ตอนที่ 12 คนผู้นั้นข้าฆ่าเอง
อ๋องคังเกิดมาพร้อมกับวรยุทธ แขนหักหรือไม่ เพียงใช้สายตาก็สามารถรับรู้ได้แล้ว ทันใดนั้นสายตาก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “เสี้ยเหอ เจ้าเริ่มโกหกเป็นตั้งแต่เมื่อใดกัน ทั้งผลักพี่สาวของเจ้า แล้วครานี้ยังแสร้งบาดเจ็บอีกหรือ”
แต่เดิมที่ต้องการจะฟ้องก็กลับกลายเป็นโดนด่าแทน คังเสี้ยเหอรับไม่ได้ แต่ก็ไม่เข้าใจ จึงได้หันกลับไปมอง
ถึงได้เห็นว่าร่างของเหยาเซิงกำลังลุกขึ้นมา จากบนพื้น ร่างบางที่ราวกับจะปลิวได้ ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความอดกลั้น “ท่านพ่อน้องเพียงต้องการปกป้องท่านแม่ก็เท่านั้น บันดาลโทสะก็เพราะอยากช่วย คงไม่ได้มีอะไรอื่น”
อาจดูเหมือนการพูดแทนคังเสี้ยเหอแต่ความจริงแล้วเป็นการโยนความผิดให้นาง ใครฟังก็รับรู้และรู้สึกได้เป็นคังเสี้ยเหอที่ผลักนางล้มลงไป ชายารองติงที่เห็นสถานการณ์ในคราแรก ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คังเสี้ยเหอนิสัยหยิ่งทะนง แต่นางก็รู้จักดีว่าคังเสี้ยเหอจะไม่พูดโกหกอะไรโง่ๆ ให้โดนจับได้เช่นนี้
คังเสี้ยเหอยังเด็กนัก เมื่อโดนปรักปรำ ก็ชี้หน้าเหยาเซิง และด่ากราดในทันที
“คังเสว่มี่เจ้าอย่ามาแสดงละครต่อหน้าท่านพ่อ จะมาเสแสร้งอะไรที่นี่กัน แท้จริงแล้วเจ้าได้ฆ่าสาวใช้ผู้นั้นหรือไม่
เจ้าพูดมา เหตุใดนางถึงมาตายอยู่ข้างๆ เจ้า เหตุใดหน้าเจ้าถึงเต็มไปด้วยเลือด วันนี้องค์รัชทายาทพระองค์เองก็อยู่ ณ ที่นี้ เจ้าแถลงไขมาให้ชัดเจนเสียเดี๋ยวนี้”
อ๋องคังเมื่อเห็นบุตรีคนโตรับแรงอารมณ์
ของบุตรีคนที่สามแล้วยังมาช่วยพูดแก้ต่าง ให้ ในใจพลันนึกสงสารขึ้นมา
แต่เมื่อได้ยินคังเสี้ยเหอด่ากราดบุตรีคนโต แถมยังโยนเรื่องภายในบ้านไว้บนเศียรขององค์รัชทายาท ใบหน้านิ่วและด่าทอ “เสี้ยเหอนางเป็นพี่สาวของเจ้า ระวังปากของเจ้าเสียบ้าง”
ไป๋หลี่รุ่ยที่ยืนมองละครจนจบอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้สนใจเรื่องที่สวนหลังตำหนักของขุนนางคนนี้เลยแม้แต่นิด ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดมุ่น
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หากเป็นในอดีตที่หากมีใครมาบอกว่าคังเสว่มี่ฆ่าคน เขาย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ กลับบอกว่าคังเสว่มี่ไม่ใช่เช่นเดิมแล้ว
ดวงตาล้ำลึกพยายามมองอย่างค้นหา มองเด็กสาวผู้ที่ยืนอยู่ข้างทะเลสาบโดยไม่ขยับอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากประกบแน่น
“วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดอ๋องคังกลับมาเกิดเรื่องที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ขึ้นเสียได้
และเหตุการณ์ในครานี้ดูเหมือนว่าจะมีคุณหนูใหญ่คังรับรู้แต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้นคุณหนูใหญ่คังช่วยอธิบายเรื่องนี้ ด้วย”
เมื่อองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนั้น อ๋องคังก็ไม่สามารถบอกให้เขารีบออกไปได้ ท้ายที่สุดงานสมรสระหว่างองค์รัชทายาท และบุตรีของตนยังคงมีอยู่หรือไม่ สายตาของเขาลอบมองไปยังศพกลางน้ำ เสว่มี่เป็นคนฆ่าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
เรื่องของศพนั้น เหยาเซิงได้ตระเตรียมเรื่องราวไว้เสร็จสรรพแล้ว เธอไม่ได้มายืนโง่ๆ อยู่ที่นี่ เพื่อยืดอกรับข้อหาฆ่าคนตายหรอกนะ
ริมฝีปากของเธอเผยอออก ทันใดนั้นเธอก็เห็นชายหนุ่มชุดม่วงที่ยืนเงียบ มาโดยตลอดส่งยิ้มมาให้ แล้วก้าวตรงมาทางนี้อย่างช้าๆ
เขาออกมาทำอะไรในเวลานี้กัน
มาเป็นพยาน เพื่อบอกว่านางเป็นคนฆ่าอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้น เธอจะทำอย่างไรดี สมองของเหยาเซิงเริ่มทำงานอย่างด่วนจี๋
ชายชุดม่วงก้าวเดินอย่างเชื่องช้า แสงแดดส่องประกายราวกับทองคำ
เพียงแค่เขาเดินออกมา ท่วงท่าที่สง่างามนั้นราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่เย็นสบาย ต่างกดความร้อนแรงในที่นี้ไปจนหมด ทุกสายตาต่างหยุดอยู่ที่ร่างของเขาราวกับ ถูกลมพัด
แม้จะพบพานเพียงหนึ่งครั้ง เหยาเซิงก็ยังอดที่จะยอมรับไม่ได้ ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้งดงามเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายวัยกลางคนอย่างอ๋องคัง หรือองค์รัชทายาทผู้ทรงเกียรติอย่างไป๋หลี่รุ่ย เมื่อเทียบกับเขาแล้วก็กลายเป็นเพียงควันที่
มองผ่านไปก็เท่านั้นช่างเป็นมนุษย์ที่มีเสน่ห์อย่างเหลือล้นนัก เหยาเชิงรับรู้ถึงสายตาของคังเสี้ยเหอที่หลงรักองค์รัชทายาทได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อพบเห็นชายชุดม่วง ก็ยังอดมองอย่างตื่นตะลึงไม่ได้
ไม่รู้เพราะเหตุใด เหยาเซิงนึกถึงดอกมั่นถัวหลัวขึ้นมา ดอกไม้พิษที่สวยงามนี้ช่างเหมือนกับชายหนุ่มเบื้องหน้ายิ่งนัก สวยงามแต่ก็อันตราย ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานแรงดึงดูดของเขาได้
อ๋องคังเมื่อเห็นชายชุดม่วงเดินออกมา นัยน์ตาก็ฉายแววยินดี และตื่นตระหนก สาวเท้าไปข้างหน้าอย่างห้ามไม่ได้
“ท่านจี้ซื่อจื่อ แต่เดิมท่านอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ เมื่อประเดี๋ยวข้าไม่เห็นท่านที่ห้องโถง ก็นึกว่าท่านมีธุระจนจากไปก่อนเสียแล้ว"
“จี้อี้คออ่อนนัก ดื่มได้เพียงไม่กี่จอก จึงเลือกเดินออกมายังสวนดอกไม้ข้างหลังจวนของอ๋องคัง ยังคงงดงามดั่งเก่า”
เห็นได้ชัดว่าอ๋องคังดูปลื้มปริ่มยิ่งนัก และกล่าวอย่างนอบน้อม “นึกว่าจี้ซื่อจื่อไม่อยู่ การมาของชื่อจื่อในวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก สวนดอกไม้หลังตำหนัก เมื่ออยู่เบื้องหน้าของจี้ซื่อจื่อก็น่าเกลียดขึ้นทันตา”
จี้อี้ยิ้มบางๆ แล้วปิดปากเงียบ สายตาและท่าทางดูสงบนิ่ง ยกแขนขึ้นอย่างทื่อๆ แขนเสื้อเปิดกว้างราวกับลำธาร นิ้วขาวราวกับหยกชี้ไปยังทะเลสาบเบื้องหน้า แล้วกล่าวเสียงเบา
“คนผู้นั้นข้าเป็นคนฆ่าเอง”