1
Chapter 1
เสียงเด็กสาววัยสิบแปดนามว่ามังคุดกรีดร้องสุดเสียงอยู่ตรงกระท่อมในสวนผลไม้ของตัวเอง ชายฉกรรจ์นับสิบกำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเด็กสาวอย่างบ้าคลั่ง จับเรียวขาอันอวบอัดขาวเนียนยิ่งกว่าหยวกกล้วยแยกออกจากกันเพื่อจะสอดท่อนเนื้ออวบเข้าไปในร่องพรหมจรรย์อันแคบเล็กหอมกรุ่นที่พวกมันได้กลิ่นกรุ่นกำจายไปทั่ว
มังคุดกรีดร้องน้ำตาไหลพรากอาบแก้มนวล คิดทดท้อในใจว่าเธอคงไม่รอดพ้นจากชายฉกรรจ์นับสิบที่กำลังจะรุมขืนใจเป็นแน่แท้ เธอเป็นลูกคนเดียว พอบิดามารดาเสียชีวิตก็ต้องอยู่เพียงลำพัง
รูปร่างหน้าตาของเด็กสาวสวยสดกว่าสาวบ้านป่าทั่วไป ผิวของเธอขาวเนียนละเอียด ปากแดงเต็มอิ่ม แก้มนวลใส รูปร่างอวบอัดเต็มไม้เต็มมือ มีส่วนเว้าส่วนโค้งยวนใจชายที่หมายตาเธอตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อสาว อกอวบอิ่มเย้ายวน เอวคอด สะโพกผาย ยามเมื่ออาบน้ำเหล่าชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านก็เฝ้าแอบมองแอบส่องแล้วเอาไปนึกจินตนาการว่าได้กระแทกสาวเจ้าทำเมียจนหนำใจ
ยามบิดายังมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ แต่พอบิดามารดาจากไปเท่านั้นล่ะ ความไม่ปลอดภัยก็เกิดขึ้นในทันที หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรเช่นนี้ ห่างไกลจากความเจริญยิ่งนัก เรือกสวนไร่นาของบิดาที่ต้องสืบทอดก็มีมาก เธอเป็นคนที่นี่จะไปอาศัยอยู่ที่อื่นก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะคิดว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน
ปัง ปัง ปัง! เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ชายฉกรรจ์ที่กำลังจะรุมย่ำยีเด็กสาวตกใจใบหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนจะวิ่งหนีตายหางจุกตูดเมื่อเห็นร่างสูงทะมึนแข็งแรงของพันศักดิ์ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบที่กำลังถือปืนลูกซองอยู่ในมือ พร้อมเล็งมายังร่างหนุ่มฉกรรจ์ทั้งหลายแบบไม่เกรงกลัว ในตาดุดันของพันศักดิ์ทำให้คนมองหวาดกลัวไปตามๆ กัน
พันศักดิ์ สิงขร หนุ่มใหญ่นิสัยดุดันแข็งกร้าวไม่มีใครกล้าแหยมเดินอาดๆ เข้ามาในกระท่อมทำเอาชายฉกรรจ์ทั้งสอบแตกกระเจิงไปหมดแล้ว ก่อนจะตรงเข้ากระชากร่างอวบลงมาจากแคร่ไม้ไผ่สุดแรง
มังคุดกรีดร้องสุดเสียง หาเสื้อผ้ามาปิดป้อง แต่เพราะโดนกระชากจนขาดวิ่นไปหมดแล้ว
“กลางวันแสกๆ ไม่อายฟ้าอายดิน”
พันศักดิ์เบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า เด็กสาวใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ตัวสั่นเทาสะบัดมือหนีมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะเดินกะเผลกๆ ออกจากกระท่อม
หนุ่มใหญ่สบถยาวเหยียดเมื่อหันไปเห็นก้นขาวๆ ของเด็กสาววัยสิบแปด เธอเอาเสื้อผ้าขาดๆ ปิดบังเนื้อตัว ร้องไห้สะอึกสะอื้นเดินหนีด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
“จะไปไหน” ร่างสูงใหญ่เกือบร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรตามมากระชากแขนเล็กของเด็กสาว เธอสะดุ้งสุดตัวยังร้องไห้ไม่ขาดสาย
“มังคุดจะกลับบ้าน” มังคุดตอบเสียงสั่นๆ สะอื้นจนตัวโยน
“เดินแก้ผ้าไปแบบนี้น่ะเหรอ” ขาเอ่ยถามอย่างหงุดหงิดใจไม่น้อย
“แล้วจะให้มังคุดทำยังไง” เด็กสาวถามเสียงสะอื้น
“เอาใบกล้วยปิดไหมกันอุจาดตา” เขาประชดแต่เธอกัดปากตัวเองแล้วสะบัดมือหนี
“โกรธรึที่มาขัดจังหวะ” พันศักดิ์เลิกคิ้วขึ้นถาม
“ปากร้าย มังคุดไม่เคยคิดจะมีผัวทีเดียวสิบคนหรอกนะ”
“อ้อ... นึกว่าอยาก”
“ลุงศักดิ์!” เธอเสียงดังใส่เขายังร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาเปรอะเปื้อน
กรี๊ดด! เสียงกรีดร้องดังขึ้น พันศักดิ์อุ้มร่างเล็กขึ้นสู่อ้อมแขนหลังจากสะพายปืนลูกซองไปทางด้านหลัง เธอปัดป้องปิดบังเนื้อตัวเป็นพัลวัน
“อย่าดิ้นสิ ตกลงไปแข้งขาหักไม่รู้ด้วยนะ” คนเถื่อนหน้าดุทำเสียงดุ เด็กสาวรีบหยุดดิ้นกอดคอหนาเอาไว้เพราะกลัวตก ยังสะอึกสะอื้นอยู่ไม่หาย เธอซุกหน้าที่อกกว้าง อับอายนักหนาที่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าเขา
“ทีหลังก็นัดมันมาทีละคนสิ สิบคนไม่ฉีกขาดหรือไง”
“มังคุดเปล่านัดใครนะ พวกนั้นมาดักฉุดจะรุมข่มขืน ไม่เห็นหรือไงว่ามังคุดร้อง” เธอเถียงคอเป็นเอ็น
“อ้อ... จะไปรู้เรอะ ผู้หญิงบางคนชอบร้องให้ผู้ชายตื่นเต้น” เธอกัดปากตัวเองเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
วาจาร้ายกาจไม่มีใครเกิน เธอว่าเขาอยู่ในใจ
พันศักดิ์นั้นคือหนุ่มใหญ่หล่อเหลา หน้าตาคมเข้ม รูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงไม่ใช่ลุงอ้วนแผละลงพุง เธอเคยเห็นเขาถอดเสื้อโชว์กล้ามท้องแข็งโป๊ก สาวๆ ในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงต่างอยากได้เขากันทั้งนั้น พันศักดิ์ไม่จริงจังกับใคร เธอล่ะไม่ชอบขี้หน้าเขานัก เขาชอบปากเสียกับเธอ
“ตายแล้ว เอ็งสองคนไปทำอะไรกันมานี่ อกอีแป้นจะแตก” เสียงของป้าจำเนียรที่อยู่หน้าบ้านดังขึ้นจนชวนแสบแก้วหู
มังคุดอับอายขายขี้หน้า จะดิ้นลงก็เปลือยอยู่ เธอเลยเลือกที่จะซุกหน้ากับอกกว้างของพันศักดิ์แทน
ลุงยุทธ์สามีของป้าจำเนียรมองมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ป้าจำเนียรเป็นญาติห่างๆ ของเธอ พอบิดามารดาเสียชีวิตก็มาชวนเธอไปอยู่ด้วย แต่เธอไม่ไปเพราะว่าลุงยุทธ์พยายามจะปลุกปล้ำเธอหลายครั้งแล้ว เธอเลยปฏิเสธ ป้าจำเนียรเลยโกรธ แต่แท้ที่จริงแกอยากได้สมบัติของเธอที่บิดามารดาทิ้งเอาไว้มากกว่าจะเป็นห่วงเธออย่างจริงใจ
ที่ดินบ้านป่าก็จริงแต่มีหลักฐานการถือครองกรรมสิทธิ์ เธอไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยยากแค้นเลยมีคนหวังจะฮุบสมบัติ
ตอนบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ ป้าจำเนียรก็ไม่ใช่จะสนใจไยดีนักหรอก หากไม่มีเรื่องรบกวนก็ไม่เคยแวะเวียนมาหา บิดายังเคยพูดในเชิงเปรียบเปรยว่าไม่มีที่หวังบังไม่มา หมายถึงหากไม่มีอะไรที่อยากได้ก็ไม่มาหานั่นเองเสียงของป้าจำเนียรดังลั่นไปหมด เธอได้ยินพันศักดิ์สบถยาวเหยียด ปกติพันศักดิ์นับถือผู้อาวุโส แต่ถ้าหัวหงอกแล้วไม่น่านับถือเขาก็ไม่กราบไหว้
“อย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ” จำเนียรพูดเสียงดังด่าทอหยาบคายไม่น่าฟัง พันศักดิ์อุ้มเด็กสาวขึ้นบ้าน มังคุดรีบหนีไปแต่งเนื้อแต่งตัว เห็นสายตาของลุงยุทธ์ที่มองมาแล้วรู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุด
“รับผิดชอบอะไร” เธอได้ยินพันศักดิ์เอ่ยถามป้าจำเนียรเสียงกระด้าง สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
“แล้วไปทำอะไรกันมาล่ะ แก้ผ้าฟัดกันเละเทะแบบนั้น เสื้อผ้าฉีกขาดน่าเกลียดหาใครเกิน”
“แปลก! ถามว่าไปทำอะไรกันมา แต่บอกว่าไปฟัดกันมาแล้วจะถามทำไม” พันศักดิ์เสียงกร้าวใส่
“ไอ้ศักดิ์! ไอ้ปากหมา”
“เหอะ!” พันศักดิ์ทำเสียงในลำคอมองด้วยสายตาดุวาบ จำเนียรถอยร่นไปอยู่ด้านหลังของสามีในทันที
“เอ็งจะทำอะไร” จำเนียรถามเสียงตะกุกตะกัก พันศักดิ์ไม่ตอบแต่สายตาดุกร้าวน่ากลัว
“แล้วตกลงว่าไง จะทำกับหลานข้าแบบนี้ไม่ได้นะ” แม้จะทำท่ากลัวแต่ก็ยังปากเก่ง เนื่องจากเห็นว่ามีสามีอยู่ด้วย
“ไม่ได้ทำอะไร” พันศักดิ์ตอบเสียงเย็นชาเริ่มรำคาญความปากมากจุ้นจ้านของจำเนียร
“ไม่ได้ทำอะไร แต่กลับมาในสภาพนั้น ต่อไปนางมังคุดท้องโย้ขึ้นมาไม่วายคนจะเอาไปนินทา”
“นินทาก็นินทาไปสิ ใครไม่ได้นินทากินข้าวไม่ลงก็ปล่อยมันไป” พันศักดิ์ยักไหล่ยียวนกวนประสาท เขาเดินห่างออกมาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเพราะรำคาญ
“ไอ้ศักดิ์! ไอ้หน้าตัวเมีย” พันศักดิ์หันขวับไปมอง ยุทธ์ถอยร่นไปตั้งหลัก จำเนียรตามไปด้วย เห็นปืนลูกซองที่สะพายอยู่ก็ไม่กล้า หันไปเล่นงานหลานสาวที่เดินลงมาจากบ้านแทน
“นางมังคุด! แกต้องแต่งงานกับไอ้ศักดิ์ ผิดผีกันแบบนี้แล้วจะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ ท้องโย้ขึ้นมาคนเขาจะได้เอาไปนินทา”
“จะไปกันใหญ่แล้วป้า หนูไม่ได้มีอะไรกับลุงศักดิ์”
“เหอะ! อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ เอ็งกลับมาในสภาพนั้น”
“ป้าไม่เชื่อก็ตามใจ” เธอขี้คร้านจะอธิบาย รู้ดีว่าอธิบายไปก็ไม่มีใครเชื่อ
“งามหน้าไหมล่ะ พ่อแม่ตายไม่ทันไรก็พาผู้ชายไปฟัดกันนัวเนียกลับมาเสื้อผ้าขาดกระจุยกระจาย”