มีค่าแค่เวลาเธอเสียใจ
ตอนที่ 1
มีค่าแค่เวลาที่เธอเสียใจ
“ไม่โกรธเราใช่ไหมที่เบี้ยวนัด เราสัญญาพรุ่งนี้จะไปกินข้าวกับเธอจริงๆ”
นาเดียเดินร้องไห้กลางสายฝนที่กำลังตกหนักคำพูดของ
ผู้ชายที่เธอรักเขามาตลอดยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ทั้งคู่จะได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้แต่เขาก็ยังเลือกที่จะผิดสัญญากับเธอเพียงเพราะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิท
“ไม่อยากเป็นเพื่อนแล้วโว้ย ! !”
สาวน้อยในชุดช็อปสองมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาปนกับ สายฝนที่ดันมาตกตอนนี้ ตลอดเวลาหลายปีที่เป็นเพื่อนกันมา นาเดียรู้สึกกับวายุมากเกินกว่าเพื่อนแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าคนที่เธอแอบชอบมีคนรักอยู่แล้วแต่หัวใจดวงเล็กๆดวงนี้ก็ยังหวังว่าถึงเขาจะไม่รักเธอแบบคนรักก็คงจะรักเธอแบบเพื่อนที่สนิทที่สุดแต่วันนี้เป็นวันสำคัญที่เพื่อนควรจะอยู่ด้วยกันเขาก็กลับเลือกที่จะไปอยู่กับแฟน
สายฝนข้างนอกยังคงไม่หยุดแต่น้ำตาบนใบหน้าของคนอกหักมันไม่มีน้ำตาให้ไหลแล้วกว่าที่นาเดียจะเดินถึงหอเธอก็เปียกฝนเกือบชั่วโมง คงถึงเวลาที่เธอต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้เธอกับเขาก็คงจะค่อยๆห่างๆกันไป เพราะเมื่อเรียนจบต่างฝ่ายต่างก็แยกไปเดินตามความฝันของตัวเอง
“นาเดียออกมาหาเราหน่อยได้ไหม”
เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ที่ดังขึ้น นาเดียตั้งใจว่าจะไม่รับสายแต่สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ต่อหัวใจตัวเองเพราะการที่วายุโทรมาในเวลานี้เขาคงต้องมีเรื่องไม่สบายใจหรือมีอะไรให้เธอช่วยเหลือแน่
“เกิดอะไรขึ้นทำไมร้องไห้แบบนี้”
วายุพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขาด ๆ หาย ๆ เพราะด้านนอกกำลังเกิดลมพายุสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดียิ่งทำให้คนฟังรู้สึก เป็นห่วง
“เราอยู่คนเดียวไม่ได้ออกมาอยู่เป็นเพื่อนเราหน่อยนะ”
นาเดียเดาได้ไม่ยากว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เพื่อนชายโทรหาเธอหลังจากที่เขาเพิ่งผิดนัดเพื่อจะไปพบกับคนรักเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน
“เราอาบน้ำแล้ว และก็รู้สึกไม่ค่อยสบายพรุ่งนี้ค่อยคุยก็แล้วกัน”
สาวน้อยพยายามฝืนใจเข้มแข็ง นาเดียเบื่อแล้วกับการต้องเป็นตัวสำรองมีค่าก็เฉพาะเวลาที่เขาไม่เหลือใคร
“ถ้าเธอไม่ลงมาเราก็จะจอดรถที่หน้าหอแบบนี้แหละไม่เชื่อก็ลองมองมาที่หน้าต่าง”
หญิงสาวในชุดนอนรีบชะโงกหน้าไปมองที่หน้าต่างที่ตอนนี้มีรถยนต์คันหรูที่เธอแสนคุ้นเคยจอดรออยู่ที่หน้าหอ
นาเดียจากที่ตั้งใจว่าครั้งนี้เธอจะไม่ยอมเป็นตัวสำรองสำหรับวายุอีกแล้วแต่สุดท้ายเธอเองก็ต้องพ่ายแพ้เพราะทั้งเป็นห่วงแล้วอยากอยู่กับเขา
“ทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วใช่ไหมไม่อย่างนั้นก็คงไม่เห็นค่าของเราหรอก”
ทันทีที่ขึ้นรถนาเดียก็พูดทุกอย่างที่เธออัดอั้นตันใจโดยไม่ทันได้หันไปมองสบตาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับ
ไม่มีเสียงตอบมีเพียงแค่เสียงสะอื้นเท่านั้น วายุอ่อนแอ เกินกว่าจะพูดอะไรได้ทั้งที่ตอนแรกเขาคิดว่ามีหลายอย่างในหัวใจที่อยากจะเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง
“เราพูดเล่น เกิดอะไรขึ้นไหนเล่าให้เราฟังหน่อย”
สาวน้อยในชุดนอนลูบแขนเพื่อนหวังปลอบโยน ความโกรธในช่วงเย็นหายไปจนสนิทใจเหลือเพียงแค่ความสงสารและ ความเป็นห่วงเท่านั้น
“โยเกิร์ตบอกเลิกเราทั้งที่วันนี้เดียร์ก็รู้ว่าเราตั้งใจจะไปพูดกับโยเกิร์ตเรื่องแต่งงาน”
คนเล่าพูดได้เพียงเท่านี้ก็สะอื้นออกมา เสียงลมหายใจที่หอบเหนื่อยทำให้คนฟังเข้าใจดีว่าสิ่งที่วายุเจอมามันหนักหนาแค่ไหน
“มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า โยเกิร์ตก็บอกเลิกเธอตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่เห็นเลิกกันจริงๆเลยครั้งนี้ก็คงเหมือนกันอย่าเพิ่งคิดมาก”
นาเดียไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน ตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัยเธอรับฟังเรื่องแบบนี้มาตลอดไม่รู้กี่ครั้งและในที่สุด ทั้งคู่ก็จะกลับไปดีกันเหมือนเช่นทุกครั้งไป ครั้งนี้เธอก็คิดว่าคงไม่แตกต่างจากครั้งอื่นๆ
วายุหันมามองสบตาคนพูดแต่เขาไม่ตอบใดๆแล้วเลือกที่จะขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดมิเนียมของครอบครัวเขาที่ซื้อไว้อีกอำเภอเป็นคอนโดที่อยู่ติดชายทะเล
“ข้างนอกฝนตกหนักเดียร์อยู่กับเราที่นี่ก่อนได้ไหม”
คนถูกพามาพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเคยมาที่นี่เพียงแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มากันเพียงแค่ 2 คน