
บทย่อ
'แม้อยู่ใกล้กันเพียงเอื้อม แต่กลับไม่อาจสัมผัสกันได้แม้เพียงปลายนิ้ว' การเข้าใจผิด นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า เรื่องราวของรักสามเศร้าระหว่าง หญิงสาวสองคนที่เป็นฝาแฝดและยังหลงรักผู้ชายคนเดียวกัน ชู่ชิวอิ้ง บุตรชายคนเดียวของสกุลชู่ ที่หลงรักซุนถิง บุตรสาวคนเล็กของ สกุลซุน ตั้งแต่แรกเห็น และทั้งคู่ยังเคยให้สัญญาต่อกันในวัยเด็ก แต่คนที่ได้แต่งงานกลับกลายเป็น ซุนหลี พี่สาวฝาแฝด ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งพ่อแม่ยังเคยทำสัญญามั่นหมายของทั้งคู่ไว้ ซุนถิงยอมตัดใจ แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่พัวพันวุ่นวาย เมื่อนางถูกจับแต่งงานกับหลีซู ชุนอ๋องผู้ชั่วร้าย ทุกอย่างจึงพัวพันจนทำให้ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิง ทำให้แต่ละคนต่างต้องแก้ปมความรักและความแค้นในครั้งนี้ให้สิ้นสุดลง
บทที่ : 1 ความงามสะดุดใจ
ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าจวนชู่โหวขุนนางฝ่ายบู๊ แม่ทัพชู่หยาง
วันนี้ บุตรชายเพียงคนเดียว นามว่า ชู่ชิวอิ้ง จะเข้าพิธีแต่งงาน ชิวอิ้ง เจ้าบ่าวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งประตูเกี้ยวเปิด เจ้าสาวคนสวยเดินออกมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ ชายหนุ่มก็อึ้งตะลึงไปกับความงามของนาง แต่จู่ๆสีหน้าและแววตาก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเห็นหญิงสาวอีกคนที่เดินออกมา หญิงสาวคนนั้นเมื่อเห็นหน้าคนรักที่เป็นเจ้าบ่าวของพี่สาว นางก็อึ้งไปทันที !
หนึ่งเดือนก่อน
จวนชู่โหว
ภายในเรือนรับแขกวันนี้ที่บรรยากาศเงียบเหงาเช่นทุกวัน ชายชรามองดูพื้นที่บ้านหลายร้อยตารางวาก็พลางถอดถอนใจ
"ท่านพี่คิดหนักใจอะไรอยู่รึเจ้าคะ" ชู่ซุย ภรรยาที่เดินมานั่งข้างๆเอ่ยถามเสียงหวาน
"เฮ้อ ข้ามีเงินสร้างจวนได้กว้างใหญ่ แต่เมื่อข้ามองดูทีไร มันกลับเหงาชอบกล"
"แค่ท่านพี่เอ่ยมาแบบนี้ ข้าก็รู้แล้ว ว่าท่านกำลังคิดเรื่องแต่งงานของชิวอิ้งอยู่ใช่หรือไม่"
"ข้ากับเจ้ามีลูกผู้ชายเพียงคนเดียว ชิวอิ้ง ปีนี้ก็อายุ24 เข้าไปแล้ว หน้าที่การงานก็มั่นคงได้เป็นถึงเจ้ากรมนิติบัญญัติ ชายแก่ในวัยใกล้เกษียณอย่างข้าก็อยากจะเห็นหลานตัวน้อยๆวิ่งเล่นในจวนให้มันกระชุ่มกระชวยกับเขาบ้างแล้วเจ้าล่ะว่าอย่างไร"
"ข้าก็คิดเหมือนท่านพี่นั่นแหละเจ้าค่ะ แต่ว่าลูกชายที่หัวแข็งของเราน่ะสิ จะยอมรึเจ้าคะ"
"ไม่ยอมก็คงต้องบังคับกันล่ะ"
"พูดเช่นนี้แสดงว่าท่านพี่ไปถูกชะตากับบุตรสาวจวนไหนไว้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ"
"เจ้ายังจำเรื่องเมื่อ10ปีก่อนได้ไหม" ชู่ซุยลองนึกย้อนกลับไป ตอนที่ชิวอิ้งยังเด็ก ชุนอั๋งได้ทำสัญญามั่นหมายให้ชิวอิ้วกับบุตรสาวคนโตของเพื่อนสนิทคนนึง นั่นก็คือ ซุนหลี บุตรสาวของสกุลซุน ขุนนางฝ่ายบู๊ ซุนโหว แม่ทัพซุนติ้ง และยังเป็นสหายคนสนิทที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน
"ข้าจำได้แล้ว ในวัยเด็กชิวอิ้งก็ชอบไปเล่นที่จวนนั้นบ่อยๆ แล้วยังสนิทสนมกับบุตรสาวของแม่ทัพซุนอีกด้วย ตอนนี้ข้าได้ยินข่าวว่าแม่นางน้อยผู้นั้นบัดนี้ได้โตเป็นสาว และยังงดงามมากอีกด้วย และเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล ถ้าเกิดว่าได้ดองกันก็คงจะดีไม่น้อย"
"ข้าก็หวังว่า ซุนติ้งจะยังไม่ลืมสัญญาของเรานะ" สองสามีภรรยาคุยเรื่องหาเมียให้ลูกชาย โดยที่ไม่รู้เลยว่า ลูกชายกำลังแอบฟังอยู่ ชายหนุ่มทำหน้าบึ้งตึงและเดินออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ "ข้าไม่แต่ง!"
สองสามีภรรยาหันมามองอย่างตกใจ
ผู้เป็นพ่อจึงกล่าวว่า"เพราะอะไรถึงไม่แต่ง"
"ก็ข้าไม่ชอบ"
"ตอนเด็กเจ้าก็เคยไปเล่นกับนางบ่อยๆ จำไม่ได้แล้วรึ"
"เด็กขี้แยขี้มูกโป่งนั่นน่ะเหรอ ข้าไม่เอาหรอก ท่านพ่อจะจับข้าคลุมถุงชนแบบนี้ไม่ได้นะ" ตอนนั้นเขาไปเล่นกับนางบ่อยๆ แต่ที่จริงแล้วไปช่วยต่างหาก เพราะว่าส่วนมากมักจะเห็นนางโดนแกล้งจนร้องไห้อยู่ตลอดทุกทีที่เจอ เขาจึงได้บอกกับนางว่า จะคอยปกป้อง ซึ่งนั่นก็เป็นแค่คำพูดของเพื่อนคนนึง ที่บอกกับเพื่อนอีกคนนึงเท่านั้น ที่พอห่างหายจากก็ลืมกันไป แต่กับอีกคน ไม่ว่าจะจากกันนานขนาดไหน เขาก็ไม่เคยลืม
นางในดวงใจคนแรกและคนเดียวตลอดไป
และเขายังเคยให้คำสัญญากับนางไว้แล้ว
เวลาผ่านมา10ปีแล้ว จนถึงตอนนี้นางก็ยังเป็นคนเดียวที่เขาอยากจะแต่งงานด้วย !
ถึงแม้ว่าจะได้เจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกชอบนางมาก เด็กหญิงที่ซุกซนจนหน้าตาเปอะเปื้อนแทบมองไม่เห็นผิวเนื้อ นางเป็นเด็กที่แก่นแก้ว สดใสร่าเริง
นางเป็นคนที่ฝากรอยแผลเป็นไว้ที่ต้นแขนของเขา และยังเป็นคนที่ทำให้เขาชอบได้ตั้งแต่แรกพบ!!
พ่อยกมือขึ้นแล้วพูดต่อว่า "ตอนนี้อะไรมันก็เปลี่ยนไปแล้ว บุตรสาวของแม่ทัพซุน คนเขาต่างชมกันว่าสวยนักเชียว เจ้าไม่ได้เจอตั้งนาน ข้าจะหาเวลาพาเจ้าไปพบดีไหม"
"ข้าไม่ไปหรอก"
"เอ๊ะ ! นี่เจ้าจะดื้อรั้นไปทำไม ยังไงเจ้าก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะข้าได้ทำสัญญามั่นหมายของเจ้าไว้แล้ว หากไม่ทำตามสัญญา ฝั่งนู้นจะมองว่าข้าเป็นคนยังไง"
"นั่นมันสัญญาของท่านพ่อฝ่ายเดียว ข้าไม่ได้รับรู้ด้วยซะหน่อย แล้วอีกอย่างมันก็แค่สัญญาวัยเด็ก ป่านนี้เขาคงลืมกันไปหมดแล้วกระมัง"
พ่อเริ่มโมโหกับความถือดีของลูกชาย "ยังไงเจ้าก็ต้องแต่ง อายุอานามก็ป่านนี้แล้ว แล้วข้ากับแม่เจ้าก็แก่ตัวลงทุกวัน เจ้าอยากให้ข้าตายก่อนได้เห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝาหรือยังไง"
"โถ่ ท่านพ่อส่งข้าไปศึกษาที่นอกเมืองมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ข้าเพิ่งจะกลับมาไม่นาน ท่านก็ให้ข้าเข้ารับราชการที่กรมนิติแล้ว ข้ายังไม่ได้เที่ยว ยังไม่ได้ใช้ชีวิตอิสระ ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยนะขอรับ"
"ข้าสร้างรากฐานที่มั่นคงให้เจ้าขนาดนี้แล้วยังจะนึกถึงเรื่องเที่ยวเล่นอะไรอีก ยังไงเสียเจ้าก็ต้องแต่ง และก็ต้องมีลูกให้ข้าเห็นไม่เช่นนั้น สมบัติทั้งหมดข้าจะยกให้อารามหลวง"
ชิวอิ้งทำหน้าไม่พอใจก่อนจะเดินออกไปจากจวน
ในรถม้าระหว่างทาง หลิงหลง สาวใช้ ยื่นมือไปประคอง ซุน ถิง บุตรสาวคนเล็กของสกุลซุน ที่ใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า งามล่มเมืองของจริง เพียงแต่ว่ากิริยานั้นอาจจะไม่ค่อยงดงามเหมือนหน้าตาซักเท่าไร
ซุนถิงหันไปลากคอชายผู้นึงลงมาจากรถม้าและเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในกรมนิติบัญญัติ ทหารต่างพากันห้าม แต่นางไม่ฟัง ชิวอิ้งเงยหน้ามองตามเสียงที่ดังเอะอะก็เอ่ยถาม อาเหย่าขันทีข้างกายว่า "เจ้าไปดูซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น"
"ขอรับ" อาเหย่ารีบเดินออกไปดู จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา
"มีอะไร"
"ด้านหน้ามีแม่นางน้อยผู้นึงกำลังโวยวายใส่ทหารที่ขวางนางอยู่ขอรับ"
"นางมีเรื่องอะไร"
"กระหม่อมมิทราบ เห็นแต่นางลากตัวชายผู้นึงมาด้วยขอรับ"
ชิวอิ้งปิดตำราจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกไปดู "ใต้เท้ากรมชิวอิ้ง รีบเปิดทางซิ" อาเหย่าเอ่ยทหารจึงรีบยืนเรียงกันเป็นสองฝั่ง
เมื่อเท้าของเขาก้าวมายังไม่ทันจะหยุด ซุนถิงก็โยนชายคนนั้นลงมาโดนรองเท้าของเขา อาเหย่ามองหน้าของชายผู้นั้นที่เต็มใบด้วยบาดแผลจากเล็บ (เป็นหญิงประเภทไหนถึงได้จัดการชายชาตรีซะหมอบขนาดนี้)
ชิวอิ้งเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า แต่แล้วแววตาของเขาก็ตะลึงอึ้งไป
"ท่านคือเจ้ากรมนิติใช่ไหม งั้นช่วยจับเขาเข้าคุกที หรือไม่ก็ตัดสินประหารชีวิตไปเลยยิ่งดี จะได้ไม่เป็นภัยต่อสตรีและเด็กสาวที่บริสุทธิ์"
ชิวอิ้งตื่นจากภวังค์และเอ่ยถามว่า "ชายผู้นี้ทำความผิดอันใดงั้นหรือ"
"เขาแอบจับก้นของสาวใช้ข้า"
อาเหย่าหัวเราะ ชิวอิ้งจึงส่งสายตาพิฆาตไปให้ อาเหย่ารีบหุบปาก
ชายผู้นั้นรีบขอความเป็นธรรมให้ตัวเองทันที "ข้าไม่ได้ทำ นางปรักปรำข้า และยังทำร้ายข้าด้วย" ซุนถิงเท้าเอวและจ้องหน้าเขา "เมื่อครู่ข้าน่าจะข่วนปากเจ้าให้ฉีกก่อนจะพามาที่นี่"
ชิวอิ้งเอ่ยถามอย่างเป็นกลางว่า "แม่นางมีหลักฐานหรือไม่ว่าชายผู้นี่ลวนลามสาวใช้ของเจ้า"
"ก็ข้านี่ไงหลักฐาน ส่วนเจ้าทุกข์ก็คือสาวใช้ของข้า"
"ไม่จริง อย่าไปฟังที่นางพูดนะ" ชายผู้นั้นยังไม่ยอมรับ
ชิวอิ้งยิ้ม "เอาเป็นว่าเรื่องนี้ข้าจะจัดการให้ก็แล้วกัน ทหารลากตัวไปสอบสวน"
ชายผู้นั้นเบิกตาขึ้น "ข้าทำผิดอันใด ท่านจะตัดสินข้าเพียงเพราะลมปากของนางไม่ได้นะ"
"ผิดจริงหรือไม่ ลองสอบสวนดูก็รู้แล้ว ลากตัวไป"
"ขอรับ" ทหารลากร่างของชายผู้นั้นไป เขาจึงตะโกนโห่ร้องออกมาว่า "เจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ ข้าเป็นบุตรชายของสกุลตู๋ พ่อข้าเป็นถึงไท่ฟู่ ราชครูของฮ่องเต้ และน้าหญิงของข้าก็เป็นถึงฮองเฮา พวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า ข้าจะกราบทูลต่อหน้าพระพักต์ว่าพวกเจ้าตัดสินตามอำเภอใจ ฝ่าบาทไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!!!"
ซุนถิงส่ายหน้าอย่างระอา "เป็นถึงบุตรชายของตู๋ไท่ฟู่ เหตุใดถึงได้ทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้ ข้าล่ะอายแทนพ่อของเจ้าจริงๆ"
นางยิ้มให้ชิวอิ้งอย่างพอใจ "ท่านทำได้ดีมาก แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ละเลย ถ้าท่านพ่อของข้าเข้าวังอีกล่ะก็ ข้าจะบอกให้ท่านพ่อ อวยความดีความชอบให้ท่าน"
"ไม่ทราบว่าแม่นางมีชื่อแซ่ว่าอะไร และเป็นบุตรสาวของสกุลไหนหรือ"
"ข้าแซ่ซุน นามว่า ถิง พ่อของข้าคือฟู่กั๋วกง ซุนติ้ง ท่านก็คงรู้จักพ่อของข้า"
ชิวอิ้งยิ้ม เขาไม่อาจละสายตาไปจากท่าทางก๋ากั่นของนางได้เลย เหมือนกับเมื่อ10ปีก่อนยังไงยังงั้น นี่คงจะเป็นพรหมลิขิตของข้ากับเจ้า ในที่สุดเราก็ได้พบกัน !
"งั้นข้าไปก่อนล่ะ" ซุนถิงเดินกลับไปที่รถม้า
ชายหนุ่มมองตามนางไป ที่แท้ก็เป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุน จริงซิตระกูลซุนมีบุตรสาวสองคนนี่นา ท่าทางเด็ดเดี่ยวเช่นนี้นางต้องเป็นคนโต ส่วนอีกคนที่ขี้แยต้องเป็นคนเล็กแน่ๆ แล้วที่ท่านพ่อเอ่ยถึงเมื่อเช้านี้ก็คือคนโต ซึ่งนั่นก็คือนางซินะ นี่มันบุพเพสันนิวาสชัดๆ ชิวอิ้งประติดประต่อเอาเอง พอคิดได้ดังนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาจนไม่อาจหุบได้ เขารู้ว่า ตระกูลซุนมีลูกสาวสองคนจริง แต่กลับไม่รู้ว่าพวกนางเป็นฝาแฝดกัน
