
หลายชั่วโมงผ่านไป
ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นัยส์ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
หลังจากออกจากห้องนั้นฉันก็ไม่รู้จะไปไหน ได้แต่เดินมาตามทางของชั้นเดิม และเจอกับทางเล็กๆที่ทะลุมาเป็นโซนสวมย่อมบนดาดฟ้า เรื่องพ่อของฉันกระจ่างตั้งแต่วินาทีที่มาถึงตรงนี้ ทุกอย่างเป็นเหมือนที่เขาพูด มันไม่ใช่เรื่องโกหก เขาไม่ได้แต่งเรื่องมาหลอกฉัน แต่ที่พ่อกับแม่ต้องปิดฉันเพราะกลัวว่าฉันจะทิ้งทุกอย่าง ทิ้งความฝันที่จะเรียนจบ แต่มันไม่สำคัญถ้าฉันเกิดรู้ความจริงตั้งแต่ตอนนั้น ฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคนที่ฉันรัก
“มันคือทางออกเดียวที่หนูจะหาเงินมารักษาพ่อ หนูจะทนทำงานกับเขาและรักษาพ่อให้หาย พ่ออดทนรอหนูอีกนิดนะจ๊ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก และลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ร่างบางเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวเอง ซึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องของชายหนุ่มพอดี ไม่ว่าเขาจะเข้าหรือออกเธอก็ต้องได้เจอทุกครั้ง
“ถ้าคุณพร้อมเริ่มงาน สิ่งแรกที่ต้องรู้คือตารางงานของเจ้านาย”
น้ำเสียงเข้มของลูกน้องคนสนิทดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฉันหันไปหาเขาทันที
“นายชื่ออะไร”
“เทเลอร์”
“ฉันคงไม่ต้องบอก เพราะนายคงรู้ชื่อฉันแล้ว”
“ตรงนั้นไม่สำคัญเท่างานที่คุณต้องรับผิดชอบ”
“แล้วฉันจะได้เงินเดือนเป็นแสนจริงใช่ไหม”
“ผมว่าคุณควรไปถามนายใหญ่เอาเอง” เทเลอร์มองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง ทำให้อลินดาหยุดที่จะถามเขาต่อ
“อันนี้เป็นตารางงานของนายใหญ่ทั้งหมด ถ้ามีเพิ่มเติมผมจะเป็นคนแจ้งคุณเอง คุณมีหน้าที่รายงานนายใหญ่ทุกวัน นายทานแค่กาแฟดำเพรียวๆ ส่วนงานอื่นถ้านายต้องการอะไรคุณมีหน้าที่ทำตาม และนี่กินซะ ผมเห็นว่าตอนกลางวันคุณไม่ได้ลงไปทานข้าว”
“ขอบคุณนะ” ฉันระบายยิ้มบางๆให้กับลูกน้องของเขาเมื่อเขายื่นกล่องแซนด์วิซให้ แต่ก็วางไว้ใกล้ๆตัว เพราะตอนนี้ฉันกินอะไรไม่ลงจริงๆ
“ว่าแต่งานมีแค่นี้เองเหรอ ทำไมถึงได้เงินเดือนสูงจังเลยล่ะ”
“ผมตอบคุณไม่ได้ เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
หลังจากที่เทเลอร์พูดจบเขาก็เดินออกไปเลย ปล่อยให้ฉันนั่งงงกับคำพูดของเขาอยู่นานสองนาน แต่ฉันก็หยุดคิดถึงคำพูดของเขาและหันกลับจ้องไปที่ประตูบานนั้นแทน
ก๊อก ก๊อก…
ฉันชั่งใจอยู่นานก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานของเขา ไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน
แกร่ก
แค่เพียงเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นชายหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยนั่งจ้องฉันอยู่ก่อนแล้ว
“ขออนุญาตค่ะ คือฉัน”
“หน้าประตูไม่ใช่ที่ที่เธอควรยืนคุยกับฉัน” ชาร์ลพูดแทรกทันที เมื่อเห็นหญิงสาวยืนพูดกับเขาอยู่หน้าประตู ไม่ยอมเดินเข้ามาใกล้
คำพูดของชาร์ลทำให้อลินดายอมเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น แต่ก็เว้นระยะห่างพอสมควร
“มีอะไรก็พูดมา”
“ถ้าฉันจะขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าจะได้ไหมคะ ฉันจะเอาไปรักษาพ่อ หมอบอกว่าพ่อมีโอกาสที่จะหายถ้ารักษาทันเวลา” ก่อนหน้านี้ฉันได้โทรไปโรงพยาบาลสอบถามค่าใช้จ่ายการรักษา และราคาก็ค่อนข้างสูงสำหรับฐานะอย่างฉัน
“มาทำงานวันแรกก็ขอเบิกเงินเดือน เธอเห็นฉันเปิดบริษัทการกุศลเหรอไง”
“ขอโทษค่ะ” ฉันก้มหน้าลงเมื่อได้คำตอบจากปากเขา มันเป็นคำปฏิเสธที่ทำเอาฉันจุกจนพูดไม่ออก แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ไม่มีที่ไหนให้พนักงานที่พึ่งเริ่มงานได้วันแรกเบิกเงินเดือนก่อน
“ถ้าเธออยากได้เงินเดือนล่วงหน้า คืนนี้สองทุ่มมาหาฉันที่นี่ แล้วเธอจะได้เงินอย่างที่เธอต้องการ” ชาร์ลพูดพร้อมกับยื่นกระดาษที่เขียนที่อยู่อย่างชัดเจนให้กับเธอ
“……” ฉันก้มมองกระดาษในมือด้วยแววตาวูบไหว ก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า เพราะมันเป็นชื่อโรงแรมหรู ฉันเคยเห็นโรงแรมนี้ตอนนั่งรถเมล์ผ่าน และการที่เขาให้ฉันไปเจอที่นี่ก็คิดเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องอย่างว่า มือบางกำกระดาษในมือแน่น
“ฉันว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนะอลินดา”