ไม่ว่านานแค่ไหน
ตอนที่ 3
ไม่ว่านานแค่ไหน
3 ปีผ่านไป
“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมลูก”
รัมภาลูบหัวลูกชายอย่างเข้าใจ วันนี้เป็นวันที่วายุตัดสินใจจะไปลาออกจากราชการเพื่อต้องการออกมาทำงานอิสระด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะบอกใคร
“ผมต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง งานราชการถ้าเราละทิ้งหรือทำไม่เต็มที่มันก็คงไม่ดี ผมมีอีกหลายอย่างที่ยังค้างคาใจอยากทำให้เสร็จครับแม่”
“เรื่องอะไรกันที่ทำให้ลูกของแม่รู้สึกแบบนี้บอกแม่ได้ไหม”
คนเป็นแม่รับรู้มาโดยตลอดว่าลูกชายมีอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจถึงแม้จะเฝ้าถามหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสักครั้งที่วายุจะยอมเล่าให้ฟัง
“ไว้สักวันผมจะเล่าให้คุณแม่ฟังนะครับ”
พรุ่งนี้เช้าชายหนุ่มจะเดินทางไปหาเพื่อนที่เชียงใหม่ทันทีเพราะทั้งคู่ตัดสินใจที่จะร่วมลงทุนทำธุรกิจหมู่บ้านจัดสรรและวายุเองในฐานะที่จบวิศวกรมาก็จะขึ้นไปดูแลงานด้วยตัวเอง
“มาได้ทันเวลาพอดีเลย วันนี้วิศวกรคนใหม่ของเราจะเข้ามาทำงานแล้วนะเป็นผู้หญิงอยากบอกว่าทั้งสวยและน่ารักเลยแหละ”
นาวินหุ้นส่วนธุรกิจรีบเดินมาทักทายวายุที่เพิ่งเดินทางจากบ้านมาถึงเชียงใหม่เมื่อเช้าและก็รีบลงมาที่หน้างานทันที
“อยากรู้จักวิศวะคนใหม่ของนายจัง เล่นคุยซะขนาดนี้ไม่ใช่เจอตัวจริงแล้วไม่น่ารักอย่างที่บอกนะ”
วายุแกล้งให้ความสนใจไปอย่างนั้นทั้งที่ตัวเขาเองตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ค่ำคืนนั้นกับนาเดียเขาก็แทบจะไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกเลยเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรแต่แค่รู้สึกว่าความผิดที่เขาไม่เคยแม้แต่จะได้เอ่ยคำขอโทษทำให้เขาไม่กล้าที่จะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนอีก
“ตอนนี้โครงการของเราก็คืบหน้าไปเยอะแล้ว บ้านหลังแรกกำลังจะเริ่มสร้าง ดีนะที่นายรีบลาออกจากงานมา ไม่อย่างนั้นเราบริหารคนเดียวคงจะปวดหัวแย่”
นาวินจบด้านบริหารธุรกิจมาจากเมืองนอก เขาต้องการสร้างหมู่บ้านจัดสรรเพื่อเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ในด้านอสังหาริมทรัพย์แต่เขาไม่ค่อยมีความรู้ในด้านการก่อสร้างจึงได้ร่วมหุ้นกับวายุที่มีความรู้ทางวิศวกร
“อยากลาออกตั้งนานแล้วก็ตัดสินใจไม่ได้สักทีเพราะไม่รู้จะทำอะไรแต่พอนายมาชวนหุ้นด้วย นายก็เหมือนชี้ทางสว่างให้เราด้วยนะอย่าออกมาโลดแล่นแบบอิสระบ้าง ไปไหนมาไหนก็จะได้สบายใจงานราชการไม่ค่อยมีเวลาเลยว่ะ”
เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานตั้งหลายปีกอดคอคุยกัน อย่างสนุกสนานเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะคุยกันผ่านโซเชียลเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรียนจบที่ทั้งคู่ได้มีโอกาสเจอกันเพราะนาวินก็เดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในช่วงปริญญาตรีทั้งคู่จึงมีโอกาสได้เจอและสนิทกันในช่วงมัธยม
“สงสัยมาแล้ววิศวกรคนใหม่สาวน้อยคนสวย”
วายุหันมองไปตามที่เพื่อนกำลังมองไปข้างหน้าและเขาก็ต้องถึงกับพูดอะไรไม่ออกเพราะถึงแม้วิศวกรคนใหม่แม้จะอยู่ไกลจากเขาในตอนนี้ แต่มันก็ทำให้วายุจำได้ว่าผู้หญิงที่กำลังเดินเข้ามาในหน้างานคือนาเดีย
“วิศวกรคนใหม่ของนายชื่ออะไร”
วายุถามด้วยเสียงตะกุกตะกักเหมือนว่าเขากำลังกลัวคำตอบทั้งที่ภาพที่เขากำลังมองเห็นไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเขาก็จำได้ว่ามันคือผู้หญิงที่เขาเคยทำผิดกับเธอไว้
“เดียร์ เธอชื่อนาเดีย เออนึกออกแล้วเธอจบมหาวิทยาลัยเดียวกับนายด้วยนี่”
“อย่าพูดอะไรถึงเรานะ เราขอร้อง”
นาวินยังไม่ทันพูดอะไรต่อวายุก็หันมากำชับเพื่อนว่าห้ามพูดอะไรถึงเขา ก่อนที่วายุจะวิ่งหลบเข้าไปในห้องสำนักงาน
“อะไรของมัน”
เพื่อนถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่วายุทำแต่ก็เป็นอันยอมทำในสิ่งที่เพื่อนขอร้องไว้ ด้วยการไม่พูดอะไรถึง ตามที่วายุต้องการ
“ใช่เธอจริงๆด้วย”
วายุรู้สึกเหมือนคนกำลังจะเป็นไข้ร้อนๆหนาวๆวูบวาบไปหมดทั้งตัว ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเขาพยายามตามหานาเดียแต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรของเธอเลยแต่การตามหาของเขามันจะยังไม่เต็มที่ด้วยหน้าที่การงานที่ทำและนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเพื่อหวังจะมีเวลาเฝ้าติดตามเพื่อจะได้ขอโทษในความผิดที่เขาได้ก่อไว้และวันนี้ฟ้าดินกำลังดลบันดาลให้เขากับเธอได้มาเจอกันอีก
ภาพของหญิงสาวที่กำลังพูดคุยกับนาวินมันทำให้ความรู้สึกเก่าๆหวนกลับมา ภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันหลายคน ทุกครั้งที่วายุมีปัญหาไม่มีครั้งไหนที่จะไม่มีนาเดียอยู่เคียงข้างและแค่เพียงอารมณ์ของคนที่โดนทิ้งในวันนั้นทำให้เขาต้องสูญเสียเพื่อนสนิทไปตลอดกาลวายุพยายามทำใจให้เข้มแข็งแต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกอ่อนแอมันเหมือนความผิดทั้งหมดย้อนกลับมาในหัวใจเหมือนว่ามันเพิ่งเกิดขึ้น