บทที่ 4
ธาราไม่อาจรับรู้ได้ว่าผู้เป็นเจ้าของรถสปอร์ตราคาแพง ขับรถไปยังเส้นทางใดบ้าง หญิงสาวได้แต่ภาวนาให้เขาจอดรถสักที เพื่อเธอจะได้หนีเอาตัวรอดออกไปจากรถยนต์ของเขา
พอชายผู้นี้จอดรถ ซึ่งคงเป็นภายในบริเวณบ้านของเขา และสั่งให้ลูกน้องเอารถไปจอดในโรงเก็บรถ หญิงสาวก็เตรียมพร้อมสำหรับการหลบหนีอีกครั้ง
“ทำไมรถของเจ้านาย มีกลิ่นสกปรกเหมือนกลิ่นน้ำเน่าไม่มีผิด” เดนิสบ่นพึมพำขณะค่อยๆ ถอยรถสปอร์ตเข้าไปจอดในโรงจอดรถ
“สงสัยต้องล้างรถ ดูดฝุ่นเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกลิ่นเหม็นๆ คงติดไปถึงตอนเช้า”
เดนิสดับเครื่องยนต์ พร้อมกับเปิดไฟภายในรถ ตั้งใจจะทำตามที่พูดออกไป แต่พอดวงไฟในรถถูกเปิดให้ความสว่างไสว เขาก็เห็นร่างเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูรถ แล้ววิ่งพุ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! ใครว่ะ”
เดนิสตะโกนร้อง กระโจนออกจากรถวิ่งตามไปตะครุบร่างบางไว้ได้ทันควัน
“กรี๊ดดดด”
ธาราหวีดเสียงร้อง เมื่อถูกร่างใหญ่ของชายผู้นี้ กระโดดมาตะครุบตัวเธอไว้ จนเธอล้มหน้าคะมำไปกับพื้น ดีที่เป็นหญ้านุ่มๆ รองรับตัวเธอไว้ ไม่เช่นนั้นคงเจ็บไปมากกว่าที่เป็นอยู่
“ปล่อยฉัน!”
“เธอเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ในรถของเจ้านาย หรือเป็นพวกขโมย จะมาขโมยรถ” เดนิสตะโกนถามเสียงดัง หลังจากตะครุบตัวธาราได้แล้ว
“ปล่อยฉัน...ฉันไม่ใช่ขโมย” ธาราปฏิเสธเสียงดังไม่แพ้กัน พยายามบิดมือให้หลุดพ้นจากมือใหญ่ของเดนิสที่จับยึดข้อมือเธอไว้แน่น
“ไม่ใช่ขโมย แต่ทำไมถึงเข้าไปอยู่ในรถของเจ้านายได้”
ธาราไม่ตอบ นอกจากยกมือไหว้ขอความสงสารจากอีกฝ่าย “คุณ...เชื่อฉันเถอะค่ะ ฉันไม่ได้มาขโมยรถของเจ้านายคุณ ปล่อยฉันเถอะนะคะ”
“ถามดีๆ ไม่ยอมตอบ คงต้องให้เจ้านายเป็นคนเค้นเอาคำตอบจากเธอ”
ว่าแล้วเดนิสก็กระชากร่างบางให้ลุกขึ้นยืน แล้วออกแรงลากร่างบางระหงให้เดินตามเขาเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังใหญ่
“กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะไอ้บ้า กรี๊ดดดด”
ธาราหวีดเสียงร้อง ขณะถูกลากอย่างไม่ปรานีปราศรัยเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ และก็ต้องนิ่งเงียบ หวาดกลัวไปกับน้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า
“ไปลาก ‘อีตัว’ มาจากไหน เดนิส!”
เดนิสผลักร่างบางให้ล้มลงทรุดตัวลงนั่งหน้าโซฟา ห่างจากร่างใหญ่ล่ำสันไม่ไกลมากนัก ก่อนจะเอ่ยตอบให้ผู้เป็นนายต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง
“ผู้หญิงคนนี้หนีออกมาจากรถของนายครับ”
“ออกมาจากรถของเรา?” ไคล์พึมพำถามตัวเองมากกว่า เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้เข้าไปอยู่ในรถยนต์ของเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน
“เธอเข้าไปอยู่ในรถของผมตั้งแต่เมื่อไร”
ขณะเค้นเสียงถามออกไป ไคล์ก็พยายามมองใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่สิ่งที่เขาเห็นมีแค่เพียงเส้นผมยาวรุ่มร่ามที่ตกลงมาบดบังใบหน้าของหญิงสาวไว้
“หรือว่าเธอคือนางนกต่อของไอ้ขี้ยาพวกนั้น ที่บังอาจคิดมาขโมยรถของผม”
ไคล์เค้นเสียงถามต่อ หลังจากนึกถึงพวกขี้ยาทั้งห้าคน ที่ถูกเขาขู่ด้วยปืนจนวิ่งหนีแทบไม่ทัน
“ฉันไม่ได้ขโมยรถของใคร ฉันแค่ต้องการเข้าไปหลบอยู่ในรถยนต์ของคุณเท่านั้น”
ธาราหลุดเสียงตอบมาได้อย่างยากลำบาก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า เพราะจำได้ว่าเขาพูดถึงปีเตอร์ หญิงสาวไม่รู้ว่าชายคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับปีเตอร์ และเธอจะไม่ให้เขารู้เป็นอันขาดว่าเธอคือคนที่เอามีดเสียบเข้าไปบนพุงของปีเตอร์ ตอนที่คนชั่วคนนี้พยายามจะข่มขืนเธอ
“เงยหน้ามองผม” ไคล์ตะคอกสั่งด้วยความเคยชิน อยากเห็นใบหน้าของนางนกต่อ แต่อีกฝ่ายกลับก้มหน้างุดจนเขานึกโมโห
ธาราไม่กล้าเงยหน้ามองอีกฝ่าย หญิงสาวยังคงก้มหน้างุดตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว คิดว่าการที่ตนเองหลบเข้ามาอยู่ในรถสปอร์ตคันนั้นคงหนีคนที่ตามล่าเธอพ้นแล้ว แต่ที่ไหนได้...กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังหนีเสือปะจระเข้
“ผมบอกให้คุณเงยหน้าขึ้น ได้ยินไหม!”
การถูกขัดคำสั่งสร้างความโกรธจัดให้กับไคล์เป็นอย่างมาก น้ำเสียงที่ตะคอกออกคำสั่งอีกครั้งจึงห้วนจัดดังลั่นไปทั่วบริเวณ ทำเอาลูกน้องทั้งสอง รวมทั้งธาราสะดุ้งเฮือกไปตามๆ กัน
ธาราตัวสั่นเป็นลูกนก หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นทำตามคำตะคอกสั่ง แต่พอสบกับดวงตาคมกริบดุจพญาอินทรีที่กำลังจ้องมองเขม็ง ก็ยิ่งตกใจกลัวรีบก้มหน้างุดลงตามเดิม
“อุวะ! เป็นนางอายหรือยังไง ถึงไม่ยอมให้เห็นหน้าสักที”
ไคล์สบถลั่น ร่างใหญ่ล่ำสันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาหาธารา มือใหญ่เชยคางมนให้เงยหน้าขึ้น ทว่าหาได้ทำด้วยกริยาอ่อนโยนไม่! มือใหญ่เชยคางธาราค่อนข้างแรง เกือบเป็นการผลักให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น
“ขอดูหน้านางนกต่อหน่อยสิ ว่าเป็นยังไง”
ไคล์เค้นเสียงห้วนๆ ปัดเส้นผมยาวนุ่มสลวย ที่ตกลงมาปิดใบหน้าของธาราออกไป พอดวงตาคมกริบมองปะทะกับใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด ทว่ายังคงความงดงามไม่มีที่ติ ก็ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ
ไม่ใช่เพราะความงดงามของหญิงสาวคนนี้เท่านั้น ที่ทำให้เขาหายใจติดขัด แต่...มีกระแสบางอย่างที่วิ่งเข้าจู่โจมสู่หัวใจ จนกระทั่งเขาต้องตกตะลึงไปนานหลายนาที
“เธอเป็นนางนกต่อให้กับไอ้พวกขี้ยาที่จะขโมยรถของผมใช่ไหม” ไคล์เอ่ยถามออกมาได้หลังจากนิ่งเงียบไปนานหลายนาที
ธาราหวาดกลัวชายผู้นี้จนตัวสั่นไม่ต่างจากถูกจับโยน หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนี แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากฝ่ามือใหญ่ที่จับยึดไว้แน่น
“ไม่...ฉันไม่ใช่นางนกต่อ...ฉันไม่ได้ขโมยรถของคุณ”
“แล้วคุณเข้าไปอยู่ในรถของผมทำไม และเข้าไปได้ยังไง” เพราะคิดว่าตนเองล็อกรถก่อนจะลงไปหาปีเตอร์ ไคล์จึงตั้งคำถามออกมาเช่นนั้น
“ฉัน...ฉันก็เปิดประตู...แล้วแอบเข้าไปซ่อนอยู่ในรถของคุณ”
ธาราตอบเสียงสั่น พยายามหลุบสายตาลง เพื่อหลบดวงตาคมกริบที่จ้องมองไม่กะพริบตา ทำเอาเธอหวาดกลัวหายใจไม่ทั่วท้องแม้นาทีเดียว
“หมายความว่าคุณงัดประตูรถของผม” ไคล์คาดเดา
และธาราก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่...ไม่ใช่...ประตูรถของคุณไม่ได้ล็อก ฉันเลยเปิดประตูเข้าไปได้”
พอได้ยินคำตอบ ไคล์ก็ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ ที่สะเพร่าถึงเพียงนั้น “คุณบอกว่าไม่ได้เป็นนางนกต่อของไอ้พวกขี้ยา แล้วคุณไปหลบอยู่ในรถของผมทำไมกัน หรือว่านี่เป็นวิธีจับ ‘แขก’ วิธีใหม่ที่พวกคุณใช้กัน”
ดวงตากลมโต ใบหน้างามขาวซีดเต็มไปด้วยริ้วรอยของความงุนงงกับคำพูดของไคล์ นาทีต่อว่าใบหน้างามก็แดงซ่านเพราะความโกรธ เมื่อเข้าใจแล้วว่าไคล์หมายถึงอะไร
“ฉันไม่ใช่อีตัว!”
‘ฉันถูกหลอกมาขายต่างหาก’
ธาราตะโกนตอบเสียงดัง พร้อมกับกักเก็บถ้อยคำที่เหลือไว้ในใจ ใช่! เธอถูกหลอกมาขาย แถมยังถูกเคราะห์กรรมซาซัดเข้าใส่ จนกลายเป็นฆาตกรโดยไม่ได้ตั้งใจ
“แล้วเธอเป็นใคร เข้าไปหลบอยู่ในรถของผมเพื่ออะไร หรือว่า...คุณทำความผิดมา จนต้องมาซ่อนอยู่ในรถของผม”
ไคล์ไม่รู้เลยว่าคำถามของเขานั้นแทงใจดำของธาราเต็มเป้า จนหญิงสาวสะดุ้งเฮือก แต่พยายามเก็บซ่อนอาการไว้ให้ได้มากที่สุด
“ฉัน...ฉันเป็นเด็กบ้านนอก ฉันถูกเพื่อนหลอกมาขายที่...ที่พัทยา” ธาราเลือกบอกความจริงแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
“แน่ใจว่าคุณพูดความจริง” ไคล์ไม่เชื่อสักเท่าไร จึงต้องถามซ้ำออกมา
“สาบานได้เลยค่ะ ว่าฉันถูกเพื่อนหลอกมาขายจริงๆ” ธารายกมือพนมไหว้ ขณะย้ำคำพูดของตนเอง “ฉันหนีออกมาจากบาร์ และถูกนักเลงคุมบาร์ตามไล่จับตัว ฉันพยายามหนีเอาตัวรอด ฉันเห็นรถจอดอยู่หลายคัน แต่ทุกคันติด
ล็อกหมด”
“ยกเว้นรถของผม” ไคล์เอ่ยต่อท้าย
“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ รถคุณไม่ได้ล็อก” ธารารับคำเสียงแผ่วเบา พยายามก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของไคล์ ที่จ้องมองเพื่อจับผิดเธอ
“ถ้าคุณถูกหลอกมาขายจริง ผมจะพาคุณไปแจ้งความ และให้ตำรวจช่วยส่งคุณกลับบ้านด้วย”
คำพูดของไคล์สร้างความตกใจให้กับธาราเป็นยิ่งนัก หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว พร้อมกับเอ่ยขอร้องน้ำเสียงสั่นเทา
“ไม่...อย่าส่งฉันไปหาตำรวจ”
“ทำไม”
“คนที่หลอกฉันมาเป็นตำรวจเหมือนกันค่ะ”
ธาราจำต้องโกหกออกมา หากยอมให้ชายผู้นี้ส่งเธอไปหาตำรวจ ก็ไม่ต่างจากส่งเธอให้ไปติดคุกในคดีฆ่าคนตาย!
“ไม่ให้ส่งไปหาตำรวจ แล้วจะเอายังไงกัน คุณมีเพื่อน มีญาติอยู่ในพัทยาไหม ผมจะให้ลูกน้องส่งคุณไปหาพวกเขาเหล่านั้นเอง”
“ฉันเป็นเด็กบ้านนอก ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติที่นี่แม้แต่คนเดียว” หยาดน้ำตาใสเอ่อคลอเบ้าในทันที เมื่อนึกถึงโชค
ชะตาอันเลวร้ายของตัวเอง
‘บ้าชะมัด! ทำไมเราถึงรู้สึกใจคอไม่ดีกับน้ำตาของผู้หญิงคนนี้’
ไคล์พึมพำอยู่ในใจ นอกจากมารดาของเขาแล้ว เขาไม่เคยรู้สึกรู้สากับหยาดน้ำตาของผู้หญิงมาก่อน แต่กับผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกอยากทำทุกอย่างเพื่อให้หยาดน้ำตาใสจางหายไปจากดวงตาคู่สวยคู่นี้
“ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ถ้ายังงั้นผมจะส่งคุณไปมูลนิธิเด็กและสตรี”
“ไม่...ฉันไม่ไป...”
ธาราร้องตอบ และด้วยความลืมตัว หญิงสาวโผเข้าไปจับต้นแขนแข็งแกร่งไว้แน่น ขณะวิงวอนต่อด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร
“ฉัน...ขอพักที่นี่สักคืนได้ไหมคะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะหาทางกลับบ้านเอง”
ความหวาดกลัวที่มีต่อบุรุษผู้นี้เริ่มจางหายไปบ้างแล้ว เพราะหากไคล์คิดจะทำร้ายเธอ เขาคงลงมือตั้งแต่นาทีแรกที่เธอนั่งอยู่ตรงหน้าเขา
ไคล์สะบัดมือหนีในทันทีที่ถูกมือเล็กเย็นเฉียบจับลงมาบนต้นแขนของเขา ชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจมือเล็กที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก ทว่า...เพราะมีกระแสบางอย่างที่แล่นจากมือเล็กเข้าสู่ตัวเขา จนเกิดอาการสั่นสะท้านต่างหาก ที่ทำให้เขาต้องกระชากมือหนีไม่ต่างจากถูกเปลวไฟลามลวกไปทั่วต้นแขน
“ก็ได้ ผมจะให้คุณพักในบ้านของผมสักคืน”
ไคล์ตอบตกลง ซึ่งคำตอบของเขาเรียกรอยยิ้มได้จากใบหน้างามในทันที และนั่นก็ทำให้เขาต้องสบถด่าธาราอยู่ในใจ
‘บ้าฉิบ...ได้โปรดอย่ายิ้มแบบนี้ให้กับผู้ชายหน้าไหนอีก’
ธาราไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเธอเปิดให้โลกดูสว่างสดใส และเขามั่นใจเกินร้อยว่าผู้ชายทุกคนที่เห็นรอยยิ้มกว้างจากเธอ คงต้องการบดขยี้ริมฝีปากลงไปบนเรียวปากคู่นี้ เหมือนเช่นดั่งที่เขากำลังต้องการทำอยู่ในขณะนี้
“ขอบคุณคุณมากนะคะ ที่เมตตาฉัน”
ธารายกมือพนมไหว้ คลี่ยิ้มออกมาได้เมื่อคิดว่าอย่างน้อยคืนนี้เธอก็ไม่ต้องไปนอนในลูกกรงแคบๆ และไม่ต้องหนีการตามล่าจากคนชั่วเหมือนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“เธอชื่ออะไร” จู่ๆ ไคล์ก็เอ่ยถามสั้นๆ ทำเอาธาราตีสีหน้างุนงง พร้อมกับเอ่ยถามซ้ำ
“คะ อะไรนะคะ”
“ผมถามว่าคุณชื่ออะไร” ไคล์ถามซ้ำติดรำคาญ
“ธาราค่ะ”
ไคล์พยักหน้า ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องของตนเอง “เดนิส พาธาราไปพักในห้องรับแขกด้วย”
“ครับเจ้านาย”
แม้ออกจะสงสัยอยู่มาก ที่จู่ๆ ผู้เป็นเจ้านายก็ต้อนรับขับสู้หญิงแปลกหน้า ยอมให้พักในคฤหาสน์หลังนี้ แต่เดนิสก็ยอมทำตามคำสั่งของเจ้านายแต่โดยดี
“ลุกขึ้สิ เดี๋ยวผมจะพาไปห้องพัก” เดนิสกระชากเสียงสั่งธาราบ้าง
ธารายังไม่ทำตามคำสั่งของเดนิส หญิงสาวหันไปมองเจ้าพ่อหนุ่ม พร้อมกับยกมือไหว้เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ คุณ...”
“ผมชื่อไคล์...ไคล์ พาร์กเคอร์” ไคล์เอ่ยตอบเมื่อรู้ว่าหญิงสาวต้องการทราบชื่อของเขา
ธาราสะดุ้งเล็กน้อยตอนได้ยินนามสกุลของอีกฝ่าย ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกันกับคนที่เธอส่งให้ไปเยียนยมบาลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้
“ค่ะคุณไคล์ ฉันขอบคุณคุณมากๆ นะคะ”
“จำไว้นะธารา ผมให้คุณพักในบ้านของผมแค่คืนนี้เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นการทำบุญ สงเคราะห์ลูกนก ลูกกาที่น่าสงสารอย่างคุณ แต่ถ้าหากคุณคิดขโมยข้าวของในบ้านของผม...ผมสาบานได้เลยว่าเป็นการทำอย่างผิดมหันต์!”
ธาราสะท้านเยือกไปกับคำขู่ของไคล์ “ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ พรุ่งนี้ ฉันจะรีบออกไปจากบ้านของคุณแต่เช้า ขอให้คุณไว้ใจว่าฉันจะไม่ขโมยข้าวของๆ คุณเด็ดขาด”
ไคล์พยักหน้ารับรู้ พร้อมกับโบกมือไล่ “ไปได้แล้ว”
ธาราคลี่ยิ้มให้กับไคล์และเลยไปถึงไบรอัน ก่อนจะรีบเดินตามเดนิสตรงไปยังห้องพักของเธอ
“เจ้านาย แน่ใจหรือครับ ที่จะให้ผู้หญิงข้างถนนคนนี้นอนพักในบ้านคืนนี้” ไบรอันเอ่ยถาม หลังจากนิ่งเงียบฟังมานาน
“อืม...” ไคล์รับคำในลำคอ ก่อนจะเอ่ยบอกต่อ “เราไม่เชื่อที่ธาราพูดสักเท่าไร เธอหลบสายตาของเราแทบตลอด
เวลา แต่...ถือว่าช่วยให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นไม่ต่างจากลูกนกหลงรังได้มีที่พักอาศัยหลับนอนก็แล้วกัน หากเธอคิดขโมยของในบ้าน ถึงตอนนั้นเราจะจัดการกับเธอเอง”
“ถ้ายังงั้น ผมจะให้เดนิสคอยเฝ้าอยู่หน้าห้องด้วยนะครับ”
“ก็ดีเหมือนกัน” ไคล์พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นบิดกายไปมาด้วยความอ่อนล้า “เราจะไปนอนแล้ว ยังปวดหัวไม่หายกับเรื่องของปีเตอร์ นายไปบอกให้เดนิสอยู่เฝ้าธาราด้วยก็แล้วกัน”
“ครับเจ้านาย” ไบรอันรับคำอีกครั้ง
ไคล์ไม่อยู่รอฟังคำตอบรับจากไบรอัน เจ้าพ่อหนุ่มก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นบันไดบ้านตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง พอเดินถึงเตียงนอนใหญ่ ก็ทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ทว่า...ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ามากเพียงใด กลับข่มตานอนไม่หลับ เพราะยังจดจำภาพรอยยิ้มหวานๆ ของธาราได้ติดตา พลางนึกถึงถ้อยคำที่ตนเองขู่หญิงสาวไว้ด้วย
“ธารา...ถ้าเธอคิดเป็นหัวขโมย คุณได้เจอดีแน่”
ไคล์ยังคงระแวงธารา คิดว่าหญิงสาวอาจจะเป็นหัวขโมยที่แสร้งเล่นละครตบตา ให้เขามอบความสงสารให้กับเธอ จนยอมให้เธอพักค้างคืนอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
แต่...ไคล์หารู้ไม่ว่า ธาราไม่ได้ขโมยทรัพย์สินเงินทองของเขา แต่! เธอจะขโมยมากกว่านั้น นั่นก็คือการขโมยหัวใจของไคล์ พาร์กเคอร์ มาเป็นของเธอ...