ไม่ใช่อย่างที่คิดไว้(2)
“ต่อให้ผมจะไม่อยู่ที่นี่แล้วก็ขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรายังคงเป็นความลับต่อไป อย่าได้เอาเรื่องนี้ไปพูดกับใคร ที่ผ่านมาผมพลาดควบคุมตัวเองไม่ได้จนปล่อยให้เรื่องเลยเถิด เราก็อย่าพลาดให้เรื่องนี้เป็นเรื่องอื้อฉาวทำลายเราสองคนเลยนะ”
คนพูดรู้สึกโล่งใจที่ได้พูดออกไปแต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนตัวเองยิ่งไร้ค่า จากตอนแรกที่ขวัญฤดีได้รับข้อความจากคุณหมอเธอคิดว่าเขาคงอยากจะลาเธอแต่คงไม่สะดวกที่จะพูดต่อหน้าคนอื่นแต่เมื่อมาได้ยินถึงธุระของคุณหมอแล้วมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้มีอะไรสำคัญกับเขาจริงๆ
“คุณหมอไม่ต้องย้ำคำว่าพลาดหรอกค่ะ ขวัญ รู้ดีว่าคุณหมอไม่ได้ตั้งใจ ต่อให้คุณหมอจะหายไปจากโลกใบนี้แล้วก็จะไม่มีใครรู้เรื่องของเราอย่าลืมสิคะว่าขวัญเป็นผู้หญิงเรื่องนี้ถ้ามีคนอื่นรู้ก็คงจะมีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่เสียหายหรือคุณหมอจะลืมไปและหลงคิดว่าตัวเองเป็นถึงคุณหมอส่วนขวัญเป็นแค่พนักงานจนๆคนหนึ่งคงไม่มีศักดิ์ศรีอะไรที่ต้องกลัว ถ้าคุณหมอคิดแบบนั้นก็ขอให้รู้ไว้เลยนะคะว่าถึงใครจะมองว่าขวัญไม่มีศักดิ์ศรีแต่ขวัญมั่นใจว่าขวัญรักศักดิ์ศรีตัวเองมากพอที่จะไม่พูดในเรื่องที่ไม่สมควรพูดค่ะ”
ขวัญฤดีไม่อยากที่จะรอฟังคำพูดอะไรจาก คุณหมออีกแล้วเธอจึงหยิบกระเป๋าและเดินออกจากร้าน ปล่อยให้หยดน้ำตาไหลลงมาที่แก้มเพียงหยดเดียว เธอตั้งใจแล้วว่ามันจะเป็นน้ำตาครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอจะเสียให้กับผู้ชายคนนี้ เมื่อวันที่เกิดเรื่องราวที่เธอกับเขานอนด้วยกัน วันนั้นเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น สับสนไปหมดแต่วันนี้เธอเข้าใจทุกอย่างแล้ว ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะไม่ได้ตั้งใจแต่เธอก็ไม่เคยมองว่ามันเป็นความผิดพลาดเพราะคืนนั้นเธอเองก็คงเต็มใจที่จะนอนกับเขาแตกต่างจากเขาที่สุดท้ายในหัวใจก็มีแต่ความรู้สึกผิด
1 เดือนผ่านไป
“ผมบอกแล้วไงว่าให้เราสองคนทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นและนี่คุณมาหาผมที่โรงพยาบาลทำไม”
คุณหมอปราชญ์โวยวายทันทีเมื่อเจอหน้ากับขวัญฤดีทั้งที่ความจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง
“ขวัญท้อง...แต่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะคะ ฟังขวัญให้จบก่อน”
สาวน้อยที่เคยเป็นคนพูดน้อยท่าทางนิ่งเงียบวันนี้เธอมาด้วยท่าทางเอาจริงแววตาของเธอสะกดคนตรงหน้าเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายพูดอะไรอยากให้เขาฟังเธอพูดให้จบเสียก่อน
“คุณหมอไม่ต้องรับผิดชอบอะไรในตัวของขวัญเลย...แต่ขอได้ไหมคะ ให้คุณหมอรับผิดชอบในตัวของเด็กที่กำลังจะเกิดมา ขวัญเป็นเพียงแค่พนักงานจนๆพ่อแม่ก็อยู่ต่างจังหวัดคงไม่มีปัญญาที่ไหนที่จะดูแลและเลี้ยงเด็กคนนี้ได้ถ้าเขาได้เกิดมาและมีคุณหมอคอยดูแลเขาคงมีชีวิตที่ดีกว่าการที่จะอยู่กับขวัญที่ไม่มีอะไรติดตัว”
ขวัญฤดีเปลี่ยนสายตาที่จริงจังเป็นแววตาที่อ้อนวอนแทนเพราะตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องเธอก็ได้คิดทบทวนและตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่าเธอจะรักษาชีวิตของลูกไว้และเขาจะต้องมีชีวิตที่ดีที่สุด สำหรับตัวเธอเองคงไม่มีปัญญาที่จะสามารถดูแลเขาแต่ถ้าลูกได้อยู่กับคุณหมอไม่มีทางที่คุณหมอจะปล่อยให้ลูกลำบาก
“คุณหมายความว่ายังไง ทำไมดูคุณพูดง่ายจังนั่นชีวิตคนทั้งคนนะ”
“มันไม่ง่ายหรอกค่ะกว่าที่จะตัดสินใจมาในวันนี้มันไม่ง่ายเลย”
คุณหมอปราชญ์เปลี่ยนจากนั่งฝั่งตรงข้ามเป็นลุกมานั่งข้างๆกับขวัญฤดี สำหรับเขาข้อเสนอที่ หญิงสาวเสนอมามันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
“กลับไปลาออกจากงานแล้วมาอยู่ที่นี่กับผม ไม่ต้องมามองหน้าแบบนี้ ผมไม่ได้ให้จะให้คุณเป็นอะไรกับผมแต่คุณจะต้องมาอยู่เพื่อให้ผมได้ดูแลลูกในท้องและเมื่อเขาเกิดมาคุณก็ต้องดูแลเขาจะมาทิ้งให้ผมดูแลอยู่ฝ่ายเดียวมันได้ยังไงกัน ส่วนเรื่องของเราเอาไว้ค่อยมาตกลงกันที่นี่”
ขวัญฤดีรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยินแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไรคุณหมอก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงไปหาหญิงสาวที่กำลังจะเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่โดยไม่ได้หันมาสนใจเธอและจากท่าทางก็แสดงว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมาก
แขกผู้มาต่างถิ่นได้แต่มองตามหลังคุณหมอไปโดยไม่เข้าใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน ชีวิตของเธอต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอลาออกแล้วต้องย้ายมาอยู่กับเขาที่นี่จะอยู่ด้วยกันในฐานะอะไรอยู่ไปทำไมมีแต่ ความสงสัยที่เธอคงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามเพราะหวังให้อีกชีวิตได้มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด