บทที่ 1 หมอสุดฮอต(ดีกรีนายแบบ)
ภีมภพ ร่างสูงโปร่งใบหน้าอันหล่อเหลาที่ได้ดีเอ็นเอความหล่อเหลามาจากบิดาเจ็ดสิบเปอร์เซ็น ผิวขาวสันจมูกคมโด่งคมมันได้รูป รับกับริมฝีปากบางกรอบหน้าเรียวรูปไข่ราวกับหน้าหญิงมีความผสมผสานมาจากมารดา พอดีเอ็นเอทั้งบิดามารดามาร่วมกัน ทำให้ใครๆ ต่างขนานนามความหล่อเหลาให้กับหมอหนุ่มหล่อสุดฮอตอย่าง หมอภีมภพ อักษรรุ่งโรจน์สกุล หมอใบหน้าฟ้าประทาน ดีกรีนายแบบ แต่ความหล่อ ความฮอตใบหน้าอันหล่อเหลาที่โดดเด่น สะกดสายตาสาวๆ ของภีมภพ ไม่ได้ฮอตเพียงแค่ในรั้วมหาวิทยาลัย BXMaX
ด้วยความมีใบหน้าฟ้าประทานมาแต่กำเหนิด หล่อ รวย เก่ง ดีกรีหนุ่มนักศึกษาแพทย์ ที่พ่วงตำแหน่งเดือนคณะแพทยศาสตร์ ของภีมภพนั้นยังหล่อสะดุดสายตา โดนใจของสาวๆ ทั้งประเทศ ชนะการถูกโหวตให้ได้รับตำแหน่ง หมอหล่อทะลุเเมส แห่งปี และยังติดท็อป 10 หมอหล่อบอกต่อด้วย 4 ปีซ้อน แต่ความหล่อความฮอต ของภีมภพไม่พอแค่นี้ ภีมภพยังขึ้นแท่นเป็นนายแบบและเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโรงพยาบาลชั้นนำอีกมากมายหลายแห่ง ดีกรีหมอนายแบบของเมืองไทย หล่อ รวย เก่ง มากความสามารถ ฉายา นายแบบหมอหล่อทะลุแมส
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนุ่มคุณหมอที่สาวๆ ต่างให้ความสนใจและ คลั่งไคล้สุดๆ ในเจเนอเรชั่นนี้ หมอหล่อโปรไฟล์เลิศของภีมภพยังไม่พอ ด้านฐานะนั้น เป็นถึงหลานชายนักการเมืองชื่อดัง ส่วนคุณพ่อมีธุรกิจอีกมากมาย มูลค่าหลายหมื่นล้าน และยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โรงพยาบาล SoSarin Phaet Center ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของเมืองไทย
ใบหน้าฟ้าประทานอันหล่อเหลา ภีมภพ หนึ่งหนุ่มฮอต ดีกรีหมอหล่อ แห่งรั้วมหาวิทยาลัย Bxmax
ร่างสูงใบหน้าฟ้าประทาน ในชุดเสื้อกาวน์ที่เดินออกมาจากตึกคณะแพทยศาสตร์ ถึงตอนนี้เวลาจวนจะค่ำ และหลังจากลงเวรเช้ามา เข้าห้องปฏิบัติการมาตลอดทั้งวัน แต่ด้วยความหล่อออร่าของหมอภีมภพ ก็ไม่มีท่าทีลดน้อยลง หล่อตลอดการ ออร่าพุ่งเช้ายันค่ำ หล่อทุกวินาทีทุกชั่วโมง ไม่มีช่วงไหนที่เขาไม่หล่อเลย ทว่าขณะที่ภีมภพจะเดินไปยังลานจอดรถ สายตากับสะดุดเข้ากับไทม์ เพื่อนสนิทต่างคณะที่มายืนรอตนที่ใต้ตึกคณะ วันนี้สองหนุ่มคนดังแห่งรั้ว Bxmax มีนัดกับกลุ่มเพื่อน ๆ
“ไอ้หมอ กูว่าแล้ว มึงแม่งไม่รับสายไอ้ฟรอสต์ สัสมันบอกให้มึงเอารายงานที่ฝากมึงไว้ ไปให้มันด้วยครับ” ไทม์ ทายาทรุ่นที่ 3 มหาวิทยาลัย เอ่ยขณะที่ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์ที่พึ่งลงจากตึกเดินมาหาตน ภีมภพที่ออกจากห้องแล็บไม่ทันจะได้ถอดชุด
“ฝากกู...” อีกคนถามด้วยสีหน้างงงวย
“มันบอกฝากไว้ ในล็อกเกอร์ของมึง” ไอ้เชี่ยฟรอสต์ละมันเอามาฝากผมตอนไหน เหอะ
“ของไอ้ฟรอสต์ หรือไอ้มาคัส วุ่นวายกับกูจริง ” ผมถามไอ้ไทม์
“ไม่รู้กูมึนกับพวกมึง เนี่ย...มันโทรมาตามแล้ว เคลียร์กันเอาเอง” เมื่อภีมภพคุยกับมาคัสได้คำตอบแล้วนั้น
“สัสไทม์ ของไอ้มาคัส ป่าว” ผมถามไอ้ไทม์
“เออ นั้นแหละ” ภีมภพที่กำลังจะกลับ แต่กับต้องกลับไปเอาเล่มรายงานให้มาคัส ไอ้พี่เชี่ย มันแอบเอามาซุกที่ล็อกเกอร์ผมตั้งแต่ตอนไหนเหอะ วุ่นวายจริงไอ้มาคัส
เมื่อเป็นเช่นนั้นภีมภพกับเดินกลับคณะอีกรอบ ทว่าขณะที่ร่างสูงในเสื้อกาวน์สาวเท้าด้วยท่าทีเร่งรีบเพื่อไปเอางานให้พี่ชายที่เป็นเพื่อนด้วยนั้น
อีกด้านทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะแพทยศาสตร์ และนวัตกรรม ซึ่งเส้นทางนี้นักศึกษาส่วนน้อยที่จะใช้เส้นทางนี้ ยิ่งเป็นเวลาเย็นๆ บรรยากาศวังเวง แบบนี้จะมีเพียงนักศึกษาแพทย์เท่านั้นที่ใช้เส้นทางนี้เดิน เนื่องจากถัดไปเป็นตึกกายวิภาคที่เก็บร่างของอาจารย์ใหญ่ไว้ให้นักศึกษาแพทย์ศึกษาเรียนรู้กับของจริง
ประกายดาววิ่งมาด้วยความเร่งรีบ แหงนหน้าขึ้นมาอีกที จะเป็นลมขาสั่นจะวูบ
“ตึก...ตึกกาย วิภาค” ฉันไม่ใช่นักศึกษาแพทย์ และด้วยที่ฉันลืมมือถือไว้ในห้องชมรมของคณะ ฉันต้องกลับมาเอาของ ทว่าขณะที่สาวเท้าวิ่งมาด้วยความเร่งรีบ รู้ตัวอีกทีฉันก็วิ่งมาถึงหน้าตึกกายวิภาคเสียแล้ว
“จะ ร้องไห้” รีบก็รีบ กลัวก็กลัว
“ฮือๆ ไม่ไหว ขาสั่นหมดแล้วฉัน แล้วแกจะมารู้สึกตัวอะไรตอนนี้เล่า ฉันอยากจะบ้า ให้กับความไม่มีสติของตัวเอง ” ฉันวิ่งมาทางหน้าตึกนี้ ทำไมก่อน ถึงตรงหน้าตึกฉันจะมีไฟเปิดอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ไหวขาสั่นมาก ตอนนี้เหมือนจะวิ่งไม่ออกขาสั่น เกร็งไปหมดเหมือนตะคริวกิน วิ่งไม่ออก ฉันหลับตาวิ่งเพราะกลัวมาก ผ่านตึกกายวิภาคมาได้แล้ว แต่ยังเหลือตึกคณะแพทยศาสตร์ฮือ...ไม่ไหว ฉันรู้สึกวังเวงยังไงชอบกล ทว่าขณะที่เรียวขา วิ่งฉับๆ นั้น คำพูดของอิปิ๊ก กับวนเวียนในหัวฉัน
