บทที่ 4
บทที่ 2
ด้วยสภาพการจราจรในยามฝนตก แถมยังตกในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนด้วย ทำให้การจราจรในกรุงเทพฯ แทบกลายเป็นอัมพาต กว่าจะฝ่าฟันการจราจรอันแสนติดหนึบมาถึงบ้านได้ก็ปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว และคิวาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นน้องสาวนั่งรอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ลิซ่า ยังไม่เข้านอนอีกหรือครับ”
คิวาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับน้องสาว กำลังจะเอ่ยถามต่อว่าไปพบปะกับเพื่อนๆ เป็นอย่างไรบ้าง ก็ถูกน้องสาวสาดเข้าพูดเข้าใส่ทำให้ต้องเสียใจอยู่ลึกๆ
“ลิซ่าไม่ใช่เด็กอนุบาลที่ต้องเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ”
เจอคำพูดนี้เข้าคิวาก็ต้องลอบถอนหายใจ รู้ว่าน้องสาวยังคงโกรธเขาอยู่ พอถามอะไรออกไปจึงถูกน้องสาวเหน็บแนมแทบจะทุกประโยค
“ลิซ่ากำลังจะบอกว่ารอพี่กลับบ้านหรือครับ”
ผู้เป็นน้องอยู่ในอารมณ์โกรธและหงุดหงิดเสมอ แต่คิวาก็พยายามใจเย็นในขณะถามออกไป
“ใช่ค่ะ ลิซ่ารอพี่คิวา”
ชาลิสารับคำ พอพี่ชายเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ก็รีบบอกถึงความต้องการของตนเอง และแน่นอนว่าเธอได้เตรียมคำพูดที่จะกล่อมพี่ชายไว้แล้ว
“ลิซ่าต้องการไปเที่ยวประเทศรัสเซียกับเพื่อนๆ ค่ะ”
คิวาไม่แน่ใจว่านี่คือคำขออนุญาตหรือการออกคำสั่งกันแน่ และก็เอ่ยถามกลับคืนว่า
“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากไปเที่ยวต่างประเทศ”
“ลิซ่าอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่ในบ้านหลังนี้ไม่ต่างจากถูกขังไว้ในลูกกรง”
“พี่ไม่เคยคิดกักขังลิซ่าเลย ลิซ่าจะไปเที่ยว ไปช้อปปิ้ง หรือไปดูหนังกินข้าวกับเพื่อนๆ ได้ตลอดเวลา พี่ไม่เคยห้าม”
“ฮึ! ไม่ห้าม! แต่ก็ส่งรณกรให้คอยเฝ้าติดตามลิซ่า มันไม่ได้แตกจากการถูกขังเลยค่ะ เพราะลิซ่าไม่มีอิสระแม้แต่นิดเดียว”
“ที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวลิซ่าเอง”
คิวาคัดค้านเสียงอ่อน มีความรู้สึกว่าเขากับน้องสาวกำลังพายเรือวนอยู่ในอ่าง ทะเลาะกันในเรื่องเดิมๆ ที่ชาลิสาไม่เข้าใจถึงความเป็นห่วงของเขาสักที
“อย่ามาพูดว่าทำเพื่อลิซ่าเลยค่ะ ถ้าพี่คิวาต้องมาเป็นลิซ่า พี่จะรู้ว่าลิซ่าอับอายมากเพียงใดที่มีรณกรเดินตามต้อยๆ ในทุกฝีก้าว แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำก็ไปยืนรออยู่หน้าห้องน้ำผู้หญิง”
ยิ่งโต้เถียงกัน ยิ่งทำให้ความไม่ลงรอยของสองพี่น้องบานปลายมากกว่าเดิม คิวาจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้ และเอ่ยปฏิเสธคำขอของชาลิสาในก่อนหน้านี้
“พี่ไม่อนุญาตให้ลิซ่าไปรัสเซีย ที่โน่นอากาศหนาวเย็นถึงขั้นติดลบ มันจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลิซ่าได้”
“พอเถอะค่ะ พี่คิวาเลิกแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยต่อสุขภาพของลิซ่า...ลิซ่าสบายดี กับอีแค่อากาศหนาวจนน้ำกลายเป็นน้ำแข็งไม่ได้ทำให้ลิซ่าตายง่ายๆ หรอกค่ะ”
ชาลิสาโต้แย้ง ตีหน้าหงิกหน้างอใส่พี่ชาย รู้ว่าไม่มีทางทำให้พี่ชายใจอ่อนง่ายๆ แต่เธอก็ไม่ละความพยายามเช่นเดียวกัน
“ลิซ่าจะไปเที่ยวประเทศรัสเซียกับเพื่อนๆ พี่คิวาจะห้ามลิซ่าไม่ได้”
“พี่เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าไม่อนุญาตให้ไป!”
คราวนี้คิวาตอบเสียงดังด้วยความลืมตัว นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่เคยขึ้นเสียงกับน้องสาว
เมื่อถูกพี่ชายปฏิเสธเสียงห้วน และไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนง่ายๆ ชาลิสาก็ผุดลุกขึ้นยืน ตะเบ่งเสียงตอบกลับพร้อมกับร้องไห้น้ำตานอง
“พี่คิวาจะเลี้ยงลิซ่าให้อยู่แต่ในกรงไม่ได้ ลิซ่าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของพี่ ลิซ่าจะจุดธูปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าพี่คิวาทารุณจิตใจลูกสาวของพวกท่านอย่างถึงที่สุด”
“ลิซ่า!”
คิวาผุดลุกขึ้นยืนขณะเรียกน้องสาวเสียงดัง ตกใจกับถ้อยคำที่พร่างพรูออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้โฮ
“ไม่ต้องมาเรียก จำไว้ว่าลิซ่าเกลียดพี่คิวา เกลียด เกลียดที่สุด” ชาลิสาสะบัดหน้าหนี ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดบ้านทั้งน้ำตานองหน้า
คิวาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิม เสียงร้องไห้ของชาลิสายังคงดังก้องอยู่ในหัว ถ้อยคำเค้นด่าที่มาพร้อมกับเสียงสะอื้นยังฝังแน่นอยู่ในใจ จนก่อเกิดคำถามว่าเขาเลี้ยงชาลิสาเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงในกรงดั่งที่เธอพูดจริงหรือไม่
สีหน้าของพี่ชายที่รักและห่วงน้องสาวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองเต็มไปด้วยริ้วรอยของความทุกข์ แต่ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ก็ต้องสะดุ้งตกใจกับถุงใส่ยาประจำตัวของชาลิสา ที่ลอยตกลงมาจากชั้นสองของตัวบ้าน
พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นชาลิสายืนอยู่ตรงหัวมุมบันได หญิงสาวไม่เอ่ยพูด คงมีแค่เพียงใบหน้าที่นองด้วยหยาดน้ำตาและดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้ที่จ้องมองเขาเขม็ง
“ลิซ่า! เอายาไปกินเดี๋ยวนี้”
คำสั่งของคิวาไม่มีผลต่อชาลิสา หญิงสาวจ้องมองพี่ชายอยู่อีกครู่ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินเข้าไปในห้องนอนของตน พร้อมกับปิดประตูกระแทกเต็มแรงจนเกิดเสียงดังลั่น
คิวาทอดสายตามองถุงยาที่ตกอยู่ไม่ห่างจากเขาสักเท่าไรนัก เสียงถอนหายใจเฮือกๆ ดังขึ้นหลายครั้งติดกัน จนในที่สุดก็ผุดลุกขึ้นยืนคว้าถุงยามาถือไว้ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของน้องสาว