1.1
Line!~
NewYear : ฉันจะกลับไทยเร็วๆ นี้นะ
คลื่นมองข้อความที่เด้งเตือนบนจอโทรศัพท์ด้วยสายตาเรียบสนิท นานแล้วที่เขาไม่ได้คุยกับคนในชื่อ ประมาณสองปีได้... แล้วจู่ๆ ส่งข้อความมาแบบนี้ต้องการอะไร
คลื่นไม่ได้สนใจ เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อ หยิบแก้วกาแฟแล้วเดินออกจากร้าน ตรงไปตึกเรียนเพื่อเข้าเรียนคลาสต่อไป
ถึงแบบนั้นในหัวก็ยังไม่หยุดคิดเรื่องข้อความในไลน์ พลอยทำให้เขานึกถึงความขุ่นแค้นเมื่อสองปีก่อนขึ้นมาอีก
ความจริงที่ว่าคู่หมั้นแอบมีอะไรกับเพื่อนมันเหมือนหนามที่คอยทิ่มแทงใจอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกที่โดนคนทรยศสร้างรอยร้าวไปถึงข้างในและเขาปรารถนาให้คนเหล่านั้นเจอแบบเดียวกัน โดยเฉพาะไอ้เวรนั่น! ริกกี้มันจะต้องเจ็บแบบที่เขาเคยเจ็บ
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นก่อนถึงห้องเรียนไม่กี่ก้าว คลื่นขมวดคิ้ว ดึงมือถือมาดู ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอทำให้เขากดรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
เจ๊แมว
“ว่าไง”
(โอ๊ยตายละน้องคลื่น ทำเสียงซะน่ากลัวเลยนะคะ เจ๊จะโทรมาถามเรื่องเรซควีนที่น้องคลื่นบอกจะหามาเพิ่ม ว่าไงคะ ได้มั้ย ถ้าไม่ได้เจ๊จะได้เลือกเด็กในโมเดลลิ่งแทน)
“เรื่องนั้นเองเหรอ ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เดี๋ยวพาไปส่งถึงที่”
(อุ๊ยตายละ ขอบคุณมากคร่า งั้นเจ๊ไม่กวนละนะ แค่นี้แหละ)
ชายหนุ่มวางสาย มิวายสบถเสียงแข็งในลำคอคำหนึ่ง ‘เหอะ!’ ก่อนเดินเข้าห้องไปพบกับบทเรียนอันหนักหน่วง ถึงแบบนั้นประสาทส่วนหนึ่งก็ยังครุ่นคิดถึงแผนการชั่วร้ายในวันรุ่งขึ้น ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งเด่นชัดอยู่ในมโนสำนึก ครั้งนี้แหละผู้หญิงของมันไม่รอดแน่!
เสียงโทรศัพท์ของเหมยดังไม่หยุด เธอคอยยกขึ้นมาดูแล้วก็กดตัดสายไปทันทีที่เห็นชื่อคนโทรเข้ามาระหว่างเดินลงบันไดหอพัก หลายครั้งเข้าก็ปิดเสียงแจ้งเตือนไปซะเลย จนถึงประตูทางออกเธอรีบเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าแล้วผลักประตูกระจกออกมายืนรอเพื่อนอีกสองคนที่จุดนัดพบหน้ามหาวิทยาลัย
ไม่นานแท็กซี่คันหนึ่งก็จอดเทียบขอบถนนตรงหน้า ผู้หญิงรูปร่างดีสองคนก้าวออกจากรถ หนึ่งในนั้นหันมาโบกมือให้เธออย่างร่าเริง
“เหมยรอนานมั้ย”
“ไม่หรอก เพิ่งมาเหมือนกัน”
เหมยส่งยิ้มให้เค้ก ก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อนอีกคนที่เพิ่งเคลียร์ค่าแท็กซี่เสร็จและลงตามมาทีหลัง ...คะนิ้ง
“ไงเหมย มานานแล้วเหรอ โทษทีนะรถติดน่ะ”
“ไม่เป็นไร เพิ่งมา”
“อื้ม แป๊บหนึ่งนะโทรหาคลื่นก่อน”
ยังไม่ทันที่เสียงรอสายดังรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบถนนใกล้ๆ กระจกรถเลื่อนลงพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลายื่นออกมา
“ไงสาวๆ พร้อมหรือยัง”
“ไปกันเถอะ” คะนิ้งมองสบตากับเพื่อนอีกสองคนทันที
“อื้อ ไปสิ”
ทั้งสามขึ้นรถโดยไม่รู้ว่าจะถูกพาไปทำอะไร
“นี่เหมยมีอะไรหรือเปล่า เห็นเอาแต่ดูโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ”
เค้กทักท้วงระหว่างนั่งมาในรถ เห็นเหมยจ้องโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาเลยอดเป็นห่วงไม่ได้
“อ๋อ คุยกับพี่สาวน่ะไม่มีอะไรหรอก” เหมยยิ้มเบาๆ หลังจากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าทันทีไม่แม้แต่จะหยิบมาดูอีก
“แล้วนี่นายจะพาเราไปไหนคลื่น” พอในรถเงียบสักพัก น้ำเสียงสงสัยของเค้กเจ้าเก่าก็ดังขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวก็รู้น่า ใกล้ถึงแล้ว”
“สนามแข่งเหรอ” คะนิ้งที่นั่งเบาะหน้าคู่คนขับหันไปมองอย่างสงสัย คลื่นคลี่ยิ้มแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนหน้านี้เขาบอกสามสาวว่าให้มาช่วยงานเสิร์ฟน้ำที่เต็นท์รถเพราะคนไม่พอแต่ยังไม่บอกเรื่องเรซควีน
กระทั่งถึงที่หมาย
คลื่นดันหลังสามสาวเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของทีม Eagle-Speed ก่อนถึงสนามแข่งประมาณครึ่งทาง
“ก่อนไปที่งาน พวกเธอต้องเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“เปลี่ยนชุดเหรอ”
คะนิ้งหันกลับไปมองด้วยสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าแค่ชุดเสิร์ฟทำไมต้องแวะเปลี่ยนให้มันวุ่นวาย ไปเปลี่ยนในห้องน้ำที่งานก็ได้นี่นา
“เอาเถอะน่า ฉันรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกได้ตลอดเวลา”
คลื่นผละตัวออกไปแล้ว เหมย คะนิ้ง และเค้กยืนอึ้งอยู่หน้าตู้คอนเทนเนอร์ ข้างในมีสาวๆ สวยๆ กำลังนั่งแต่งหน้าทาปากแข่งกันอยู่เต็มไปหมด
“พามาทำอะไรเนี่ยคะนิ้ง” เสียงโอดครวญของเหมยดังขึ้นมาทันที แววตากลมเรียวกะพริบไหวคล้ายไม่พอใจ ภาพตรงหน้าเหมือนกำลังแต่งตัวไปงานอีเวนท์อะไรกันสักอย่าง ไหนบอกแค่เสิร์ฟน้ำแล้วนี่คืออะไร?
คะนิ้งชักสีหน้าอึดอัด ‘แค่งานเสิร์ฟเล็กๆ น้อยๆ ในเต็นท์รถ’ คำพูดของคลื่นเมื่อหลายวันก่อนยังชัดเจนอยู่ในหัว แต่ยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ เสียงร้องเรียกจากด้านในก็ดังออกมาซะก่อน
“อุ๊ยตายละหนูๆ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ ไปเร็วแต่งหน้า”
พอสามสาวไม่ยอมกระดิกตัว เจ๊แมวก็คว้าแขนทั้งสามคนให้มานั่งหน้ากระจกทันที
“เดี๋ยวค่ะจะทำอะไรคะ” คะนิ้งถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็แต่งหน้าไงคะ”
“แต่งหน้า? พวกเราแค่มาเสิร์ฟน้ำไม่ใช่เหรอ” เค้กแทรกขึ้นมา ส่งสายตาสงสัยไปที่เจ๊ข้างๆ
“นี่ใครเป็นคนพาพวกน้องมาเนี่ย ดูไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรกันเลยนะ”
“คลื่นค่ะ” คะนิ้งตอบ
“เด็กคุณคลื่นเหรอ... อ้อๆ เข้าใจแล้ว คุณคลื่นคงไม่ได้บอกสินะว่าให้มาเป็นเรซควีน”
“เรซควีน!!!”