“โอ้ย...อิดาวมึงจะไปกิน ก๋วยเตี๋ยวรูหนูเหรอคะ ไปซอยนั้นกูไม่ไปค่ะ กูกลัว พวกมึงรู้ไหม ตรงนั้นเขาเรียกว่า ตึกอะไร”
“ตึกกายวิภาค และรถที่จอดตรงนั้น ช่วงเย็นๆ 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม มหาลัยปิด เขาจะมีรถมูลนิธิมาจอดส่งร่างอาจารย์ใหญ่หน้าตึกนี้ยังไงละ ไปเถอะกูไม่เอาด้วยหรอก พูดแล้วกูขนลุก กูกลัวผี...” ฮือ จะร้องแล้วนะ เมื่อกี้ฉันเห็นมีรถมูลนิธิจอดอยู่ นั้นหมายความว่า เขามาส่งร่างอาจารย์ใหญ่เหรอ ซอยนี้มันเป็นทางลัดไปคณะ ฉันวิ่งไปหลับตาไป เงียบมากวังเวง ขนลุกสุดๆ และตอนนี้มันเป็นช่วงเย็น ช่วงเลิกเรียนของนักศึกษาแล้ว
!! ตึก ตึก !! ทว่าขณะที่วิ่งมาถึงทางเชื่อมระหว่างตึกคณะแพทยศาสตร์ และตึกนวัตกรรม ตึกที่ฉันเรียนนั้น
!! พรึ่บ !! ไฟในตึกกับดับลงต่อหน้าต่อตา
!! อร้าย....!!
!! กรี๊ดดด !! ฉันเห็นอะไรขาวๆ ยาวๆ ที่โผล่ออกมาจากประตูทางเดิน ลอยผ่านความมืด กระแทกเข้ามาที่หน้าสวยๆ ของฉันด้วยความแรง
!! ตึก !! ประกายดาวที่หลับหูหลับตา วิ่งมาด้วยความเร็วสี่คูณร้อยเมตร ร่างบางในชุดพละ กางเกงวอร์มขายาว เสื้อคอปกแถบสีส้ม สีประจำคณะ ชนเข้ากับร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์สีขาวเข้าอย่างจัง อีกฝ่าย ไม่ทันระวังตัว
!! ตุบ !! ทั้งสองร่างล้มลงไปกองกับพื้น โดยมีเธอนอนทับบนตัวเขา
“ ...ฮือ อาจารย์ใหญ่ขา อย่าเล่นงานหนูเลยค่ะ อย่าทำอะไรหนูเลย ฮือๆ หนูกลัวแล้ว” เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน ร่างบางนอนแน่นิ่งลงต่อหน้าต่อตาเขา
“อ่า...” ภีมภพสบถอย่างหัวเสียสุดๆ จู่ๆ ก็มีคนวิ่งพุ่งมาชนเขาเข้าเต็มแรง
“เธอ...ลุก” ยัยผมจุกนี้ไม่รู้วิ่งมาจากไหน จู่ๆก็พรวดพราดวิ่งเข้ามากระโจนใส่ผมเต็มๆ
“เธอ...ฉันบอกให้ลุก ออกจากตัวฉัน” ภีมภพเอ่ยเสียงเข้ม
“หนักเป็นบ้า” เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ร่างบางนอนแน่นิ่งคว่ำหน้าลงตำแหน่งหน้าอกตำแหน่งหัวนมของผม
“หึ...สลบงั้นเหรอ” ใบหน้าอันหล่อเหลานิสิตแพทย์ขมวดคิ้ว เมื่อพบว่าเด็กนวัตกรรม ปี 1 เป็นลมสลบต่อหน้าตน