1 ผู้มีพระคุณ
“สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะน้าศักดิ์” มีนาหญิงสาววัย 20 ปียกมือไหว้มารดาและสามีใหม่ ก่อนจะเอากระเป๋าและหนังสือไปเก็บบนชั้นสอง จากนั้นเธอก็สวมผ้ากันเปื้อนทับชุดนักศึกษาแล้วเดินออกมาหน้าร้านอาหารตามสั่งที่มารดาเปิดขายมาหลายปี
“วันนี้ลูกค้าเยอะไหมคะแม่”
“ก็เหมือนทุกวันจ้ะ มีนาหนูมาเหนื่อยๆ ทำไมไม่พักก่อนจะรีบออกมาช่วยทำไมล่ะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ยืนทั้งวันน่าจะเหนื่อยกว่าเยอะเลย”
“จะว่าเหนื่อยมันก็เหนื่อยแต่ก็ยังพอมีเวลาพัก คนไม่ได้แน่นตลอดทั้งวัน”
มุกดาและกิตติศักดิ์สามีใหม่เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ถึงแม้ว่าร้านจะเป็นตึกแถวเล็กๆ แต่ลูกค้าก็แวะเวียนมาไม่ขาดสายเพราะในละแวกนี้มีร้านอาหารตามสั่งอยู่เพียงไม่กี่ร้าน
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานออฟฟิศและนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีนาเรียนอยู่ บางครั้งจึงมีเพื่อนๆ ของเธอตามมาเป็นลูกค้าที่ร้านด้วย
“มีนาเหลือสอบอีกกี่วันล่ะลูก แม่ว่าหนูไปอ่านหนังสือก่อนดีกว่าไหมลูก” มุกดาบอกลูกสาว
“ ไม่เป็นไรค่ะ เหลือสอบอีกแค่วิชาเดียวเองค่ะ มีนาอ่านมาล่วงหน้าแล้วค่ะแม่”
“งั้นก็ตามใจจ้ะ แล้วครั้งนี้จะปิดเทอมกี่เดือนล่ะลูก” มุกดาไม่ค่อยรู้เรื่องการเรียนของลูกสาวเท่าไหร่
“สี่เดือนค่ะ มีนาว่าจะหางานพิเศษทำดูค่ะ ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ”
“แล้วหนูจะไปทำงานที่ไหนล่ะ หาไว้หรือยัง”
“ยังเลยค่ะแม่ ว่าจะลองถามเพื่อนๆ ดูก่อนค่ะ เทอมที่แล้วเพื่อนมีนาไปทำที่ร้านกาแฟค่ะ มีนาว่าจะลองไปสมัครตามโรงเรียนกวดวิชาดูก่อนค่ะแม่ เผื่อเขาต้องการผู้ช่วย”
“จะไปทำที่ไหนล่ะ น้าว่าหนูช่วยงานที่ร้านก็ได้เดี๋ยวน้าให้ค่าจ้างเอง” กิตติศักดิ์รีบเสนอ
“มีนาต้องช่วยงานที่ร้านอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ก็อยากลองไปหางานอย่างอื่นทำด้วย” มีนาไม่เกี่ยงถ้าจะต้องช่วยมารดาขายอาหารที่ร้าน แต่ที่เธออยากออกไปทำงานพิเศษก็เพราะไม่ค่อยชอบน้ากิตติศักดิ์สามีใหม่ของมารดาเท่าไหร่เพราะเขามักจะเข้ามาใกล้ๆ และมักจะแอบมองอยู่ตลอดเวลาที่เธออยู่ในร้าน
แต่ก่อนกิตติศักดิ์จะไม่ได้มาอยู่ที่ร้านทุกวันเพราะเขาทำงานเป็นคนขับรถให้กับบริษัทขนส่ง แต่ก็ลาออกเพราะมีปัญหากับเจ้านาย จากนั้นเขาก็ย้ายเข้ามาอยู่กับมารดาและไม่มีทีท่าว่าจะไปสมัครงานที่ไหน
“ถ้าอยากทำงานจริงๆ หนูลองไปถามคุณฤดีดูหน่อยไหมลูกว่ามีงานอะไรให้ช่วยบ้าง แต่ไปช่วยฟรีนะห้ามรับเงินเด็ดขาด”
“มีนาลืมไปเลยค่ะแม่ งั้นหนูไม่ไปทำงานพิเศษแล้วนะคะ”
คุณฤดีที่มารดาพูดถึงก็ลูกสาวของคุณดวงกมลและคุณประพันธ์เจ้าของโรงเรียนเอกชนที่ให้ทุนการศึกษาแก่เธอตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มาจนถึงตอนนี้ นับเวลาก็ 7 ปีมาแล้ว
ตอนนี้มีนาเรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์เอกคณิตศาสตร์ซึ่งถ้าเรียนจบเธอตั้งใจจะสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูตามความฝันในวัยเด็ก เนื่องจากตอนที่เธอยังเป็นเด็กตัวน้อยมักจะตามบิดาไปที่โรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง มีนาจึงอยากเป็นครูเหมือนบิดาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอเรียนอยู่ชั้น ม.1
“จะไปช่วยเขาทำไมกัน เขามีลูกน้องตั้งมากมาย ช่วยงานที่ร้านไม่ดีกว่าเหรอ” กิตติศักดิ์ไม่อยากให้ลูกเลี้ยงออกไปทำงานที่อื่น เพราะมันหมายถึงโอกาสที่เขาจะเคลมเธอก็จะลดน้อยลงไปด้วย
“เพราะบ้านนั้นเขามีบุญคุณกับมีนา ถ้าไม่มีพวกเขามีนาก็คงได้เรียนแค่ชั้น ม. 3 เองนะคะ ถ้ามีอะไรที่ตอบแทนคนบ้านนั้นได้มีนาก็อยากจะทำค่ะ” มีนาตอบกลับ เพราะลำพังเงินที่มารดาได้จากการขายอาหารก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกับค่าเช่าเท่านั้น
“หนูคิดถูกแล้วล่ะลูก เราไม่มีเงินทองไปตอบแทนเขา แต่เรายังพอมีแรงก็ไปช่วยงานเขาบ้าง แม่ล่ะเกรงใจเขาจริงๆ ทั้งค่าเรียนของหนูทั้งค่าเช่าที่ที่ถูกกว่าที่อื่น” เพราะตึกที่เธอเช่าเปิดร้านอยู่นี้ก็เป็นของคุณดลฤดีซึ่งค่าเช่าถูกกว่าที่อื่นถึงครึ่ง เธอจึงอยากให้ลูกสาวได้ไปช่วยงานคุณดลฤดีในช่วงปิดเทอม
“สั่งข้าวหน่อยค่ะ” เสียงลูกค้าหน้าร้านทำให้ทั้งสามคนหยุดคุยเรื่องงานพิเศษของมีนาไปก่อน
“อ้าว ชบาวันนี้ป้าแขไม่ทำกับข้าวเหรอถึงได้ออกมาซื้อได้”
“ที่บ้านมีเรื่องวุ่น ป้าแขก็เลยไม่มีเวลา”
“พี่ชบาจะกินอะไรคะเดี๋ยวมีนาทำให้”
“เอาผัดกะเพราเครื่องในไก่ ผัดผักรวม แล้วก็ต้มยำอีกอย่างจ้ะ”
“เอาข้าวเปล่าด้วยไหมคะ พี่ชบา”
“ไม่ต้องจ้ะพี่หุงข้าวแล้ว”
“สั่งหลายเลยเดี๋ยวพี่แถมหมูยอทอดให้นะ” มุกดารีบหยิบหมูยอใส่ถุงให้กับชบา ปกติแล้วชบาไม่ค่อยได้สั่งอาหารที่ร้านของเธอบ่อย เพราะที่บ้านจะมีแม่ครัวชื่อป้าแขทำอาหารให้ทานอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าป้าแขไม่ว่างหรือเจ้านายไม่อยู่บ้าน
มีนาช่วยมารดาทำอาหารระหว่างนั้นชบาก็ชวนสองแม่ลูกคุยถึงเรื่องที่คุณนฤดลเจ้านายของเธอประสบอุบัติเหตุ ทำให้ตอนนี้เจ้านายของเธอไม่มีใครอยู่บ้านสักคน
“ชบาล่ะสงสารคุณท่านมากพอได้ข่าวก็เป็นลมไปเลย”
“แล้วตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างล่ะชบา”
“ชบาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงหนักเอาการเพราะคุณๆ ไม่มีใครกลับบ้านเลย”
“พี่ชบารู้ไหมคะว่าตอนนี้คุณนฤดลเขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน” มีนาถามอย่างเป็นห่วง เธอเคยเจอกับคุณนฤดลมาหลายครั้งเพราะเขามักจะเป็นตัวแทนไปมอบทุนการศึกษาและเขาก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอตั้งใจเรียนและตัดสินใจยื่นขอทุนซึ่งปกติแล้วทางโรงเรียนจะคัดเลือกนักเรียนทั้งหมด ปีละ 5 คนเพื่อรับทุนการศึกษาโดยจะเอาคะแนนในชั้นเรียน ม.2 และม.3 เป็นเกณฑ์