ตอนที่ 13เร่งงานแต่ง1
หลังจากตรองอยู่อึดใจ จากนั้นเสียงทรงอำนาจจึงสั่งการ
“จางฉวน เจ้ารีบไปสืบมาว่าเดือนแปดวันที่สิบห้า ท่านหญิงหยี่ซินอยู่ที่ใดกับใคร”
จางฉวนหยุดมือทำร้ายเบาะรองนั่งพลางเหลือบตามองเจ้านาย “วันนั้นคือวันที่ท่านอ๋องเข้าป่าล่าสัตว์ในอุทยานหลวงแล้วเจอกับท่านหญิงหยี่ซินมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามหลี่เค่อจึงถลึงตาด่าจางฉวนว่า “เจ้าโง่!” จากนั้นก็ช่วยอธิบายให้เจ้าวัวเขลาผู้เป็นสหายตัวนี้ได้เข้าใจว่า “เจ้าไม่ได้ยินรึ? ว่าท่านหญิงมีน้องสาวฝาแฝด นางอาจส่งอีกคนมาล่อหลอกท่านอ๋องเพื่อการณ์นี้ก็เป็นได้”
กุนซือหน้าหยกเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องคอยเคียงข้างนายเหนือหัว คอยช่วยเหลือและช่วยแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายในทุกเรื่องราวได้เสมอมา จึงพอวิเคราะห์ได้ไม่ต่างจากเจ้านาย
เรื่องที่เจี้ยนอ๋องได้เจอท่านหญิงหยี่ซินและได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ทั้งยังส่งขนจิ้งจอกหิมะไปให้ หลี่เค่อไม่เคยต้องถาม เจ้าจางฉวนยังรีบกลับมาเล่าให้ฟังไม่มีตกหล่นตั้งแต่วันนั้นแล้ว
เช่นนี้...ต่อให้เขามิได้ติดตามเจิ้งเซียวเล่อไปในวันล่าสัตว์ก็ยังพอคาดเดาได้เป็นอย่างดีว่าสตรีผู้ที่อยู่กับเจ้านายของตนอาจเป็นอีกคนซึ่งคือตัวหลอกมิใช่ตัวจริง
จางฉวนเลิกคิ้วสูงมองกุนซือหน้าหยก เร่งทำความเข้าใจ
เจิ้งเซียวเล่อเริ่มหงุดหงิดที่คนสนิทชักช้า จึงยกฝ่าเท้าเตะใส่แรงๆ ไปหนึ่งที
“รีบไป!”
จางฉวนมีหรือจะช้า รีบไปสืบทันที
ระหว่างรอข่าว เจิ้งเซียวเล่อก็เข้าวังไปรายงานผลการศึกอย่างอารมณ์ดี มีวาทศิลป์เป็นเลิศ ทำตามกฎระเบียบทุกอย่าง ยังผลให้ฮ่องเต้พึงพอพระทัยยิ่ง
กระทั่งกลับวังเจี้ยนอ๋อง หลี่เค่อจึงลองถามอย่างอกสั่นขวัญผวาว่า “ท่านอ๋องสมควรโกรธคู่หมั้นกับรัชทายาทผู้เป็นพี่ชายของพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ ทำตัวดีเลิศไร้ที่ติเช่นนี้ กระหม่อมเกรงว่าพระองค์คงเสียใจจนสติผิดปกติแล้ว”
อ๋องหนุ่มไม่ตอบ เขาเพียงนั่งจิบชารอองครักษ์คนสนิทอยู่เงียบๆ อยู่ในตำหนักจิ่นเล่อของตน
จางฉวนยิ่งไม่เคยปล่อยให้นายเหนือหัวต้องรอนาน เขากลับมาพร้อมคำรายงานว่า
“เดือนแปดวันที่สิบห้า ท่านหญิงหยี่ซินได้ถูกเชิญเที่ยวชมเมืองจากคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉิน นางแต่งกายอาภรณ์สีแดง นั่งรถม้าหรูหราของตระกูลเฉิน ออกจากวังฝูอ๋องตั้งแต่ยามเช้ากลับเข้ามายามเย็นพร้อมเครื่องประดับผ้าพับเต็มรถม้าพ่ะย่ะค่ะ”
เจิ้งเซียวเล่อชะงักงันนิ่งฟัง ยังไม่ทันได้คิดตามกลับได้ยินจางฉวนกล่าวอีกหน
“แต่กระหม่อมสืบได้อีกว่า แท้จริงท่านหญิงลอบนัดพบกับองค์รัชทายาทต่างหาก พวกเขาแอบไปล่องเรือและดื่มชาเพียงสองต่อสองจนถึงยามเซินสี่เค่อ เรื่องนี้เจ้าแห่งวังฝูไม่ทรงทราบเพราะไว้ใจบุตรสาวบุญธรรมยิ่งนัก เพียงดีใจเรื่องขนจิ้งจอกหิมะจึงเรียกนางไปพบเพื่อย้ำเตือนความนัยของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
แต่ไหนแต่ไรมา การสืบข่าวลับ จับข่าวกรอง ไม่ว่าจะเป็นจากชนเผ่าเล็กๆ จนถึงระดับแคว้นยิ่งใหญ่ของศัตรู เจิ้งเซียวเล่อและสมุนทั้งสองนับได้ว่ามากฝีมือทั้งยังเก่งกาจหาตัวจับได้ยาก
เรื่องการเดินทางของท่านหญิงหยี่ซินว่าไปไหนมาไหน วันเวลาใดพบเจอใครบ้างนั้นจึงไม่คณามือของจางฉวนเลยสักนิด หากให้สืบมากกว่านี้เกรงว่าจะล่วงรู้กระทั่งจำนวนเส้นขนตา
จางฉวนรายงานเสร็จก็ถามว่า “ท่านอ๋อง พระองค์จะทรงเดินทางไปประกาศถอนหมั้นเมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ เห็นได้ชัดว่านางลอบคบหากับรัชทายาทตั้งแต่ท่านอ๋องยังอยู่เมืองหลวงด้วยซ้ำ ใต้จมูกเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทั้งยังส่งอีกคนมาอำพราง ช่างร้ายนัก!”
เจิ้งเซียวเล่อหรี่ตา ไร้วาจาใด เขามิใคร่สนใจด้วยซ้ำว่าหยี่ซินไปทำอะไรกับพี่ชายบ้าง เขาแค่ต้องการแน่ใจบางอย่าง
เพียงเขาเท่านั้น ที่รู้ว่าวันนั้นยามเซินสี่เค่อกำลังทำอะไรกับใครอยู่ในดงหญ้าก่อนจะถูกเข่าเล็กๆ ของแมวป่านางนั้นกระทุ้งท้องน้อยจนจุกร้องไม่ออก
ยิ่งคิดหัวใจยิ่งพองโตจนคับอก
ที่แท้นางก็มิใช่หยี่ซิน…
ชั่วจังหวะครุ่นคิดพลันได้ยินหลี่เค่อถามอย่างสงสัยว่า “ท่านอ๋อง ใกล้เวลาวันมงคลแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ ไยมิใช่สมควรเคลื่อนไหว เพื่อมิให้ผู้ใดเหิมเกริมกระทำแผนการต่ำช้า”
จางฉวนรีบเสริมว่า “น้องสาวของท่านหญิงยิ่งไม่น่าไว้ใจ พวกนางสองคนกำลังจะร่วมมือกันทำร้ายพระองค์”
“ท่านอ๋อง ครานี้คงต้องรีบถอนหมั้นแล้ว มิเช่นนั้นพระองค์คงได้เป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะเยาะ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจะทรงยอมเป็นวัวเป็นม้าให้ท่านหญิงกับรัชทายาทลากจูงมิได้โดยเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ”
นอกจากไม่ฟังยังเห็นต่าง อ๋องหนุ่มยกมือปรามเพื่อมิให้เจ้าสองคนนี้พูดพล่ามมากความพลางปรายตามองอย่างเย็นชา
หากเขาถอนหมั้นนั่นคือโง่บัดซบ!
ขณะคิดเจิ้งเซียวเล่อยังออกคำสั่งเสียงเหี้ยมว่า
“ส่งของกำนัลไปวังฝูอ๋องอีก เร่งงานแต่งให้เร็วขึ้นด้วย”
“หา!”
กล่าวจบพลันสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าห้องไปไม่เหลียวหลัง ไม่สนใจคนสนิททั้งสองที่บัดนี้คล้ายสุนัขหูตั้งตาโตสองตัว