บทที่ 2. จุมพิตร้าย... ร่ายเสน่หา
“อะ อย่านะ... อื้มมม...” เสียงคัดค้านแสนเบาของเธอกลับหายเข้าไปในลำคอเมื่อเมวีพยายามลืมตามองการกระทำของเขาทั้งผลักไสไหล่หนาของเขาออกจากายตนแต่ก็ไม่อาจทำให้เขาลุกจากตัวเธอได้หนำซ้ำเขายังโอบร่างบางยังดูเล็กกระจ้อยร่อยไปเมื่อเทียบกับร่างสูงใหญ่ของเขา
ออสการ์พาร่างบางมาทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างง่ายดายเมื่อเมวียังมึนงงกับจุมพิตเร่าร้อนของเขา ชายหนุ่มก้มมองร่างบางซึ่งอวบอิ่มเฉพาะที่อย่างหลงใหล คำว่ามีแต่ผู้ชายหน้าโง่เท่านั้นที่หลงเสน่ห์ของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็คงเป็นเขานี่เอง.... แล้วเขาก็ไม่ปล่อยให้ความคิดต่างๆ มาก่อกวนความต้องการเชยชมร่างงาม ออสการ์ก้มลงหาทรวงสาวอวบอิ่มลิ้นร้ายตวัดยอดทรวงสีหวานเข้าปากแล้วดูดกลืนอย่างเอร็ดอร่อยมือหนาร้อนระอุราวเปลวเพลิงก็ฟอนเฟ้นไปทั้งเรือนกายและอวกอวบใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะซ่อนรูปได้ถึงเพียงนี้ เห็นตัวเล็กเพรียวบางราวจะปลิวลมแต่เมวีกลับมีสัดส่วนที่สามารถขยี้ใจชายได้เพียงแค่มองเท่านั้น...
เมวีสั่นสะท้านราวลูกนกตัวน้อยที่พลัดตกลงไปในน้ำอันเย็นเฉียบ หญิงสาวครางแผ่วพร่าอย่างยอมจำนนกับกระแสความร้อนรุ่มที่เธอไม่เคยได้สัมผัสหรือรู้จักมาก่อนว่ามันคืออะไร แม้ในใจจะไม่ยินยอมแต่ร่างกายของเธอกลับทรยศอย่างน่าละอาย มันแอ่นอกอวบให้เขาดื่มกินฟ่อนเฟ้น สะโพกมนยกขึ้นเสียดสีไปกับกายแกร่งที่มีเสื้อผ้าครบชุดแตกต่างจากเธอที่เปลือยเปล่าเผยทุกส่วนสัดให้เขาโลมลูบอย่างย่ามใจ ความเนียนนุ่มหอมหวานจากกายสาวตรงหน้าก็ทำให้ออสการ์เองแทบควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อความเย้ายวนของเธอสั่นคลอนความตั้งใจแก้แค้นเธอที่ทำให้คนที่เขารักเสียใจและเสียน้ำตากับความวาจาร้ายกาจของเธอกลับกลายเป็นว่ามันเริ่มเปลี่ยนไปเป็นหวามไหวเร่าร้อนเสียอย่างนั้น
“อะ อย่า นะ ปละ ปล่อย...” เมวีครางประท้วงแผ่วเบาเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากลิ้นร้ายที่เคลื่อนต่ำลงๆ ต่ำลงไปที่หน้าท้องเนียนที่เกร็งสะท้านด้วยความเสียวกระสัน แต่มันก็ไม่เป็นผลเมื่อลิ้นร้อนผ่าวนั้นยังคงเลียไล้ต่ำลงไปยังจุดอ่อนไหวของเธอ...
ก๊อกๆๆ ...
“คุณหนูเมขา คุณหนู...ดาวเรืองเอานมมาให้ค่ะ นอนรึยังคะ...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงดาวเรืองร้องเรียกอยู่หน้าห้องทำให้ออสการ์ชะงักใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเคลื่อนหาความงามของกลีบดอกไม้บางซึ่งส่งกลิ่นหอมแห่งเพศรสยั่วเย้าให้ดูดดื่มน้ำหวานที่ซึมพร่างพราวยั่วใจ
“ปละ ปล่อยนะ...” เมวีพูดเสียงพร่าแผ่วติดๆ ขัดๆ แล้วผลักร่างหนักของเขาออกจากร่างตนและเขาก็ยอมผละจากร่างเธอโดยดีแต่ก็ไม่ยอมลุกออกไปจากเตียง
“บ้าเอ๊ย...” ออสการ์สบถเบาๆ แล้วเสยผมที่ยุ่งเหยิงของตนอย่างหงุดหงิดซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าหงุดหงิดเพราะดาวเรืองมาเคาะประตูทำให้เขาหยุดการเชยชมร่างงามของเมวี หรือเพราะหงุดหงิดตัวเองที่หลงเตลิดไปกับความเย้ายวนของเธอ หรือเพราะอะไรกันแน่...
“คุณหนูคะ หลับรึยังคะ”
“ยะ ยังจ้ะดาวเรืองรอแป๊บหนึ่งนะ”
เมวีตะโกนบอกแล้วรับลุกขึ้นหาผ้ามาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตนในขณะที่ชายหนุ่มเอนกายพิงหัวเตียงมองเธออย่างท้าทายไม่สนใจสายตาวาวๆ ของเธอที่เริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเอง
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ...” เมวีพูดเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง แต่ชายหนุ่มกลับมองเธอเฉยซ้ำยังเลิกคิ้วมองเธออย่างท้าทายและมองเธอด้วยประกายตาพราวพราย...
“คนบ้า ไอ้บ้า...” เมวีอยากจะกรีดร้องให้สาสมกับความเจ็บแค้นในใจแล้วลุกขึ้นโดยมีผ้าแพรผืนใหญ่ซึ่งเธอชอบใช้ห่มนอนพันกายไว้ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเปิดประตูแง้มๆ ไว้ มองคนอยู่อยู่บนเตียงอย่างหวาดระแวง ใจหนึ่งก็อยากให้ดาวเรืองเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่อีกใจหนึ่งเมวีบอกตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ซ้ำเธอเองจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบเขาและจะอับอายทุกคนมากกว่าที่จะถูกมองว่าใช้ผู้ชายคนเดียวกับแม่เลี้ยงของตัวเอง...
“เอ่อ.. ขอโทษจ้ะดาวเรืองพอดีหนูเมกำลังจะนอนค่ะ เหนื่อยมากเลย”
“ค่ะ ดาวเรืองก็ว่าอยู่ค่ะ นี่ค่ะนมอุ่นๆ ป้าอ้อยกำชับเลยว่าคุณหนูต้องดื่ม”
“โอเคจ้ะ” เมวีรับแก้วนมมาดื่มแต่ไม่ยอมเปิดประตูให้ดาวเรืองเข้ามาแล้วรีบดื่มจนหมดแล้วคืนแก้วให้ดาวเรือง
“หมดแล้วหนูเมขอตัวนอนเลยนะคะพี่ดาวเรือง...”
“ค่ะ ฝันดีนะคะคุณหนู”
ดาวเรืองยิ้มให้คุณหนูคนสวยโดยไม่สงสัยอะไรกับท่าทางดูร้อนรนของเจ้านายสาวเพราะคิดว่าตนเองก็คงจะมารบกวนเมวีที่กำลังจะนอนหลับและไม่คิดสงสัยอีกเช่นกันที่เจ้านายสาวดูจะเปลือยเปล่าเพราะบ่อยครั้งที่เมวีไม่สวมเสื้อผ้านอนด้วยเมวีเป็นคนขี้ร้อนนั่นเอง...
เมวีปิดประตูแล้วหันมามองคนที่ยังคงนอนพิงหัวเตียงอย่างสบายอารมณ์ด้วยความฉุนเฉียว แต่เมื่อสบตาคมที่วับวาวในความมืดสลัวทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกทั้งขัดเขินทั้งหวาดกลัวและหวั่นไหวในเวลาเดียวกัน
ให้ตายสิ.. ความรู้สึกนี้มันไม่น่าจะเกิดกับเธอและก็ไม่สมควรจะเกิดความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายที่ปล้นจูบเธออย่างอุกอาจ
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ...” หญิงสาวแหวใส่คนตัวโตที่สั่นคลอนใจสาวให้หวั่นไหวด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้มั่นคงและดุดันที่สุด
“ไม่ต้องไล่ก็ออกไปอยู่แล้วล่ะเพราะหมดอารมณ์แล้วครับคุณหนูเมสุดอึ๋ม หึหึ”
“อ๊ายยย ไอ้บ้า ออกไปเดี๋ยวนี้นะ หากแกไม่ออกไปจากห้องฉัน ฉันจะเรียกคนมาจับแกโยนออกไปเหมือนหมาข้างถนนเลยคอยดู...”
เมวีกระทืบเท้าเร่าๆ ชี้หน้าด่าเขาไฟแลบดีที่ว่าห้องนอนทุกห้องของบ้านเป็นห้องเก็บเสียง เสียงกรีดร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวของหญิงสาวจึงไม่ดังเล็ดลอดไปให้ใครได้ยิน
“แหม หน้าตาก็สวย หุ่นก็อึ๋มน่าฟัด แต่ปากนี่ มีน้องหมาหลายตัวเหลือเกินนะครับคุณหนูเมวี อ้อ... อีกอย่างคำพูดหยาบคายแบบนี้ทำให้ฉันนึกถึงอะไรรู้มั้ย... นึกถึงโสเภณีข้างถนนไงล่ะ... หึหึ”
ออสการ์พูดอย่างยียวนแต่ทุกคำล้วนแล้วแต่เจ็บแสบกรีดลึกลงไปในใจคนฟัง ใบหน้าที่เมวีนึกชื่นชมในใจว่าหล่อเหลาราวเทพบุตรกรีกนั้นดูกระด้างเย็นชาจนเธอรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมากับแววตาของเขา
ผู้ชายคนนี้มีดวงตาที่สามารถฆ่าคนได้เลยทีเดียว...
“ฉันจะเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายนะเมวี หากเธอคิดจะทำร้ายคุณทัศยาไม่ว่าจะด้วยการกระทำหรือคำพูด ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!...” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็เดินออกไปจากห้องของเธอโดยดีอย่างไม่สนใจคนที่ยืนหน้าดำหน้าแดงมองเขาด้วยความเจ็บแค้นขัดเคือง
“อะ ไอ้ ฝรั่งบ้า ฉันเกลียดแก!”
วันรุ่งขึ้นเมวีลงมารับประทานอาหารเช้าในเวลาเกือบเที่ยงวัน ร่างบางเดินหาวหวอดๆ ลงบันไดมาอย่างยังไม่หายง่วงงุนแล้วเธอก็ต้องชะงักเท้าหยุดถึกอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้ายเมื่อเห็นคนที่ทำให้เธอนอนไม่หลับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์อยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นในห้องโถงโอ่อ่านี้
“หึ ไอ้ฝรั่งบ้า คนโปรตุเกสบ้าอำนาจชอบรังแกผู้หญิงทุกคนรึเปล่านะ...” หญิงสาวต่อว่าเขาเบาๆ แล้วทำทีเดินไปยังห้องอาหารเหมือนไม่เห็นเขาทั้งที่ในใจเต้นระรัวไหววูบวาบเพียงแค่เจอเขา มันน่าโมโหจริงๆ
“อ้าวคุณหนูเมลงมาแล้วป้าว่าจะให้นังดาวเรืองมันไปตามเลยค่ะ ไม่สบายรึเปล่าคะหน้าซีดๆ” ป้าอ้อยทักอย่างเป็นห่วง ร่างอวบของนางเดินมาใกล้แล้วเอื้อมมือแตะหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนห่วงใย
“หนูเมไม่เป็นไรค่ะป้า แค่เมื่อคืนหนูเมนอนไม่ค่อยหลับ”
“คงจะแปลกที่แปลกเวลานะคะ ก็คุณหนูเพิ่งจะลงเครื่องมานี่นะ เอาเถอะค่ะ ไปทานโจ๊กร้อนๆ ดีกว่าค่ะ ป้าทำให้คุณหนูโดยเฉพาะเลยนะคะ”
ป้าอ้อยพูดพลางจูงมือบางไปยังห้องอาหาร เมวีเดินตามร่างอวบของนางไปอย่างนึกละอาย เพราะที่จริงแล้วเธอไม่ได้นอนไม่หลับเพราะอาการร่างกายปรับตัวเข้ากับเวลายังไม่ได้หรือที่เรียกว่า เจ็ทเลต แต่เพราะเธอมัวแต่คิดวุ่นวายใจกับสัมผัสร้อนแรงของออสการ์ต่างหาก และเธอก็กลับเมืองไทยมาได้เกือบสองเดือนแล้วหลังจากที่เรียนจบแต่ยังไม่กลับเข้าบ้านเพราะยังมัวเที่ยวสนุกกับเพื่อนๆ อยู่ทั้งยังไม่คิดจะกลับบ้านด้วยว่าเธอยังคิดจะเที่ยวให้หนำใจก่อนตามประสาคนที่มีสังคมเพื่อนเยอะ แม้จะคิดระแวงคุณทัศยาผู้เป็นแม่เลี้ยงก็ตาม
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณทัศยาก็ไม่ได้เลวร้ายแต่ก็ไม่ถึงขั้นสนิทสนมเสียทีเดียวและที่ผ่านมาคุณทัศยาก็ยอมเธอทุกอย่างและดูแลทุกเรื่องในบ้านได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเธออยากจะได้อะไร อยากจะทำอะไรคุณทัศยาเองก็ไม่เคยขัด แต่แล้วความหวาดระแวงจากภาพและเรื่องราวที่เธอได้รับฟังจากบารมีพร้อมด้วยภาพถ่ายยืนยันว่าคุณทัศยามีผู้ชายคนใหม่ และยังให้ผู้ชายของตัวเองมาบริหารจัดการงานทุกอย่างในทัศนไพศาลกรุ๊ปนั่นต่างหากที่ทำให้เธอตัดใจไม่เที่ยวต่อแต่กลับมาที่บ้านเพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าคุณทัศยาเป็นอย่างที่บารมีบอกเธอหรือไม่และเธอก็เห็นแล้วว่ามันจริงหรือไม่จริง ก็หลักฐานมันทนโท่อยู่อย่างนั้นนี่นะ... เมวีคิดอย่างขุ่นเคืองในใจ
“ป้าครับอาหารที่เตรียมได้รึยังครับ...”
เสียงห้าวๆ ของออสการ์ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเขาเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เมวีชะงักมือที่กำลังตักอาหารพร้อมทั้งหัวใจสาวเต้นตึกๆ ราวจะกระเด้งกระดอนออกมานอกอก
“ได้แล้วค่ะคุณออสการ์ นี่ค่ะ ฝากเยี่ยมคุณยาด้วยนะคะ...”
ป้าอ้อยบอกพร้อมทั้งหยิบตะกร้าซึ่งมีข้าวของหลายอย่างออกมาให้เขาด้วยความนอบน้อมจนเกินไปทำให้เมวีมองอย่างไม่พอใจที่เขามาทำท่าวางอำนาจกับคนในบ้านของเธอทั้งที่เป็นแค่ผู้ชายของแม่เลี้ยงของเธอเท่านั้น ไม่ใช่เจ้านายเช่นเดียวกับที่เธอเป็น... ยิ่งคิดเมวีก็ยิ่งไม่พอใจ
“ครับ ขอบคุณมากครับป้าอ้อย ผมไปนะครับ” ชายหนุ่มพูดกับป้าอ้อยทำเหมือนไม่มีเธออยู่ตรงนั้นจะเดินออกไปโดยไม่พูดหรือทักทายกัน ทั้งที่เมื่อคืนนี้เขากับเธอ... บ้าไปแล้วเมวีนี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่... หญิงสาวถามตัวเองอย่างขัดเคืองและสับสนไปหมด...
“เขาไปไหนคะป้า” และในที่สุดเมวีก็ถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้
“เมื่อคืนคุณยาเธอไม่สบายมากค่ะ ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล เห็นว่าหมอให้พักดูอาการค่ะ”
“เป็นโรคอะไรกันคะ โรคสำออยรึเปล่า...” หญิงสาวเปรยเหยียดๆ
“คุณหนูทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ ไม่น่ารักเลย” ป้าอ้อยกล่าวตักเตือน แต่เมวีกลับยักไหล่ไม่ใส่ใจ
“ก็มันจริงนี่คะ แต่ก่อนหนูเมไม่เคยเห็นเขาจะป่วยเป็นอะไรสักทีนี่คะ แต่อยู่ๆ โดนหนูเมว่าแค่นิดเดียวถึงกับหามส่งโรงพยาบาลเลยเหรอคะ”
“ไอ้ที่หนูเมว่านิดเดียวน่ะ มันไม่นิดนะคะ มันไม่น่ารักเลย คุณยาเธอทำงานแทนคุณท่านมานานแล้วนะคะ และที่ผ่านมาเธอก็เจองานหนักๆ ตั้งหลายงาน ระหว่างที่คุณหนูไปเรียนต่อ”
“หนูเมอิ่มแล้วค่ะ เอาเป็นว่าวันนี้หนูเมจะไปทำงาน...” เมวีบอกเรียบๆ พลางวางช้อนลงแล้วลุกขึ้นไปเสียดื้อๆ ป้าอ้อยก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหน้ากับท่าทางของคุณหนูที่นางรัก
“สักวันคุณหนูจะรู้ค่ะว่าทุกสิ่งที่คุณหนูได้รับมันมาจากความรักที่คุณยามีให้คุณหนูหมดหัวใจ...”
ร่างสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรก้าวยาวๆ อย่างมั่นคงไปยังห้องท่านประธานใหญ่ของทัศนไพศาลกรุ๊ปโดยไม่มีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือใส่ใจสายตาหรือคำพูดของคนที่พูดถึงเขาลับหลังในแง่ลบ ออสการ์นึกหมิ่นในใจกับนิสัยของคนไทยในส่วนนี้ ซึ่งคนประเทศของเขาแทบจะไม่ใส่ใจเลยว่าคนคนนี้จะเป็นใครมากจากไหน หรือเคยเป็นอย่างไรมาก่อน แต่จะดูจะวัดกันที่ ความสามารถและศักยภาพของคนคนนั้นมากกว่า เพราะถึงแม้คนคนนั้นจะร่ำรวยมหาศาลแต่ไม่มีความสามารถจะทำอะไรได้ก็ไม่มีระโยชน์หรือได้รับความชื่นยกย่องแล้วยิ่งไม่มีความดีอะไรให้จดจำ คนคนนั้นก็ยิ่งดูเหมือนเป็นคนไร้ค่า เหมือนอย่างเมวีนั่นอย่างไรล่ะ เธอสวย ร่ำรวย และการศึกษาดีไม่เป็นรองใคร แต่หูเบาเชื่อคำพูดลวงโลกของบารมี หูเบาและมองอะไรเพียงแค่ภายนอกโดยไม่มีสติคิดถึงเหตุและผลจนมองคนอื่นในแง่ลบ...
สวยแต่นิสัยเสีย... เมวี ฉันนี่ล่ะจะดัดนิสัยเธอเอง... ออสการ์คิดในใจ และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาหน้าห้องของเขาเดินมาขวางทางเขาไว้หน้าตาตื่นตระหนก
“เอ่อ.. เดี๋ยวค่ะท่านประธาน” จิตสมร เลขาสาววัยสี่สิบกล่าวขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ
“มีอะไร...”
“เอ่อ คือว่า... คุณ...”
“พูดมา” ออสการ์พูดสั้นๆ น้ำเสียงของเขาห้วนทรงอำนาจที่คนฟังไม่กล้าจะบิดเบือนความจริง
“คือคุณหนูเมเธออยู่ในห้องท่านประธานค่ะ แล้วสั่งว่าหากคุณมาให้ไปนั่งทำงานที่ห้องประชุมก่อน แล้วเธอจะหาห้องทำงานให้คุณใหม่” เลขาวัยดึกกล่าวเสียงอ่อยๆ
“ไปทำงานของตัวเองเถอะ เรื่องนั้นฉันจะจัดการเอง อ้อ.. แล้วอย่าให้ใครมารบกวน...”
“ค่ะ ท่านประธาน” จิตสมรกล่าวอย่างนอบน้อม แล้วมองตามเจ้านายหนุ่มซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยที่กำลังเดินไปเปิดประตูห้องทำงานของตัวเองตามปรกติด้วยความชื่นชมและพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขา...
ตลอดสองปีกว่าที่ออสการ์เข้ามาบริหารงานที่เรียกได้ว่าโอบอุ้มกอบกู้ให้ทัศนไพศาลสามารถกลับมายืนหยัดและมั่นคงอีกครั้งหลังจากที่ประสบกับปัญหาขาดทุน ผลผิตและกำไรจากธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารตกต่ำลงตามสภาวะเศรษฐกิจโลก อีกทั้งประสบปัญหาการผลิตวัตถุดิบที่ป้อนให้กับโรงงานนั้นทำให้กระบวนการการผลิตไม่ได้มาตรฐานและไม่ตรงตามเวลาที่ลูกค้าต้องการ แต่เมื่อออสการ์เข้ามาดูแลและบริหารจัดการให้กับคุณทัศยาที่ร่างกายอ่อนแอลงและไม่มีกำลังที่จะต่อรองกับคู่ค้าสภาวะที่ย่ำแย่ก็ดีขึ้นทันตา
แม้ในตอนแรกทางผู้ถือหุ้นจะคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการที่คุณทัศยายกอำนาจการบริหารจัดการให้กับเขา ชายหนุ่มซึ่งไม่มีที่มาชัดเจนและไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ที่มีแนวโน้มจะนั่งแท่นผู้บริหารสูงสุดของทัศนไพศาลนั่นเอง แต่ที่ผ่านออสการ์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งนี้ที่สุด ซึ่งมันทำให้คนที่ถอนหุ้นออกไปอยากจะกลับเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในผลกำไรมหาศาลที่มากกว่าตอนที่คุณเมธีนั่งแท่นผู้บริหารเสียอีก ซึ่งในหุ้นส่วนคนสำคัญของทัศนไพศาลก็คือครอบครัวของบารมีคู่หมั้นของเมวีนั่นเอง
แต่ตลอดเวลาเรื่องของออสการ์ไม่ได้ถูกเปิดเผยให้เมวีได้รับรู้ แต่จิตสมรเชื่อว่าบารมีคงไม่ยอมให้ใครมาชุบมือเปิบในสิ่งที่เขาหมายตาไว้ ดังนั้นเธอไม่แปลกใจเลยที่เห็นเมวีมาที่นี่และมาด้วยความเข้าใจผิดๆ กับข้อมูลปลอมๆ ที่บารมีสร้างเรื่องขึ้นมาแน่นอน...
