มองอยู่อย่างเป็นห่วง(2)
ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้ดีว่าฐานะของเพื่อนลูกสาวคนนี้เป็นอย่างไรจึงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ที่เด็กสาวอายุเท่านี้ต้องมาเผชิญปัญหาทุกอย่างเพียงคนเดียว
“พี่ตุลล่ะคะ”
ฤทัยถามแทรกขึ้นเมื่อเธอมองไม่เห็นพี่ชายทั้งที่นัดหมายกับเธอแล้วว่าเขาจะมาร่วมงานในคืนนี้
“ก็มาด้วยกันนี่แหละลูก แต่ไม่รู้ไปไหนคงจะเดินเล่นอยู่แถวๆนี้เดี๋ยวก็คงจะมา”
ขวัญรดาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องรู้สึกกับการที่อีกฝ่ายทำหมางเมิน ทั้งที่เวลานี้สิ่งที่เธอควรจะสนใจที่สุดคืองานส่งวิญญาณพ่อกับแม่ ที่เธอจะมีโอกาสทำเพื่อตอบแทนท่านทั้งสองเป็นโอกาสสุดท้ายแต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมันทำให้หัวใจของเธออ่อนแอเกินกว่าจะยืนได้ด้วยตัวเอง เธอกำลังต้องการกำลังใจจากคนที่เธอคิดว่าเขาคือสามีแต่เขาคงไม่คิดว่าเธอเป็นภรรยา สำหรับเขาเธอคงเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความใจง่ายของเธอในวันนั้นและมันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเพียงแค่ ความใคร่ที่ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ทุกอย่างในงานผ่านไปด้วยดีจนตอนนี้ก็ถึงวันฌาปนกิจศพพ่อและแม่ของขวัญรดา ควันที่โพยพุ่งออกจากปล่องควันเป็นเหมือนสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่กำลังเดินทางสู่สรวงสวรรค์ซึ่งสิ่งที่หญิงสาวทำได้ในตอนนี้คืออย่าทำให้ท่านเป็นห่วง
“แน่ใจหรือว่าจะกลับไปอยู่บ้าน”
ฤทัยขับรถมาส่งเพื่อนที่บ้าน เธอถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจเพราะถ้าเป็นตัวเธอคงไม่พร้อมที่จะกลับมาอยู่ที่เดิมในที่ที่มีความทรงจำของคนที่เธอรักอยู่แบบนี้
“เราต้องรีบทำตัวให้ชินเพราะอย่างไรสุดท้ายเราก็ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว”
เพื่อนทั้งสองต่างกอดให้กำลังใจกันก่อนที่ขวัญรดาจะก้าวเท้าลงจากรถ สำหรับเธอวันนี้ไม่ใช่เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะพยายามทำใจให้ลืมเรื่องพ่อกับแม่แต่มันจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะคิดถึงใครบางคนที่เขาไม่เคยแม้แต่จะแสดงความห่วงใยเธอในฐานะคนรู้จักก็ตาม
“ทำไมถึงปล่อยให้เพื่อนกลับไปอยู่คนเดียวที่บ้านแบบนั้น”
ทันทีที่ฤทัยถึงบ้านพี่ชายของเธอสองมือกอดอกรออยู่ที่หน้าประตูกล่าวทักทายเธอด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“พี่ตุลนี้ก็แปลกคนนะคะ ดูเป็นห่วงขวัญทุกอย่างแต่ทำไมฤทัยไม่เห็นพี่จะไปแสดงความเสียใจหรือพูดอะไรกับเพื่อนของฤทัยเลย”
น้องสาวสังเกตพี่ชายมาตั้งแต่เกิดเรื่องแล้วแต่ก็พยายามคิดว่าทั้งสองคนก็ไม่ได้สนิทอะไรกันอยู่แล้วแต่เมื่อมาเจอท่าทางเป็นห่วงและสิ่งที่พี่ชายคอยช่วยเหลืออยู่ลับหลังมันทำให้เธอรู้สึกว่าการกระทำต่อหน้ากับลับหลังมันช่างสวนทางกัน
“พี่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขา รู้จักก็เพราะว่าเป็นเพื่อนของเรา ก็ไม่อยากจะไปแสดงความรู้สึกอะไรมากแต่ครั้นจะไม่ช่วยเลยก็คิดว่าฤทัยกับเพื่อนก็คงจะจัดการทุกอย่างไม่ได้”
ด้วยความโตกว่าชายหนุ่มจึงหาข้อแก้ตัวได้ทันถึงแม้ว่าสายตาของเขามันจะดูล่อกแล่กไปบ้างแต่ก็สามารถเรียกสติให้กลับมาใช้น้ำเสียงที่ดูน่าเชื่อถือ
“เรื่องคดีพรุ่งนี้เพื่อนพี่ที่เป็นตำรวจจะโทรมาบอกความคืบหน้าแต่ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะทางคู่กรณีก็ยอมรับผิดทุกอย่างและเขาก็มีประกัน ยินยอมที่จะจ่ายค่าเสียหายแต่ทางขวัญจะพอใจไหม เราก็ต้องมาคุยกันอีกทีถ้าพรุ่งนี้เพื่อนพี่โทรมาว่ายังไงพี่จะโทรไปบอกเราให้โทรบอกเพื่อนนะ”
“พี่ตุลเอาเบอร์ขวัญไปเลยไหมคะ ฤทัยกลัวว่าถ้าฝากข้อความกันไปกันมาจะพูดกันไม่รู้เรื่อง”
ชายหนุ่มส่งโทรศัพท์ให้น้องสาวบันทึกเบอร์ไว้ ทำท่าเหมือนว่าเขาจะเป็นคนโทรหาอีกฝ่ายเองแต่หลังจากที่ได้เบอร์โทรศัพท์แล้วเขากลับบอกน้องสาวว่าพรุ่งนี้เขาจะพิมพ์เป็นข้อความรายละเอียดและส่งให้เธอเพื่อให้เธอส่งต่อให้เพื่อนอีกที เขาไม่ต้องการให้ขวัญรดารู้ว่าเขาเป็นคนช่วยเหลือทุกอย่างเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้สึกเกรงใจและไม่ยอมรับความช่วยเหลือซึ่งฤทัยก็เห็นด้วยเพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นคนที่ขี้เกรงใจและไม่ชอบรบกวนคนอื่น