"รักของพวกเขา" 2
เมื่อสี่ปีก่อนกิตติได้มาเที่ยวบ้านคุณยาย แล้วเขาก็ได้เจอ
เปาวลี เด็กสาวแรกรุ่นอายุเพียงแค่สิบหกปีถ้าเขาจำไม่ผิด ครั้งแรกที่เขาเห็นเปาวลีก็ทำให้หนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดประหม่า หัวใจที่แข็งแกร่ง มองความรักเป็นเพียงอากาศและไม่เคยมีความรักมาก่อนนั้นอ่อนไหว และเต้นโครมครามทุกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าหวานจิ้มลิ้มรูปไข่ของเปาวลี...กิตติตกหลุมรักเด็กน้อยวัยละอ่อนทันทีเมื่อเห็นเพียงเสี้ยวหน้างาม
ขณะนั้น กิตติก็เลือกเป็นฝ่ายเดินเข้าหาทางมารดาของสาวน้อย ทำความสนิทจนได้รับความไว้วางใจ และเปิดโอกาสให้เขาได้ศึกษาดูใจกับเปาวลี เขาและเธอศึกษาดูใจกันได้ไม่ถึงสี่เดือน กิตติก็อ้อนวอนขอร้องให้คุณยายไปขอหมั้นเปาวลี ซึ่งก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของคุณยายของเขาเป็นอย่างมากที่ได้เปาวลีมาเป็นหลานสะใภ้
“เพื่อนๆ กันทั้งนั้น อยู่ห้องเดียวกันก็ต้องคุยต้องทำกิจกรรมร่วมกัน พี่เกี๊ยจะมาห้ามเจียวไม่ให้พูดคุยกับเพื่อนๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
เปาวลีพูดเสียงงอนๆ เธอขยับตัวนั่งเอียง ใช้สีข้างพิงเบาะรถ หันหลังให้ชายหนุ่ม
“พี่ไม่อยากให้เจียวเรียนแล้ว” กิตติคิดอย่างไรก็พูดออกมาตามความรู้สึก เขาไม่อยากให้น้องเรียน เขาอยากจะแต่งงานและครอบครองหญิงสาวให้เร็วที่สุด
“แต่เจียวอยากเรียนต่อค่ะ...”
“จะเรียนทำไม จบ ม.6 ก็ไม่ต้องเรียนต่อแล้ว ออกมาแต่งงานกับพี่เป็นแม่บ้านให้กับพี่ดีกว่า” กิตติบ่นให้แฟนสาว
“เจียวยังไม่อยากแต่งค่ะ จบ ม.6 เจียวจะหางานทำเก็บเงินค่ะ แล้วจะส่งตัวเองเรียนต่อค่ะ” ทุกวันนี้ที่ได้เรียนหนังสือจะจบ มัธยม 6 ก็เพราะด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของมารดา...เปาวลีไม่อยากให้แม่ต้องทำงานรับจ้างซักผ้าตามหมู่บ้าน เธออยากให้แม่หยุดพักผ่อนอยู่กับบ้าน นี่คือความหวังที่เธอคิดไว้เสมอ เรียนจบ ม.6 เมื่อไรเธอจะหางานทำเลี้ยงแม่และส่งตัวเองเรียนต่อ
“ทำงาน ฝันไปเถอะ” กิตติปรายตามองหญิงสาวที่เอาแต่พูดเพ้อฝัน
“ทุกคนมีสิทธิ์ฝัน เจียวก็ฝันที่จะทำงานหาเงินเลี้ยงแม่และส่งตัวเองเรียน” เปาวลีเริ่มไม่พอใจที่เห็นชายหนุ่มพูดไม่รู้เรื่อง
“แต่ไม่ใช่เจียว...เจียวไม่จำเป็นต้องทำงาน เป็นเมียพี่ พี่จะทำงานเลี้ยงเจียวเอง”
กิตติพูดเสียงดุดันพร้อมทั้งจอดรถเข้าข้างทางตรงหน้าบ้าน เขารีบโน้มตัวเข้าหาคนตัวน้อยที่จะเปิดประตู จับประตูดึงไว้ไม่ให้น้องเปิด
“ถึงบ้านแล้วค่ะ” เปาวลีดันคนตัวหนาให้นั่งที่เดิม
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” กิตติไม่ทำตามหญิงสาว เขาขยับตัวหันข้างเข้าหาคนตัวน้อย จับบ่าบางให้หันหน้ามาคุยกัน
บ้าที่สุด ทำไมพูดไม่เข้าใจสักที
กิตติเกิดและโตที่ต่างประเทศ เมื่อเขาเรียนจบก็ขอพ่อแม่กลับมาอยู่เมืองไทยอาศัยคอนโดฯ ของพ่อแม่ที่ซื้อทิ้งไว้ที่กรุงเทพฯ ชายหนุ่มได้ทำงานที่บริษัทผลิตขายรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งที่ดังระดับโลกในสาขาเมืองไทย เขาทำงานด้วยมันสมองที่ได้เรียนมาจนเป็นที่ไว้วางใจของท่านประธาน และชายหนุ่มก็ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย
“ฟังพูดเข้า...เจียวยังไม่ได้แต่งงานกับพี่...เจียวจะเป็นภรรยาของพี่เกี๊ยได้ยังไงคะ” เปาวลีเขินอายในคำพูดของชายหนุ่มจนใบหน้านวลผ่องแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู
“จำไว้นะเมื่อเจียวเรียนจบ ม.6 เราจะแต่งงานกันทันที และอย่าหวังจะได้ออกไปทำงานที่ไหน”
ดวงหน้ารูปไข่ที่ก้มหลบสายตาเขานั้นถูกมือหนาจับตรงปลายคางดันให้เงยขึ้นสบตากัน
“แต่เจียวอยากทำงานหาเงินช่วยพี่นี่คะ” เปาวลียังยืนยันนอนยันที่จะทำงานอยู่ดี
“ไม่ต้องคิดที่จะทำเลย...พี่จะเป็นคนหาเลี้ยงเจียวเอง” กิตติบอกให้น้องน้อยดูปากของตัวเอง ‘พี่จะทำงานเลี้ยงดูเจียวเอง’ ทุกคำพูด เขากลั่นกรองออกมาจากหัวใจ เน้นริมฝีปากทีละคำอย่างชัดเจนให้หญิงสาวได้เห็น
“แต่เจียวไม่อยากเป็นภาระของพี่นี่คะ” เปาวลีหยุดพูดเมื่อเจอสายตาดุดันบังคับชองชายหนุ่ม
“พี่รักเจียวทุกสี่ห้องหัวใจของพี่มันมีแต่เจียว...พี่จะไม่ยอมให้เจียวลำบากแน่นอน และการที่พี่จะเลี้ยงดูเจียว มันไม่ได้ลำบากอะไรเลย...เจียวเห็นศาลพระภูมินั้นไหม” กิตติพยักหน้าให้เปาวลีมองศาลพระภูมิที่ตั้งตระหง่านน่าเกรงขามอยู่ข้างรั้วหน้าบ้าน
“ทำไมคะ” เธอมองศาลตามมือของชายหนุ่มที่ชี้ให้เธอดู
“พี่จะสาบานต่อหน้าศาล” เขายกมือท่วมหัวตั้งจิตส่งใจถึงเทวดาฟ้าดิน
“พี่เกี๊ยอย่าสาบานเลยค่ะ...เจียวเชื่อแล้วค่ะ”
