บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 แผนแยบยล

ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนถือกระบี่อยู่กลางถนนหมุนตัวไปดูรอบๆ ผู้ติดตามของเขาวิ่งตามมาข้างหลังกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนก้มลงตรวจสอบร่างที่นอนเกลื่อนพื้น

“หัวหน้า ตายหมดแล้วขอรับ”

“คงจะมีคนคิดฆ่าปิดปาก ไวมากทีเดียว นี่ขนาดเราตามมาติดๆ เผลอหน่อยเดียวก็ไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มถอนหายใจ

เสียงคนของเขาผู้หนึ่งส่งสัญญาณเสียงให้ทุกคนรีบหลบ มู่โจวและคนของเขาเข้าซ่อนที่ข้างทาง ถนนนอกเมืองแห่งนี้ค่อนข้างเปลี่ยว กลุ่มคนที่วิ่งมาด้านหลังถือพู่ไฟอันเล็กติดมือมาด้วยทุกคน

“เหล่าไป๋ โจรพวกนั้นนี่”

คนที่ถูกเรียกก้มลงมองศพที่นอนเกลื่อนพื้น “พวกมันถูกฆ่าทิ้งหมดเลยหรือ? ลองนับดูสิว่ามีกี่คน เผื่อจะมีคนรอดชีวิตไปได้”

ดีที่คุณหนูใหญ่รอบคอบนัก นางบอกจำนวนคนร้ายที่นางสังเกตเห็นให้กับหัวหน้าองครักษ์ได้ทราบ พอคนของเขานับจำนวนเสร็จ องครักษ์ร่างใหญ่ก็ผงกศีรษะ

“คุณหนูใหญ่คาดการณ์ไว้ถูกต้อง สิบห้าคนลงไปต่อสู้ในถนน คนกลุ่มนี้รอซุ่มดู ถ้าอย่างนั้นยังขาดไปอีกสองคน ไปตามหาสองคนนั้นเร็วเข้า”

กลุ่มคนที่ซ่อนอยู่ออกมายืนพร้อมหน้ากันอีกครั้ง

“กู้เยว่ฉีอีกแล้ว สตรีผู้นี้เหมือนที่คนของพี่ข้ารายงาน นางเป็นคนฉลาดและชี้นำสกุลกู้ ที่ส่งใต้เท้ากู้กับน้องชายไปช่วยหลิงจางเหว่ยคงจะมีแผน”

“เรารีบตามหาสองคนที่หายไปเถอะขอรับ หากปล่อยให้ผู้อื่นตามพบก่อน จะสอบถามสิ่งใดก็คงทำได้ยากแล้ว”

“แยกย้ายกันออกไป ถ้าสองคนนั้นรอดชีวิตจริงก็คงจะหนีไปไม่ไกล อย่าให้คนของสกุลกู้จับได้ก่อนเราก็พอ”

“ขอรับ หัวหน้า”

มู่โจวย้อนกลับไปทิศเดิมที่เขาเพิ่งวิ่งมา คนสนิทของเขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มสาวเท้าเร็ว แสงไฟจากคบเพลิงในมือทหารที่ตามมาข้างหลังสี่คนทำให้เขาเห็นพื้นที่รอบๆ ได้ชัดเจน พลันสายตาเขาก็สังเกตเห็นบางอย่าง

“ค้นตรงนั้นสิ มีกิ่งไม้หักอยู่”

เสียงสวบสาบดังขึ้น ไม่นานนักทหารของมู่โจวก็หิ้วร่างของบุรุษในชุดดำสองคนออกมา “เจอแล้วขอรับ หัวหน้า”

“ลากพวกมันกลับฐาน” มู่โจวร้องสั่ง

ไม่นานนักคนร้ายทั้งสองก็ถูกปิดตามัดมือมัดเท้านำตัวไปยังบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดแห่งหนึ่งละแวกชานเมือง พวกมันไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน แต่พอโยนเข้าไปในห้องขัง หนึ่งในสองก็ร้องด่าออกมา

“เจ้าพวกจวนอ๋องสารเลว คิดจะฆ่าเราปิดปากให้หมดหรือไร?” คนร้ายหนึ่งในสองตะโกนลั่น

มู่โจวขมวดคิ้ว “พวกเจ้าถูกจวนอ๋องจ้างมานี่เอง”

พวกมันสองคนถึงกับผงะ มองดูบุรุษที่ยืนรุมล้อม

“เจ้าเป็นมือปราบใช่หรือไม่?”

มู่โจวส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่คนของจวนอ๋อง และไม่ใช่มือปราบด้วย หากข้าเป็นมือปราบจริงก็คงจะโยนเจ้าเข้าคุกหลวงไปแล้ว ข้าตามมาเพราะอยากจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนของผู้ใดกันแน่?”

“บอกไปเจ้าก็ฆ่าเราสองคนอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นข้าไม่พูดเสียดีกว่า”

“เด็ดเดี่ยวดี” มู่โจวพยักหน้า “แต่ข้าว่าพวกเจ้าพูดออกมาจะดีกว่า บาดแผลของพวกเจ้าในยามนี้ หากไม่รีบรักษาอีกไม่นานเลือดก็คงไหลจนหมดตัว สิ้นใจตายไปอย่างช้าๆ แต่หากเจ้ายอมเปิดปาก ข้าจะเรียกหมอมาช่วยชีวิตพวกเจ้า”

“เจ้าพูดจริงหรือ?”

“เจ้าไม่ต้องห่วง หัวหน้าของพวกเราพูดคำไหนคำนั้น” คนที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่โจวรีบกล่าวยืนยัน

คนร้ายผู้หนึ่งที่ถูกแทงตรงใต้ราวนมเริ่มหายใจรวยริน “อาเป่า ข้าจะไม่ไหวแล้ว ถ้าพวกเขารับปากจะช่วย เจ้าก็พูดเถอะ อย่างน้อยพวกเราก็ควรรักษาชีวิตกลับไปบอกคนที่รออยู่”

“ได้ ข้าพูดก็ได้” คนที่ถูกเรียกว่าอาเป่าหันไปมองสหายด้วยสายตาหวาดหวั่น “พวกข้าเป็นโจรเกาะยูซาน ถูกหัวหน้าสั่งให้มาทำทีลอบสังหาร หลิงอ๋องซื่อจื่อ พวกเขาต้องการแค่ขู่ให้กลัว พอมีคนเข้ามาช่วยก็ให้พวกข้าหนี แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนตามมาฆ่าปิดปาก”

มู่โจวฟังแล้วขมวดคิ้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านั่นคือคนตามมาฆ่าปิดปาก”

“ตอนที่พวกมันไล่ตามมา ข้าได้รับบาดเจ็บจึงหนีไปซ่อนในพุ่มไม้ คบเพลิงสาดส่องไปทางคนผู้นั้นแวบหนึ่ง ข้าจำได้ว่าเป็นมันที่เข้าไปพบหัวหน้าเกาะ มันพูดเองกับปากว่าเป็นคนของจวนหลิงอ๋อง มันสั่งให้ฆ่าพวกข้าทั้งหมด”

“ฝีมือของหลิงอ๋องซื่อจื่ออย่างนั้นหรือ? ข้าประเมินเขาต่ำไปสักหน่อย” หัวหน้าหน่วยเคลื่อนที่เร็วผุดลุกขึ้น มองดูบาดแผลของคนทั้งสอง “เรียกหมอมารักษาสองคนนี้ เดี๋ยวข้าจะมาสอบสวนเพิ่ม”

มู่โจวออกจากฐานก็รีบไปยังเหลารสสวรรค์ คนของเขาที่แฝงตัวอยู่ในสถานที่นั้นออกมารายงานว่าอ๋องน้อยหลิงดื่มสุราไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ออกไปแล้ว

“สั่งคนของเราให้เฝ้าดูหลิงเจาเหว่ยอย่าให้คลาดสายตา”

“ขอรับ”

กู้เยว่ฉีเดินวนเวียนไปในมาอยู่ในห้อง นางเฝ้ารอให้หัวหน้าองครักษ์กลับมาโดยไว สาวใช้สองคนคะยั้นคะยอให้นางเข้านอน

“คุณหนูเจ้าคะ ถ้าเหล่าไป๋กลับมาแล้ว ข้าจะปลุกคุณหนูเอง”

“ไม่ได้หรอกหวงฟู่ เรื่องนี้สำคัญมาก ข้าจะต้องอยู่รอฟังด้วยตนเอง”

แม้นางจะยืนยันเช่นนั้น แต่พอเวลาผ่านไปราวสองชั่วยาม ร่างกายของนางก็ทนไม่ไหว หญิงสาวๆ ค่อยๆ ฟุบหลับบนโต๊ะกลมกลางห้อง สาวใช้สองคนถ่างตาคอยกระทั่งองครักษ์ของกู้เยว่ฉีกลับมา

“เหล่าไป๋ ท่านช้าเกินไปแล้ว คุณหนูรอท่านจนหลับอยู่ที่โต๊ะ ข้าสองคนแทบจะไม่กล้ากระดุกกระดิก”

“ข้ารีบที่สุดแล้ว พวกเจ้ารีบไปปลุกคุณหนูเถอะ” สีหน้าขององครักษ์ดูอิดโรย นอกจากเขาจะต้องไล่ล่าคนร้ายพวกนั้นแล้ว ยังต้องไปตามมือปราบมาเก็บศพและควบม้าอย่างเร่งรีบกลับมาที่จวนสกุลกู้เพื่อรายงานผล

คุณหนูใหญ่มีนิสัยคล้ายบุรุษมากกว่าสตรี นางทั้งเจ้าแผนการและเด็ดขาด ไม่ว่านางออกคำสั่งใดก็ต้องทำให้ได้ตามนั้น เวลาตบรางวัลก็มากจนน่าตกใจ และในขณะเดียวกันหากทำผิดก็จะถูกลงโทษจนเกินจะรับไหว คนในจวนสกุลกู้ล้วนรู้นิสัยของนางดี

หวงฟู่ทำหน้าที่ปลุกเจ้านาย กู้เยว่ฉีที่กำลังฝันถึงช่วงเวลาที่นางกำลังขึ้นเกี้ยวแปดคนหามไปยังจวนหลิงอ๋อง เท้าของนางกำลังจะแตะลงพื้นดินหน้าประตูจวนเสียงของสาวใช้หน้าห้องก็ดังขึ้น

“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เหล่าไป๋กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

กู้เยว่ฉีที่กำลังก้าวเท้าลงจากรถม้าพลันสะดุ้ง เสียงเรียกนั้นทำให้นางที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสวมมงกุฎหงส์อันหนักอึ้งหันขวับกลับไปด้านหลัง ภาพฝันนั้นพลันดับสลาย หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น พอเห็นสาวใช้กำลังยืนรอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็รีบนั่งตัวตรง

“เจ้าเรียกข้าหรือ?”

“เจ้าค่ะ เหล่าไป๋กลับมาแล้วคุณหนู”

“ไปเรียกเขาเข้ามา”

พอหัวหน้าองครักษ์รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้กู้เยว่ฉีฟัง นางก็ยกยิ้มมุมปาก ในใจรู้สึกเจ็บแปลบที่ไหวตัวช้า สามีในฝันที่นางเคยชื่นชมว่าเป็นบุรุษรูปงามองอาจ ชาติตระกูลสูงส่ง เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แท้จริงยังมีความสามารถหนึ่งซ่อนอยู่ นั่นคือการเป็นบุรุษที่วางแผนได้ซับซ้อนเกินกว่าที่นางคาดถึง

“คุณหนูใหญ่ สำนักมือปราบชันสูตรศพพวกเขาแล้ว พบรอยสักที่บั้นเอว คนพวกนี้น่าจะเป็นโจรเกาะยูซานขอรับ”

***************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel