ตอนที่ 4 ไฟไหม้ห้องครัว
ตอนที่ 4 ไฟไหม้ห้องครัว
เหตุใดกันฟางเจียวเหมยจึงหลงรักแม่ทัพหลี่จนไม่ลืมหูลืมตา ถึงเขาจะเหยียบย่ำน้ำใจของนาง หญิงสาวมิต่อว่าต่อขาน ก็เพราะว่าหากไม่มีเขาในวันนั้น ก็คงไม่มีนางในวันนี้
ยามนั้นขบวนเดินทางจากแคว้นจ้าวผ่านเข้าเทือกเขาอันสลับซับซ้อน เดินทางมาได้เกือบพ้นเทือกเขาอันใหญ่โตกว้างขวางแต่คาดไม่ถึงว่าจะมีโจรป่าดักชิงจี้ปล้น ส่งผลให้ผู้คุ้มกันขบวนบาดเจ็บหลายคน ล้มตายก็หลายราย
อีกทั้งรถม้าของนางถูกชายป่าเถื่อนผู้หนึ่ง เสือกดาบเข้ามายังประตู ในครานั้นจวิ้นจู่จ้าวเจียวเหมยหรือฟางเจียวเหมย ยังเป็นดรุณีน้อยวัยสิบหนาว มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้
ด้วยความตื่นตระหนกตกใจสุดขีด จึงส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น นางซุกแล้วขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของรถม้า ร่างกายของนางมีนางกำนัลผู้หนึ่งกอดรัดเอาไว้ เพื่อปกป้องนางให้พ้นภัยแม้ตัวตายก็ไม่เสียดายชีวิต นับว่าสวรรค์มีเมตตา ส่งวีรบุรุษเข้ามาช่วย
เพราะว่าทางทิศใต้ของแคว้นเว่ยมีรองแม่ทัพผู้หนึ่ง กำลังออกลาดตระเวนบริเวณเทือกเขา ซึ่งมักมีโจรป่าซ่อนอยู่ เพื่อปกป้องคุ้มภัยให้กับเหล่าชาวบ้านที่เดินทางสัญจรไปมา เพราะชายหนุ่มได้รับรายงานบ่อยครั้งว่าละแวกนี้มีโจรป่าดักปล้นจี้ และนำสตรีไปเป็นนางบำเรอ
ด้วยเหตุนี้รองแม่ทัพหลี่จึงอาสาออกมาลาดตระเวน จึงได้ช่วยเหลือดรุณีน้อยนางหนึ่ง และนั่นก็คือจวิ้นจู่จ้าวเจียวเหมย นับตั้งแต่ครั้งนั้นหญิงสาวประทับใจตั้งแต่คราแรกที่นางถูกเขาช่วยเหลือ ซ้ำยังได้ทำความรู้จัก สอบถามชื่อแซ่ของเขา
เมื่อวันเวลาผ่านมาเข้าสู่ปีที่ห้า กองทัพของแม่ทัพหลี่ เพิ่งออกศึกคราแรกยังแดนใต้ เพื่อปราบกลุ่มก่อความไม่สงบตามแนวชายแดน ปะทะเข้ากับกลุ่มโจรหลายสิบหน่วย ทำให้รับใช้พลบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย
ซ้ำยังเสบียงอาหารขาดแคลน เมืองหลวงก็ยังไม่ส่งอาหารมาสมทบอีก สร้างความหิวโหย ให้แก่เหล่าพี่น้องแม่ทัพหลี่ จนให้ร่างกายอ่อนเพลียไร้พละกำลัง
ขณะนั้นเองเถ้าแก่ฟางเดินทางกลับจากแคว้นจ้าว เมื่อทราบข่าวจึงยินดีช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้เพียงหนึ่งอย่าง เพราะว่า...บุตรีของตนนั้น นามว่าฟางเจียวเหมย ชมชอบแม่ทัพหลี่ มีหรือชายสูงวัยจะไม่ส่งเสริมสนับสนุน
คราก่อนหลี่ฮั่วเป็นแค่รองแม่ทัพหลี่ แต่หนนี้มีตำแหน่งใหญ่โตสูงส่งไม่เบา ด้วยความที่บิดาอยากเป็นพ่อสื่อถือโอกาสนี้ยัดเยียดบุตรีให้แต่งงานกับแม่ทัพหลี่เสียเลย
และให้หลี่ฮั่วลงนามในสัญญาเอาไว้ อีกหนึ่งปีให้หลังต้องแต่งงานกับฟางเจียวเหมย แม่ทัพหลี่เห็นแก่พี่น้องและเพื่อส่วนรวมจึงเสียสละตนเองทำให้พวกพ้อง พ้นวิกฤติจากความหิวโหยไปในที่สุด
แต่ทว่าเถ้าฟางหารู้ไม่ว่า...
ยามนี้บุตรีของตนมีชะตากรรมเช่นไร วันแรกที่แต่งงานเข้าจวนสกุลหลี่ หลี่ฮั่วผู้เป็นลูกเขยไม่เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ซ้ำยังวางท่าทีเย็นชา ยามที่มองมายังฟางเจียวเหมยนั้นช่างเยียบเย็นยิ่งนัก ไร้คำพูดจาอันแสนหวานซึ้ง มีแต่คำเหน็บแนมต่อว่าดุร้าย
แม้ชายผู้นี้จักเย็นชาเท่าไร แต่ฟางเจียวเหมยก็หาได้ทดท้อไม่ นางตั้งอกตั้งใจแน่วแน่ว่า ความดีของนางคงจะค่อย ๆ ทลายกำแพงหินที่ขวางกั้นนั้นลงไปได้ในที่สุด
ยามนี้ฮูหยินน้อยกำลังทำอาหารเพื่อมอบให้กับสามี เขาชื่นชอบน้ำแกงไก่ใส่รากบัว อีกทั้งยังชื่นชอบเนื้อไก่ย่าง ฟางเจียวเหมยแม้มิเคยทำอาหารมาก่อน นางก็ยินดีจะลงมือทำ
อาจทุลักทุเลไปบ้างก็ตามที สิ่งที่นางเชี่ยวชาญที่สุดคือการชงชา เครื่องดนตรีจำพวกเครื่องสาย และยังมีขนมหวานที่นางทำออกมาได้ดี เสี่ยวเถายืนขนาบข้างคอยช่วยเหลือนายสาว
ทว่า...เกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง จึงทำให้แม่ครัวในห้องครัวพากันตื่นตกใจ ต่างก็ร้องเสียงหลงว่า “ไฟไหม้ ไฟไหม้ เร็ว ๆ หน่อย ช่วยดับไฟที ฮูหยินน้อยอยู่ในนั้น”
บรรดาบ่าวรับใช้รีบกระวีกระวาดตักน้ำในบ่อ สาดเข้าไปเพื่อดับไฟ แต่หาใช่กลุ่มก้อนไฟที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด กลับเป็นเพียงควันจากกระทะที่มันไหม้จนเกิดควันลอยพวยพุ่งมิหยุดหย่อน
แม่ครัวรูปร่างอวบอ้วนเห็นจะกล่าวเกินจริงไปบ้าง ทำให้ในจวนโกลาหลวุ่นวายพักใหญ่ แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงดังมาจากครัว บอกว่าเกิดเพลิงไหม้จึงรีบรุดมาดูให้เห็นกับตา
เมื่อแม่ครัวกล่าวว่าภรรยาเขาอยู่ในนั้น ด้วยมิอยากให้ผู้ใดมาตายอย่างน่าสยดสยอง กำลังจะเข้าไปช่วยเสียหน่อย...แต่...ผู้ก่อเหตุเดินออกมา
พร้อมกับใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยควันฝุ่นสีดำเปรอะทั้งอาภรณ์ และใบหน้า จากที่งดงามกลับกลายเป็นอัปลักษณ์ไปเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ไม่เพียงนางที่เดินออกมา ในมือยังถือตะหลิวมาด้วย ช่างมอมแมมราวกับลูกแมวตัวเล็กทั้งดื้อทั้งซนไม่เข้าเรื่อง
แล้วจะไม่ให้ชายหนุ่มที่แสนเย็นชา ไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไรกัน เขาจึงหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว พลันเปลี่ยนสีหน้าทันที พร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงดุดัน แววตาแข็งกระด้างไม่น้อย “คราวหน้าอย่ามาวุ่นวายห้องครัวอีก จวนข้าจะมอดม้วยก็เพราะเจ้า”
“ข้าอยากทำอาหารที่ท่านพี่ชอบ ก็เลย” หญิงสาวช้อนสายตามองไปยังที่ชายหนุ่ม มิได้สำรวจใบหน้าของตน มันเปรอะเปื้อนกลายเป็นตัวตลกให้บรรดาบ่าวรับใช้ ที่เข้ามาช่วยดับไฟต่างก็พากันขบขันนางกับเสี่ยวเถา
แม่นมหูได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากทางด้านหลัง นางก็รีบถลกกระโปรงวิ่งมายังที่เกิดเหตุ และก็เห็นว่าคนก่อเรื่องกลายเป็นฮูหยินน้อย นางชื่นชมยิ่งนัก ทำอาหารไม่เป็นก็อยากทำเพื่อเอาใจคุณชายใหญ่
หลี่ฮั่วต่อว่าอีกเล็กน้อย “ก็เลยคิดจะเผาครัวข้าเช่นนั้นหรือ กลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวใครจะคิดว่าข้า รังแกเจ้า”
ชายหนุ่มเหน็บเข้าให้ เหลือบตามองหญิงสาวก่อนจะเสมองไปยังห้องครัว ซึ่งกำลังถูกเก็บกวาดจากบ่าวรับใช้ทั้งหลาย เกิดเรื่องวุ่นวายก็เพราะนาง จากสงบเงียบก็กลายเป็นวุ่นวายเสียยกใหญ่โต
“ท่านแม่ทัพไม่เห็นต้องพูดจารุนแรงถึงเพียงนี้” เสี่ยวเถาปากไวไปนิด เพราะไม่พอใจแม่ทัพหลี่ ด้วยเหตุที่ว่าหลายครั้งหลายหนมักจะพูดจากับคุณหนูของนาง ก็ล้วนแต่แดกดันประชดประชัน ชายผู้นี้มิเห็นสมควรได้รับความรักจากเจ้านายของนางสักนิด
“เสี่ยวเถาหยุดนะ” ผู้เป็นนายดุสาวใช้ไปหนึ่งครั้ง มิอยากให้เสี่ยวเถาถูกตำหนิต่อว่าเพียงเพราะหวังดีจึงร้อนใจยอกย้อนท่านแม่ทัพแทนนาง
“เจ้าดูสิ นางเป็นสาวใช้ ยังกล้าขึ้นเสียงใส่ข้าผู้เป็นนาย เช่นนี้เห็นทีว่าข้าจะต้องสั่งสอนแล้วกระมัง ต่อไปจะไม่ได้กำเริบเสิบสาน” ชายหนุ่มชักสีหน้าซ้ำยังวางท่าเคร่งขรึมอีกด้วย เอ่ยกระทบกระทั่งอีกหนึ่งประโยคใหญ่ เหลือบมองดวงหน้าที่เปรอะเปื้อนก็อยากจะตีนางสักทีสองทีเสียให้เข็ด เหตุใดจึงดื้อรั้นวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง
“ท่านพี่อย่าได้ตีความในด้านลบเลยเจ้าค่ะ เสี่ยวเถาแค่เป็นห่วงข้า” หญิงสาวออกตัวแทน ทางแม่นมหูอยากหยิกคุณชายใหญ่เสียเหลือเกิน เหตุใดจึงมีรวาจาร้ายกาจถึงเพียงนี้ แต่ไหนแต่ไรมักพูดน้อย แต่ครานี้กลับค่อนขอดฮูหยินน้อยตั้งนานสองนาน
“ถ้าเป็นห่วงกันมากนัก เหตุใดไม่กลับไปอยู่กับบิดาของเจ้าเล่า” ชายหนุ่มเอ่ยปากขับไล่ทางอ้อม มิได้อยากให้นางอยู่ให้รกหูรกตา แม้จะสะสวยเพริศพริ้งเพียงใด เขาก็หาได้รักใคร่หลงเสน่ห์นางสักนิด
แล้วจะเอาอกเอาใจเขาเยี่ยงนี้ ไม่แน่ว่าคงวางแผนการมาแน่ เพราะตาแก่ฟางนั้นเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนั้น ลูกไม้ใต้ต้นเช่นฟางเจียวเหมยก็คงไม่ต่างจากบิดาเป็นแน่ หลี่ฮั่วมั่นอกมั่นใจสิบส่วน เพราะไม่มีผู้ใดไม่หวังประโยชน์จากตำแหน่งของเขา
“ข้าเพิ่งแต่งงานเมื่อวาน วันนี้จะให้ข้าหย่ากับท่านเลยหรือเจ้าคะ” ก้อนแห่งความขมขื่นนั้นจุกอยู่กลางลำคอ ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ไปได้ หัวใจของเขาช่างแข็งแกร่งราวกับหินผา นางคิดอยากใช้ความดีเอาชนะใจเขา
ทว่า... ไม่ทันไรความตั้งใจของนางก็ถูกเขาพังทลายลงมาเสียแล้ว ฟางเจียวเหมยเงยหน้ามองไปยังใบหน้าคมคายหล่อเหลา แววตาของนางกำลังมีม่านน้ำตาเอ่อคลออยู่กระบอกตาทั้งสองข้าง หัวใจดวงน้อย ๆ ถูกหนามพิษทิ่มแทงเข้าให้อย่างจัง
แต่ก็ยังทนฝืนยิ้มอยู่นั่น หวังให้เขาใจอ่อนลงบ้างหันมามองนางบ้างก็ยังดี มิใช่ยืนปั้นหน้าราวกับพยัคฆ์ตัวใหญ่กำลังจะฉีกเนื้อลูกกวางเช่นนางเยี่ยงนี้
แต่เขากลับเชิดหน้าและส่งเสียงคำรามอย่างดุดัน ต่อว่านางอีกครั้งอย่างจงใจ “หากไม่ใช่ตาแก่นั่นเจ้าเล่ห์ ข้ากับเจ้า ก็หาใช่คนรู้จักมักคุ้นกันไม่ กลับห้องของเจ้าไปได้แล้ว อย่าริอ่านเสนอหน้ามาห้องข้า ไม่ต้องมาสนใจไยดีข้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเอาใจ”