บทที่ 3 (1)
หลังจากหลงคำคนชั่ว ทั้งๆ ที่กระเป๋าฉีกไม่มีเงินติดตัวแม้แต่สลึงเดียว บุญธิสาก็ยอมกลับไปเล่นรูเล็ตอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นกำลังจะถูกตุ๋นสมกับชื่อเล่นที่มารดาตั้งให้
อีกสองชั่วโมงต่อมา บุญธิสาก็ถูกตุ๋นจนเปื่อย เมื่อมีหนี้สินจากการเล่นพนันเป็นจำนวนเงินถึงหนึ่งล้าน! ในตอนแรกนั้น หญิงสาวไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าตนเองนั้นมีหนี้สินมากมายเพียงนี้ จวบจนกระทั่งนักพนันคนหนึ่งมาสะกิดบอกว่าเธอเป็นหนี้กับทางบ่อนถึงหนึ่งล้านแล้ว หญิงสาวจึงรู้สึกตัวตกใจหน้าซีดแทบเป็นลมให้ได้
“ตาย! ตายแน่ยายไข่ตุ๋น มีหนี้พนันถึงหนึ่งล้าน คราวนี้เธอจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้พวกมันกันล่ะ”
บุญธิสาโอดครวญขณะเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องน้ำ หลังจากรู้ตัวว่าเป็นหนี้ถึงหนึ่งล้าน หญิงสาวก็แทบเป็นลมทั้งยืน จากนั้นก็ออกอุบายขอเจ้ามือมาเข้าห้องน้ำเพื่อมาทำใจสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะออกไปเจรจากับเจ้าของบ่อนถึงหนี้สินที่เกิดขึ้นมาภายในเวลาอันรวดเร็ว
“ถ้าพี่ไข่หวานรู้เรื่องเข้า เราต้องถูกจับเชือดแน่ๆ เลย โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย จะทำยังไงต่อล่ะทีนี้”
ร่างบางระหงเดินไปมาไม่ต่างจากหนูติดจั่น พอนึกถึงสีหน้าและแววตาของพี่สาวตอนรู้เรื่องนี้เข้า ก็ได้แต่ทำหน้าสยดสยอง ไม่รู้ว่าตนเองจะถูกพี่สาวเล่นงานเละสักเพียงใด
และเมื่อเดินจนเหนื่อย ใช้สมองขบคิดหาหนทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนปวดหัวไปหมด บุญธิสาก็ทรุดกายนั่งหมิ่นๆ ตรงบริเวณอ่างล้างมือ พอเห็นหน้าไปตรงผนังบริเวณทางเข้าห้องน้ำ หญิงสาวก็เห็นตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งเขียนไว้เพื่อเตือนผีพนันว่า
การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
“ฮึ! นอกจากจะเขียนป้ายเตือนว่าการพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายแล้ว น่าจะเขียนต่อท้ายด้วยว่า การพนันทำให้เราหมดตูดโดยไม่รู้ตัว”
บุญธิสาฮึดฮัดเค้นเสียงต่อว่าอย่างโกรธๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมานับตั้งแต่วินาทีแรก ที่เธอเริ่มหย่อนชิบลงไปเล่นรูเล็ต จวบจนกระทั่งนาทีสุดท้ายที่เลิกเล่น เมื่อรู้ว่าตนเองมีหนี้สินพันรอบตัวถึงหนึ่งล้าน
“ใช่แล้ว! ไอ้เจ้ามือมันต้องโกงเราแน่ๆ เลย”
บุญธิสาตะโกนเสียงดัง พลางทุบมือลงไปบนอ่างล้างมือซึ่งทำจากหินอ่อนงดงามด้วยความเจ็บใจ เมื่อรู้ว่าตนเองเสียรู้ให้กับคนพวกนี้แล้ว
“โง่จริงๆ เลยยายไข่ตุ๋น ทำไมไม่คิดนะว่าพวกมันอ่อยเหยื่อให้เธอตายใจ จากนั้นก็หลอกให้เธอเป็นหนี้เป็นสินพวกมัน จากนั้นมันก็ตามมาทวงหนี้เธอ ตามทำร้ายเธอเหมือนในหนังมาเฟียที่เคยดูมา”
เจ้าของใบหน้างดงามเพิ่งฉุกคิดได้ แม้คิดไปไกลสุดกู่ ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ในประการหลังยังเดินทางมาไม่ถึง กระนั้นหญิงสาวก็อดหวาดกลัวไม่ได้ ว่าเธอจะถูกมาเฟียพวกนี้ตามทวงหนี้เหมือนที่เคยดูในภาพยนตร์ หรือตามที่เคยดูในข่าวภาคค่ำซึ่งมีข่าวลงให้เห็นเป็นประจำ
บุญธิสาเหลือบสายตามองป้ายตัวอักษรตรงผนังทางเข้าห้องน้ำอีกครั้ง จากนั้นก็อ่านข้อความดังกล่าวออกมาดังๆ
“การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย”
ถึงตอนนี้หญิงสาวก็กระตุกยิ้มตรงมุมปาก ดวงตากลมโตโชนแสงวาววับ เมื่อหัวสมองอันชาญฉลาดขบคิดได้ว่าจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร
“มันโกงเราใช่ไหม เพราะฉะนั้นต้องแก้แค้นคืน!”
ว่าแล้ว มือเล็กก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี กดโทรหาผู้พิทักษ์
สันติราษฎร์ในทันที
“ฮึ! โกงดีนัก หลอกให้เราเสียเงินไม่พอ ยังหลอกให้เรามีหนี้สินรอบตัวด้วย มันต้องเจอแบบนี้นี่แหละ”
บุญธิสาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธจัด พอเจ้าหน้าที่ตำรวจกดรับสาย ก็รีบกรอกเสียงหวานๆ ทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีแจ้งเบาะแสให้รู้ว่ามีการเล่นการพนันอยู่ ณ ที่ใด
“สวัสดีคะคุณตำรวจ ดิฉันโทรมาแจ้งเบาะแสว่ามีการเล่นการพนันอยู่ที่...”
เจ้าของน้ำเสียงหวานๆ เอ่ยบอกสถานที่ตั้งของบ่อน ทั้งเลขที่ห้องซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นบ่อนขนาดใหญ่ ทั้งตรอกซอกซอยที่ตั้งของตึกแห่งนี้อย่างละเอียดยิบ ราวกับกลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะค้นหาไม่เจอ
“สนุกแน่งานนี้”
หลังจากทำหน้าที่พลเมืองที่ดีแล้ว บุญธิสก็หัวเราะคิก นึกภาพไม่ออกว่าจะชุลมุนวุ่นวายมากเพียงใด ตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกมาจับกุมผีพนันที่มีถึงครึ่งร้อย ซึ่งกำลังเพลิดเพลินสำราญใจกับการเล่นพนันซะเหลือเกิน และถึงตอนนั้นเธอก็จะอาศัยช่วงชุลมุนในการหลบหนีออกไปจากบ่อนแห่งนี้
บุญธิสาหันไปมองกระจกเงาบานใหญ่ พร้อมกับยิ้มกว้างให้กับภาพสะท้อนของตนเอง ก่อนจะหัวเราะฮึๆ อยู่ในลำคอแล้วเอ่ยออกมาด้วยความสะใจ
“ฮึๆ ไข่ตุ๋น เธอนี่ฉลาดเหมือนกันนะ โทรแจ้งตำรวจให้มาจับพวกผีพนัน พอเกิดความชุลมุนวุ่นวาย เธอก็รีบหนีออกจากบ่อนแห่งนี้ไปได้โดยไม่มีใครเห็น”
เจ้าของใบหน้างามกระหยิ่มยิ้มย่องขบคิดว่าจะต้องเป็นไปตามที่ตนเองวางแผนไว้ หญิงสาวมองดูเวลาบนนาฬิกาเรือนเล็ก พอเห็นว่าเวลาผ่านไปเกือบห้านาทีหลังจากโทรไปแจ้งความแล้ว ก็คิดว่าตำรวจคงมาถึงบ่อนภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมงแน่ๆ จึงยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำอีกหลายนาที
เมื่อเข็มนาฬิกาเดินทางผ่านไปเกือบสิบนาที หญิงสาวก็ตัดสินใจออกจากห้องน้ำ เพื่อไปดูลู่ทางในการหลบหนี ตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจมากวาดล้างทลายบ่อนแห่งนี้
“พอหนีออกไปได้แล้ว พวกมันก็ไม่รู้หรอกว่าเราเป็นใคร พวกมันตามหาเราไม่เจออย่างแน่นอน”
บุญธิสาบอกตัวเองอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็เดินตรงไปยังประตูห้องน้ำ จับลูกบิดประตูแล้วเปิดออกกว้าง ใบหน้างามนั้นยิ้มกว้างด้วยความสะใจกับแผนการของตนเอง
แต่! พอเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มหวานๆ ซึ่งปรากฏอยู่บนใบหน้างามลออ ก็มีอันต้องหลุดร่วงจางหายไป กลายเป็นซีดเผือดไม่ต่างจากไก่ต้มค้างคืน เมื่อดวงตาคู่สวยปะทะกับหนุ่มในเครื่องแบบ ซึ่งกำลังยืนรอรับเธออยู่หน้าห้องน้ำนี่เอง
“ตะ...ตำรวจ!”
บุญธิสาร้องเสียงหลง อ้าปากค้าง เบิกตาโตเท่าไข่ห่าน จากนั้นหญิงสาวก็ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก เมื่อถูกเชิญตัวโดยละม่อมให้ไปขึ้นรถตำรวจ พร้อมๆ กับผีพนันอีกโขยงซึ่งถูกจับไปก่อนหน้านี้แล้ว
“เชิญไปขึ้นรถด้วยครับคุณผู้หญิง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มหล่อเอ่ยบอกกับนักพนันสาว ซึ่งยืนหน้าซีดอยู่หน้าห้องน้ำ และไม่ต้องออกแรงวิ่งไล่จับ เมื่อบุญธิสาพยักหน้าหงึกๆ ทำหน้าเหยเกราวกับจะร้องไห้ แต่ก็ยอมเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปโดยละม่อม ไม่วิ่งหนีให้เหนื่อยเปล่า ด้วยรู้ว่ายังไงเสีย ตนเองก็หนีไม่รอดแน่ เพราะตอนนี้ภายในห้องใหญ่ ซึ่งเคยอัดแน่นไปด้วยผีพนันทั้งหลายแหล่ กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกยึดพื้นที่ไว้หมดแล้ว
พอเข้ามานั่งในรถตำรวจพร้อมกับนักพนันอีกหลายๆ คน บุญธิสาก็ก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนเล็ก เมื่อเห็นว่าเข็มนาฬิกากระดิกเดินทางผ่านไปไม่กี่นาทีหลังจากเธอโทรไปแจ้งความ ก็ได้แต่กลอกตาขึ้นบนด้วยความเซ็งจัด ก่อนจะบ่นงึมงำไม่ต่างจากหมีกินผึ้ง
“อยากจะบ้าตาย นึกว่าตำรวจจะมาภายในหนึ่งหรือสองชั่วโมง แต่นี่เพิ่งผ่านไปแค่เก้านาทีเอง คุณโปลิศก็มาถึงบ่อนจับนักพนันซะเกลี้ยงไม่เหลือหรอ”
บุญธิสาไม่รู้จะชื่นชมกับปฏิบัติการอันรวดเร็วฉับไวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ดีหรือไม่ แต่จะชื่นชมหรือไม่ชื่นชมก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะตอนนี้เธอถูกเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบพามาถึงสถานีตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บรรยากาศภายในสถานีตำรวจ เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เมื่อบรรดานักพนันทั้งหลายต่างก็โทรศัพท์ให้ญาติพี่น้องมาประกันตัวเองออกไป บางคนก็โวยวายอวดเบ่งอำนาจใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข่มขู่ว่าตนเองรู้จักคนใหญ่คนโตมากมาย หากไม่ปล่อยตนเองไปก็จะต้องเจอดีแน่
ในขณะที่นักพนันกระเป๋าหนักทั้งหลายแหล่ ต่างก็โทรให้ญาติพี่น้องมาประกันตัวออกไป บุญธิสากลับนั่งทำตาปริบๆ อยู่ใกล้กับนักพนันหญิงอีกหลายคน ซึ่งรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปจ่ายค่าประกันตัว และระหว่างรอ คนเหล่านี้ก็ไม่ได้นั่งรอเฉยๆ แต่พวกเธอกัดฟันดังกรอดๆ เอ่ยอาฆาตถึงคนที่บังอาจโทรแจ้งตำรวจให้มาทลายบ่อนในคืนนี้
“ฉันอยากรู้นักว่าใครมันเสือกโทรแจ้งตำรวจ ว่ามีการเล่นพนันในอาคารนั้น ถ้าแม่รู้นะ แม่จะตบล้างน้ำเอาให้หยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวันเลยทีเดียว”