บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ธันย์ณิชา 1

“แม่แน่ใจเหรอว่าจะให้วุ้นไป”

เอมอรถามวรนุช แม่เล้าสถานอาบอบนวดเซนทาน่าชื่อดังบนถนนรัชดาภิเษก น้ำเสียงและสีหน้าของคนถามเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าไม่ให้มันไปแล้วจะให้ใครไป ที่นี่ไม่มีสาวบริสุทธิ์สักคน ก็มีแต่มันนี่แหละ” วรนุชตอบขณะที่มือนับเงินปึกใหญ่ไปด้วย

“มันจะไหวเหรอแม่ แม่ก็รู้ดีว่าพ่อเลี้ยงเพลิงเป็นยังไง ฉันกลัวว่ามันจะตายคาเตียงมากกว่าให้ความสุขกับพ่อเลี้ยงนะแม่ ฉันว่าหาคนใหม่เถอะ”

นภาไม่เห็นด้วยที่วรนุชจะให้ธันย์ณิชา หญิงสาวที่เกิดจากอดีตหมอนวดที่มีอาชีพขายบริการควบไปด้วยกับผู้ชายที่มาซื้อบริการ จากการผิดพลาดเธอจึงตั้งท้องขึ้นมาและพอให้กำเนิดบุตรสาวหน้าตาน่ารัก คนเป็นแม่ก็เสียชีวิตเพราะเรื่องชู้สาว วรนุชจึงรับเลี้ยงธันย์ณิชาด้วยความสงสารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทว่าเวลานี้นางกำลังผลักเด็กกำพร้าคนนี้ให้ตกนรกอยู่ในสภาพเดียวกับผู้ให้กำเนิด

“จะหาที่ไหนได้วะ สมัยนี้สาวบริสุทธิ์มันหายากจะตาย ที่มาสมัครเป็นอย่างพวกเอ็งก็มีแต่สาวใจแตก อยากได้เงินไปซื้อข้าวของแพงๆ ทั้งนั้น คงไม่มีสาวพรหมจรรย์เดินมาสมัครงานที่นี่หรอกนะ หรือว่าเอ็งสองคนหาได้ล่ะ ถ้าหาได้ก็หามาเลย”

วรนุชพูดเสียงฉุน นางเองก็ใช่ว่าจะอยากให้ธันย์ณิชาขายบริการ นางอุตส่าห์ส่งเสียลูกบุญธรรมเรียนหนังสือ เหลืออีกหนึ่งเทอมก็จะจบปริญญาตรี แต่ทว่านางก็มีเหตุผลของนางที่ไม่อาจบอกทั้งสองได้ว่า เหตุใดจึงตัดสินใจเช่นนี้

“มันก็จริงอย่างที่แม่พูดนะ สาวบริสุทธิ์ที่ไหนจะมาทำงานอย่างนี้” เอมอรพูดเสียงเบา “แต่ฉันก็ไม่อยากให้วุ้นมาอยู่วงจรอุบาทว์แบบนี้ แม้ว่ามันจะเกิดจากผู้หญิงขายตัว แต่มันก็มีอนาคตดีกว่าพวกเรานะแม่ มันมีการศึกษา มีหน้าตาสะสวย กิริยามารยาทก็ดีเหลือเกิน ฉันกลัวว่าความสดใสของมันจะหมดไปน่ะสิ อีกอย่างเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่าพ่อเลี้ยงเพลิงเป็นยังไง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะอย่างฉันกับนภา บางครั้งยังแทบทนไม่ได้เลย ไม่อยากจะคิดภาพเลยแม่ แม่คิดให้ดีๆ นะแม่นะ”

“จริงอย่างที่อรพูดนะแม่ ชีวิตของวุ้นสดใส ฉันเองก็ไม่อยากให้แม่ฉุดมันมาตกนรก” นภาพูดหว่านล้อมวรนุชอีกคน เพราะไม่ต้องการให้ธันย์ณิชาตกอยู่ในสภาพเดียวกับตน

“ให้มันเป็นคนแรกของพ่อเลี้ยงน่ะดีแล้ว ดีกว่าเป็นของคนอื่น ฉันเชื่อว่าพ่อเลี้ยงคงไม่ลงมือหนักกับมันนักหรอก พ่อเลี้ยงคงรู้ว่าวุ้นเป็นมือใหม่ แล้วต้องทำยังไงกับมือใหม่ เอ็งสองตัวอย่าไปห่วงวุ้นมันเลย ห่วงตัวเองดีกว่า ได้ข่าวว่าริอ่านจะไปเป็นเมียน้อยหรือไง เป็นผู้หญิงขายตัวมันต่ำไม่พอใช่ไหม ถึงได้สิ้นคิดไปเป็นเมียน้อยคนอื่น ให้เมียหลวงมาตามราวี ให้คนเขาด่าทอ”

“แม่ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเรื่องของฉันสองคนเลย ฉันกับอรเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” นภารีบดักทางวรนุช “ฉันห่วงวุ้นจริงๆ นะแม่ อีกเรื่องที่ฉันเป็นกังวลก็คือ วุ้นมันจะยอมขายตัวเหรอ”

“ฉันมีวิธีพูดให้มันยอมก็แล้วกัน”

“แม่มั่นใจขนาดนั้นเชียว” เอมอรพูดเชิงถาม

“ก็เออสิวะ แกสองตัวอย่าลืมสิว่า ฉันเป็นคนเลี้ยงมันมาตั้งแต่แบเบาะ ทำไมจะไม่รู้นิสัยมัน เชื่อมือฉันเถอะ ฉันทำงานแบบนี้มาตั้งยี่สิบกว่าปี พูดให้ผู้หญิงยอมขายตัวไม่ยากหรอก ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะด้วยซ้ำ” วรนุชพูดอย่างมั่นใจ

“ฉันรู้ว่าแม่เก่ง แต่แม่อย่าลืมนะว่า วุ้นไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงิน หรือเห็นวัตถุดีกว่าความสาวของตัวเอง ที่จะยอมพลีกายแลกเงิน ข้อสำคัญมันเรียนจะจบอยู่แล้วด้วย อนาคตมันสดใสยิ่งกว่าตะวันส่องโลกเสียอีก มันไม่มาอยู่ในโลกมืดมนหรอกแม่”

เอมอรรู้นิสัยของวรนุชและธันย์ณิชาดีพอๆ กัน เธอจึงมองไม่ออกว่า วรนุชจะเอาเรื่องใดไปกล่าวอ้างที่จะให้ธันย์ณิชายอม

“ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน แต่แกสองตัวกับคนอื่นๆ ห้ามสอดเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

วรนุชพูดจบก็ลุกเดินออกไปจากห้องทำงานทันที ปล่อยให้เอมอรกับนภานั่งมองหน้ากัน และมีความคิดเดียวกันว่า งานนี้วรนุชจะต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราวที่ตนมี มาพูดชักจูงใจให้ธันย์ณิชายอม แต่จะเป็นวิธีใดนั้น ทั้งสองก็ไม่อาจรู้ได้

หญิงสาวในชุดนักศึกษาก้าวลงมาจากรถประจำทางสาย

ประจำ จากนั้นก็เดินเรื่อยๆบนริมทางเท้าไปยังหมู่บ้านรินรณี หมู่บ้านขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็นโซนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ซึ่งบ้านของเธออยู่ในโซนทาวน์เฮาส์ซอยห้า

ระหว่างที่เดินเข้าหมู่บ้าน เธอโปรยยิ้มให้คนที่รู้จักในหมู่บ้านที่เดินผ่าน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เธอก็ยังแจกยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

“วันนี้เดินยิ้มแฉ่งเลยนะ ดีอกดีใจอะไรล่ะ” ป้าพยุง เจ้าของร้านค้าประจำหมู่บ้านทักธันย์ณิชาที่เข้ามาซื้อน้ำดื่ม

“ป้ายุงจ๋า วุ้นเรียนจบแล้วจ้ะ” เธอตอบ ยิ้มหวานให้อีกฝ่าย

“ป้าดีใจด้วยนะที่วุ้นเรียนจบ ถ้าอย่างนั้นน้ำขวดนี้ป้าให้ฟรีนะ เป็นรางวัลที่วุ้นเรียนจบ”

พยุงเห็นสาวตรงหน้ามาตั้งแต่เด็ก ธันย์ณิชาเป็นเด็กดี อัธยาศัยน่ารัก พูดจาไพเราะอ่อนหวาน นิสัยยังดีอีกด้วย คนในหมู่บ้านที่รู้จักเธอ ต่างพากันรักและชื่นชม แม้ว่ามารดาของเธอจะมีอาชีพที่บางคนในหมู่บ้านไม่ยอมรับก็ตาม

“ขอบคุณค่ะป้ายุง” นักศึกษาจบใหม่พนมมือไหว้พร้อมกล่าวคำขอบคุณ “วุ้นไปก่อนนะจ๊ะป้า”

ธันย์ณิชาออกจากร้านขายของชำ ก้าวเดินต่อไปยังบ้านของตนที่อยู่ห่างจากร้านค้าสิบหลัง เธอเดินไปยิ้มไป และตั้งใจว่าจะนำข่าวดีนี้ไปบอกบิดามารดา ท่านทั้งสองจะได้ดีใจกับความสำเร็จของตน ทว่าเสียงดังเอะอะที่ดังออกมาจากบ้านของตน เสียงนั้นเป็นเสียงของวรนุชที่ตะโกนว่า

‘ช่วยด้วย’

ดังลั่นบ้าน ดังออกมาถึงหน้าประตูบ้าน เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที

“แม่ แม่ แม่เป็นอะไร” เสียงของธันย์ณิชาดังมาก่อนตัว พอเข้าไปถึงในบ้าน เธอรีบวิ่งไปกอดมารดาที่นั่งอยู่บนพื้น มีชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเคราหน้าตาน่ากลัวสองคน ยืนถือปืนอยู่ “พวกคุณเป็นใคร ทำอะไรแม่ของฉัน”

“กูมาทวงเงินแม่มึงนะสิ ติดเจ้านายกูล้านห้า วันนี้ครบกำหนดแล้ว กูเลยมาทวงแต่แม่มึงไม่มี กูก็เลยต้องสั่งสอนแม่มึงหน่อย คิดว่าเป็นดอกเบี้ยก็แล้วกัน” โด่งลูกน้องเสี่ยวิชัย เจ้าพ่อเงินกู้ชื่อดังย่านรัชดาตอบคำถามนักศึกษาสาวหน้าตาสะสวย

ธันย์ณิชาเบิกตากว้างอย่างตกใจกับคำตอบที่ได้รับ ทำไมเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ไม่คิดว่ามารดาจะมีหนี้สินมากถึงเพียงนี้ บ้านของเธอแม้ว่าจะเป็นเพียงทาวน์เฮาส์หลังเล็ก แต่การเงินไม่เคยขาดสภาพคล่อง เธอไม่เคยได้ยินเดชดวงกับวรนุชบ่นเรื่องเงินไม่พอใช้เลย แถมยังคิดแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดและต่างประเทศด้วยซ้ำไป พอได้ยินอย่างนี้ เธอถึงกับอึ้งและไม่เข้าใจ

“แม่เป็นหนี้พวกนี้จริงเหรอคะ” ธันย์ณิชาหันมาถามวรนุชที่น้ำตาอาบแก้ม

“จริงจ้ะ” วรนุชตอบทั้งน้ำตา “ไปบอกเสี่ยวิชัยนะว่า ฉันขอเวลาสักสองวัน แล้วฉันจะเอาดอกไปส่งให้ บางทีก็อาจจะได้เงินต้นด้วย”

“เออ กูจะไปบอกให้ แล้วถ้าอีกสองวันมึงไม่เอาเงินมาใช้หนี้เสี่ยล่ะก็ มึงตาย” โด่งข่มขู่ส่งท้าย หมุนตัวเดินออกจากบ้านของลูกหนี้พร้อมกับลูกน้อง

“แม่จ๋า แม่ แม่ไปติดหนี้พวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมวุ้นไม่รู้เรื่องเลยล่ะคะ” พ้นร่างของโด่ง เธอรีบถามมารดาทันที

“แม่ติดหนี้พวกนั้นตั้งแต่วุ้นขึ้นปีสอง ตอนนั้นที่ร้านลูกค้าน้อย รายได้แม่ก็หดหาย พ่อก็มาตกงานอีก ไหนจะค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษของวุ้น เงินเลยไม่พอใช้ แม่ก็เลยต้องไปกู้เสี่ยชัย ทบต้นทบดอกมาเรื่อยๆ ก็เป็นเงินล้านห้า วันนี้แม่หาค่าดอกให้เสี่ยไม่ได้ เสี่ยก็เลยให้ลูกน้องมาทวง” วรนุชไขความกระจ่างให้บุตรสาวฟัง

ธันย์ณิชาได้ยินคำตอบถึงกับน้ำตาไหล เป็นเพราะเธอเองที่ทำให้วรนุชลำบาก หาเงินส่งเสียให้ร่ำเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมๆ ละเกือบห้าหมื่นบาท ไหนจะค่าเรียนภาษา และค่าเรียนทำเบเกอรีที่เธอขอวรนุชเรียนอีก ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายประจำวัน ทั้งที่เธอเป็นเพียงลูกที่เก็บมาเลี้ยง ทว่าวรนุชกับเดชดวงก็เลี้ยงดูเธออย่างดี ไม่ต่างกับลูกในไส้

“ทำไมแม่ไม่บอกวุ้น วุ้นจะได้ดรอปเรียนก่อนหรือไม่ก็ไปเรียนมหา’ลัยเปิด วุ้นจะได้ช่วยแม่หาเงินเป็นค่าใช้จ่าย วุ้นรู้สึกผิดจังเลยแม่” ธันย์ณิชากอดร่างมารดา ร้องไห้ด้วยความสงสารและรู้สึกผิด

“แม่รักวุ้น แม่ทนลำบากได้เพื่อความสำเร็จของวุ้น”

“แม่ขา วุ้นเรียนจบแล้วนะคะ วันนี้ทางมหา’ลัยเพิ่งประกาศผลค่ะ ต่อไปแม่ไม่ต้องลำบากเพื่อวุ้นแล้ว วุ้นจะทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อกับแม่เองค่ะ” แม้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ ธันย์ณิชาก็ตั้งใจทำตามที่พูด

“แม่ดีใจเหลือเกินที่วุ้นเรียนจบ แค่นี้แม่ก็หายเหนื่อยแล้วลูก” วรนุชดีใจที่ลูกสาวเรียนจบ เพราะเป็นเรื่องที่ตนใฝ่ฝันมาตั้งแต่เลี้ยงลูกนอกไส้คนนี้

“แล้วแม่จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เขาคะ เงินตั้งเยอะ”

ธันย์ณิชาถามด้วยความเป็นห่วง

“หนี้ก้อนนี้แม่เป็นคนไปเอามา แม่ก็ต้องเป็นคนหาเงินไปใช้เขา” วรนุชพูดเสียงสั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ “วุ้นกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำเถอะลูก แม่ก็จะไปอาบน้ำ ต้องออกไปทำงานแล้ว”

วรนุชพูดเหมือนตัดบท ราวกับว่าไม่ต้องการให้บุตรสาวพลอยเป็นกังวลเรื่องนี้ไปด้วย ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน โดยมีสายตาของลูกสาวมองตามไปอย่างเป็นห่วงและกังวลว่า คนเป็นแม่จะหาเงินมาใช้หนี้จำนวนนี้ได้อย่างไร เพราะเงินไม่ใช่น้อยๆ ที่จะหามาได้ในระยะเวลาสองวัน

คิดไปคิดมาเธอก็เพิ่งนึกได้ว่า ตนเองมีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มากมายแต่ก็อาจช่วยสมทบจ่ายค่าดอกเบี้ยเสี่ยชัยได้ ธันย์ณิชารีบเดินขึ้นไปบนห้อง หยิบสมุดบัญชีธนาคารที่ตนสะสมเงินไว้ ตั้งใจจะไปเบิกเงินทั้งหมดมาให้วรนุช

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel